ตอนที่ 3563 สือเทียนเหมิง มิซวน!

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ถึงแม้ว่าใต้หล้าจะมีคนใช้แซ่เดียวกันมากมาย
  อย่างไรก็ตาม การที่คนสองคนมีแซ่เดียวกัน มาอยู่ในกองกำลังเดียวกัน ท่ามกลางเขตอันมากมายภายในสมรภูมิ 9 ยมโลก ทั้งยังมีพลังฝีมือพอๆกันอีก หากจะให้พูดว่าทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญ…ก็ไม่ผิดที่จะบอกว่าเป็นไปได้ เพียงแค่โอกาสที่จะเกิดเรื่องบังเอิญเช่นนี้มันน้อยนิดเหลือเกิน!
  ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ได้ยินหลัวอี้หมิงกล่าวแนะนำตัวเองออกมา เขาจึงสะดุดกับแซ่ หลัว ของอีกฝ่ายแต่แรก และสงสัยไปอยู่บ้าง ว่าทั้งคู่จะใช่พี่น้องไม่ก็ญาติกันหรือไม่…เช่นนั้นพอได้ยินคำชี้แจงของหลัวเฟิง เขาเพียงแค่ประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แปลกใจอะไร
  ด้านหลัวอี้หมิง หลังได้รับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจากญาติผู้น้องแล้ว ยามอยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่นิดเดียว
  มันก็เลยจัดแจงเรื่องราวที่พักให้ต้วนหลิงงเทียนด้วยตัวเอง
  “ท่านลี่เฟิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านจะเป็นผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับเรา”
  หลังจัดแจงสถานที่พักบ่มเพาะให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว ก่อนจากไปหลัวอี้หมิงก็มองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ไหนแต่ไรมา พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราไม่เคยมีตำแหน่งผู้คุมกฏอาวุโสมาก่อน”
  “อ้อ”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างขอไปที เขาไม่ได้สนใจฐานะตำแหน่งที่เป็นเพียงชื่อแต่ไร้ความหมายอะไรกับเขาพวกนี้อยู่แล้ว
  ต้องทราบด้วยว่าตอนที่เขายังอยู่ในภาคตะวันออกเขต 9 ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงถึงกับจะยกตำแหน่งผู้นำพันธมิตรสวรรค์ให้เขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็เลือกจะปฏิเสธไปทันทีโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
  “ผู้นำหลัว หลังจากนี้ข้าจะอาศัยค่ายของท่านเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ ในเมื่อท่านเองก็อำนวยความสะดวกให้ข้า…เช่นนั้นวันหน้าหากพันธมิตรอุดรลี้ลับมีเรื่องใดที่จำต้องพึ่งกำลังของข้า ท่านก็สามารถแจ้งข้าได้ทุกเมื่อ…ขอเพียงยังอยู่ในขอบเขตที่ความสามารถข้ากระทำได้ เช่นนั้นข้ายินดีช่วยเหลือ”
  ก่อนที่หลัวอี้หมิงจะจากไป ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยปากให้คำมั่นแก่อีกฝ่าย
  ขณะเดียวกันเขาก็ได้มอบลูกแก้ววิญญาณของเขาให้หลัวอี้หมิงเก็บไว้ ทั้งหมดเพื่อให้อีกฝ่ายสามารถติดต่อเขาได้สะดวก
  ด้านหลัวอี้หมิงพอได้ยินต้วนหลิงเทียนรับปากเรื่องนี้ออกมา มันก็รีบรับลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน และส่งมอบลูกแก้ววิญญาณของตัวเองไปเป็นการแลกเปลี่ยนทันที ในขณะแลกลูกแก้วดังกล่าว สองตามันยังเป็นประกายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ไหว!
  ก่อนหน้านี้ตอนที่มันได้ยินหลัวเฟิง ลูกพี่ลูกน้องกล่าวถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดไหน กระทั่งตัวมันเองก็ไม่มีความมั่นใจจะสู้กับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เดิมทีมันหลงคิดว่าคงทำได้แค่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่อาศัยที่นี่อย่างสบายใจ และหวังว่าวันหน้าหากที่นี่เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต อีกฝ่ายอาจจะออกหน้าเพื่อเห็นแก่พวกมันบ้างเท่านั้น…
  แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าอีกฝ่ายจะรับปากมันมาแบบนี้!
  เพราะด้วยถ้อยคำดังกล่าว หมายความว่าหากมีเรื่องที่สำคัญต้องสะสางจริงๆ พันธมิตรอุดรลี้ลับยังขอยืมมือชายผู้นี้ได้!
  สำหรับมันแล้ว ส่งนี้เป็นดั่งของขวัญที่ได้มาอย่างเหนือความคาดหมาย!
  “หากยังเป็นเรื่องราวที่พันธมิตรอุดรลี้ลับสามารถรับมือได้ พวกเราไม่มีทางรบกวนการฝึกฝนบ่มเพาะของผู้คุมกฏอาวุโสแน่นอน…วันหน้าผู้คุมกฏอาวุโสสามารถฝึกฝนบ่มเพาะที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
  ถึงแม้ชายเบื้องหน้าจะรับปากแล้ว แต่หลัวอี้หมิงก็เผยเจตนาว่าจะไม่รบกวนให้อีกฝ่ายลงมือง่ายๆ ดังนั้นคำพูดของมันจึงเป็นการแสดงความจริงใจอย่างหนึ่ง และมอบความเชื่อมั่นให้อีกฝ่าย
  “ดี”
  หลังต้วนหลิงเทียนรับคำ เขาก็โรยตัวลงจากกลางหาว ไปยังสถานที่พักบ่มเพาะที่หลัวอี้หมิงผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับจัดให้เป็นพิเศษ
  มันเป็นเรือนใหญ่โตหลังหนึ่ง และตั้งอยู่ในมุมอันเงียบสงบห่างไกลของค่ายที่พัก น้อยคนนักที่จะมีใครเฉียดเข้าใกล้บริเวณนี้
  สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว มันเป็นสถานที่บ่มเพาะอันเงียบสงบตรงตามความต้องการของเขาทีเดียว
  หลัวอี้หมิงเลือกจะมองส่งต้วนหลิงเทียนจนกระทั่งแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายเข้าไปในเรือนจนลับตา ถึงค่อยจากไป ขณะเดียวกันมันก็เร่งส่งข้อความไปหาลูกพี่ลูกน้องของมันอย่างหลัวเฟิงทันที “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านลี่เฟิงจะเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของพวกเรา และข้าให้ท่านลี่เฟิงอยู่ในตำแหน่งผู้คุมกฏอาวุโส…สักครู่ข้าจะประกาศแจ้งเรื่องนี้”
  “แต่ที่สำคัญ ตอนนี้เจ้ารีบไปกำชับผู้ที่เห็นเหตุการณ์ตอนเจ้าประมือกับท่านลี่เฟิงเสีย เรื่องที่ท่านลี่เฟิงครอบครองอุปกรณ์เทพ พวกเรามิอาจปล่อยให้แพร่งพรายออกไปได้เด็ดขาด! หาไม่แล้วหายนะจากทุกสารทิศได้มาเยือนพวกเราแน่!!”
  หลัวเฟิงเองก็ตระหนักความสำคัญของเรื่องนี้ได้เช่นกัน มันจึงเร่งรุดไปจัดการเรื่องราวทันที ลูกพี่ลุกน้องคู่นี้จึงยุ่งกันอยู่สักพัก
  จากนั้นไม่นานนัก ทั้งพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ฮือฮากันใหญ่
  พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน มีผู้คุมกฏอาวุโสแล้ว?..
  ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้แม้พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันจะมีผู้คุมกฏไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนมีฐานะรองจากผู้นำ รวมถึงรองผู้นำ…ทว่าตำแหน่งผู้คุมกฏอาวุโสนี่ ถูกระบุไว้ชัดเจนว่าได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ! แถมยังกำชับทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับไว้อีกว่า…เห็นผู้คุมกฏอาวุโสเหมือนพบผู้นำ!?
  สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน เสมือนมีผู้นำ 2 คนหรือไร?
  “เป็นผู้ใดกันแน่ ถึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้คุมกฏอาววุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราเป็นกรณีพิเศษ? แถมตำแหน่งยังเหนือกว่ารองผู้นำอีกด้วย! ทั้งๆที่รองผู้นำของพวกเราก็เป็นเทพสงคราม 8 ดาราเข้าไปแล้ว!!”
  “ที่แท้คนผู้นั้นมีคุณสมบัติถึงจริงๆ หรือเป็นเส้นสายของผู้นำกันแน่?”
  “ถึงกับมีศักดิ์ศรีเสมอผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา…เช่นนั้นพลังฝีมือของคนเล่า คู่ควรกับตำแหน่งหรือไม่?”
  …
  หลังเรื่องราวการแต่งตั้งผู้คุมกฏอาวุโสแพร่ออกไปในพันธมิตรอุดรลี้ลับ เหล่าคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็เริ่มตั้งคำถามกันยกใหญ่ ว่าผู้คุมกฏอาวุโสคนแรกในประวัติศาสตร์พันธมิตรอุดรลี้ลับ ที่แท้มีพลังฝีมือสูงพอจะดำรงตำแหน่งนี้แล้วหรือไม่?
  อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 11 คนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชนชั้นอาวุโสอย่างฉีจินได้ปริปากกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเรื่องอุปกรณ์เทพไป เหล่าสมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับทั้งหลายก็ตกตะลึงพรึงเพริดนัก
  “อะไร!? เพียงหนึ่งกระบวนท่าก็ฝ่าปราการป้องกันอันแข็งแกร่งของรองผู้นำหลัวเฟิงได้ง่ายดาย?”
  “ในเวลาสั้นๆไม่กี่อึดใจ ก็เอาชนะใต้เท้าหลัวเฟิงได้แล้วเช่นนั้นรึ?!”
  “ให้ตายเถอะ พลังระดับนั้นกระทั่งท่านผู้นำเองก็ใช่ว่าจะกระทำได้กระมัง? ที่แท้ผู้คุมกฏอาวุโสหมวกฟางในสวมชุดคลุมลมดำผู้นั้นเป็นยอดคนจากแห่งหนใดกัน?”
  …
  หลังได้รับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจากปากผู้อยู่ในเหตุการณ์คร่าวๆ ในที่สุดสมาชิกพันมิตรอุดรลี้ลับ ก็ไม่กล้าตั้งคำถามถึงพลังฝีมือของผู้คุมกฏอาวุโสคนแรกอีก และในปัจจุบันพวกมันก็เหลือแต่ความตกตะลึงในใจเท่านั้น
  พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
  ว่าอยู่ๆตัวตนอันทรงพลังดังกล่าวจะมาปรากฏขึ้นในพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันได้!
  “ลองเอาชนะใต้เท้าหลัวเฟิงได้ในกระบวนเดียวแถมยังในเวลาไม่กี่อึดใจแบบนี้…พลังฝีมืออย่างน้อยๆก็ต้องเทียบได้กับท่านผู้นำเข้าไปแล้ว!”
  หลายคนเริ่มรู้สึกไปทำนองดังกล่าว…
  จากนั้นสมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ถกกันถึงงประเด็นนี้ไปอีกพักใหญ่ หลายคนเริ่มบังเกิดความคาดหวังในตัวผู้คุมกฏอาวุโสอย่างสูง และยิ่งคุยกันถึงเรื่องอนาคตมากเท่าไหร่พวกมันก็ยิ่งคึกคัก ไม่มีเบื่อหน่าย
  ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
  ตอนนี้เขาทุ่มจิตสมาธิทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะพลัง หมายก้าวไปเหยียบธรณีประตูขอบเขตเทพให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ก็ไร้แห่งหนใดในสมรภูมิ 9 ยมโลกที่เขาไม่อาจไป กระทั่งเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอะไรอีก
  …
  “รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ ในภาคตะวันออกเขต 9? ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นน่ะรึ?”
  หมี่ซวนอดีตผู้นำเผ่าพันธุ์ภูตที่ได้ชิงร่าง ถังซานเป่า จ้าววิหารน้อยไปนั้น มันได้เข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์เสียอีก…
  อย่างไรก็ตามหลังหมี่ซวนเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกแล้ว สิ่งแรกที่มันกระทำก็คือการหาของกำลังเพื่อเข้าร่วม
  เทียบกับความไม่รู้ของต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งแรก หมี่ซวนนั้นรู้เรื่องราวภายในสมรภูมิ 9 ยมโลกดีอยู่แล้วก่อนที่จะเข้ามาครั้งนี้ ทันทีที่มันเข้ามามันก็ไปหากองกำลังเพื่อเข้าร่วมทันที
  พันธมิตรฟ้ากระจ่าง ภาคตะวันตกเขต 5!
  ในปัจจุบันหมี่ซวนก็ได้ผนึกวิญญาณของตัวเองไว้ให้อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และเนื่องจากในอดีตมันเป็นร่างวิญญาณ จะความลึกซึ้งของกฏที่มันเคยใช้หรือทักษะใดๆ พอมาอยู่ในร่างเนื้อที่มีพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดจึงกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ไม่คุ้นชิน ทำให้ยังไม่อาจสำแดงพลังอำนาจออกมาได้เต็มกำลัง
  และวันนี้ ก็เป็นวันที่หมี่ซวนออกจากการกักตัวฝึกฝนเป็นครั้งแรก หลังจากเข้าร่วมกับพันธมิตรฟ้ากระจ่าง
  ทันทีที่มันออกจากการกักตัวฝึกฝน มันก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเขต 9 ของสมรภูมิ 9 ยมโลกทันที
  “เจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกแล้ว?”
  ดวงตาถังซานเป่าหรือกล่าวให้ถูกก็คือหมี่ซวนเป็นประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที
  หมี่เยี่ยน น้องชายของมันถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย! การได้รับข่าวอีกฝ่ายหมายถึงมันมีโอกาสได้แก้แค้น!!
  “เช่นนั้นหวู่หงชิงสมควรส่งคนมาแจ้งข่าวให้ข้าแล้วกระมัง…”
  หมี่ซวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะนึกถึงหวู่หงชิงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักก่อนใดอื่น ด้วยเครือข่ายข่าวกรองที่อีกฝ่ายมี ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมีชื่อเสียงขึ้นมาในสมรภูมิ 9 ยมโลก อีกฝ่ายสมควรรับทราบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนโดยละเอียดทันที
  กอปรกับมันได้อาศัยอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลกแต่แรก เช่นนั้นอีกฝ่ายไม่พ้นต้องส่งคนเข้ามาเพื่อแจ้งเรื่องราววให้มันทราบแน่นอน
  “แต่ก่อนหน้าข้าได้ปิดกั้นการติดต่อทั้งหมด…เช่นนั้นจึงไม่ได้รับข้อความจากคนของมัน”
  “ออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกไปหารือกับมันก่อนประเสริฐกว่า ดูว่ามันมีแผนจะจัดการกับต้วนหลิงเทียนอย่างไร…และต้วนหลิงเทียนนั่น หลังจากเข่นฆ่าศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนไปแล้ว ก็ไม่มีข่าวใดๆของมันอีกเลย ไม่พ้นป่านนี้ต้องหลบไปซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้วเป็นแน่…”
  “หากต้วนหลิงเทียนตั้งใจจะซ่อนตัวจริงๆ ต่อให้เป็นหวู่หงชิงก็คงงยากจะหาตัวมันพบ…”
  พึมพำถึงจุดนี้ หมี่ซวน ก็ออกจากพันธมิตรฟ้ากระจ่าง กระทั่งยังออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลก และย้อนกลับไปยังระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักทันที
  “ไฉนท่านพึ่งจะออกมาตอนนี้เล่า?”
  พอเห็นหมี่ซวน หวู่หงชิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ต้องทราบด้วยว่ามันส่งคนไปแจ้งหมี่ซวนให้ออกมาหารือเรื่องจัดการกับต้วนหลิงเทียนตั้งนานแล้ว
  ก่อนที่หมี่ซวนจะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก อีกฝ่ายก็ได้ทิ้งลูกแก้ววิญญาณไว้ให้มัน เช่นนั้นพอมันได้ข่าวต้วนหลิงเทียน จึงเร่งรุดให้คนนำลูกแก้ววิญญาณของอีกฝ่ายไปยังสมรภูมิ 9 ยมโลกเพื่อเรียกหา ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นการติดต่อทางเดียว จึงไม่ทราบว่าหมี่ซวนได้รับทราบเรื่องราวแล้วหรือยัง…
  อย่างไรก็ตามหลังเวลาผ่านไปนานเข้า แต่หมี่ซวนยังไม่กลับมาเสียที เช่นนั้นมันก็เดาได้ทันทีว่าหมี่ซวนต้องยังไม่ได้รับข้อความเป็นแน่
  พอหมี่ซวนมาปราฏตัวขึ้นวันนี้ มันจึงเดาได้ว่า…ไม่พ้นหมี่ซวนพึ่งจะได้ยินข่าวเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนในสมรภูมิ 9 ยมโลก จึงออกมาเพื่อหารือกับมัน!
  “ข้ากักตัวฝึกฝนอยู่ถึงช่วงสำคัญ เช่นนั้นนอกเหนือจากระวังป้องกันภัยรอบๆแล้ว ข้าก็ปิดกั้นทุกสิ่งที่อาจส่งผลต่อการฝึกฝนของข้ารวมถึงข้อความด้วย…”
  หมี่ซวนเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ท่านสมควรให้คนเข้าไปส่งข้อความถึงงข้า…เรื่องต้วนหลิงเทียนนั่นแต่แรก?”
  “มิผิด”
  หวู่หงชิงพยักหน้า
  “ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายเช่นนี้…จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนอะไรนั่น คงไม่คิดจะปล่อยต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆกระมัง?”
  หมี่ซวนมองลึกไปยังหวู่หงชิงครู่หนึ่ง ค่อยกล่าว “หากเลือกได้ ท่านคงไม่เต็มใจปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนต้องตกตายคามือจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนผู้นั้น?”
  “อย่างกับท่านเต็มใจ?”
  หวู่หงชิงแสยะยิ้มด้วยสีหน้ารังเกียจ “เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุในร่างต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่อะไรที่ข้าอยากได้คนเดียว ท่านเองก็อยากได้มิใช่รึ?”
  “เอาล่ะ”
  หมี่ซวนโบกมือไปมา พลางกล่าวตัดบท “เข้าเรื่องเลยเถอะ ตอนนี้ท่านคิดทำเช่นไร ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นตอนนี้มิพ้นต้องหลบซ่อนตัวอย่างระวังแน่ เผลอๆมันอาจจะออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกไปแล้วก็เป็นได้”
  “มันมิควรออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลก…”
  สองตาหวู่หงชิงงทอประกายวาวโรจน์ ค่อยกล่าวเสียงเข้มว่า “ต้วนหลิงเทียนนั่น มันสามารถประสบผลสำเร็จถึงระดับนี้ได้ด้วยวัยเพียงไม่กี่ร้อยปี…มันจึงมิใช่คนที่จะเต็มใจหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแน่นอน!”
  “ตั้งแต่ที่มันปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลก หลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น ก็บ่งชี้ชัดแล้วว่ามันไม่เต็มใจจะหลบซ่อนตัวอยู่ในระนาบเทวโลกหรือระนาบโลกียะอันใด!”
  “มันไม่พ้นต้องกำลังหาทางเพิ่มพูนพลังฝีมือให้เร็วที่สุด เช่นนั้นสถานที่แห่งเดียวที่มันจะไปก็มีแต่สมรภูมิ 9 ยมโลกเท่านั้น…ข้าเชื่อว่าตอนนี้มันกำลังปิดด่านบ่มเพาะเพื่อยกระดับพลัง กระทั่งต้องการทะลวงให้ถึงขอบเขตเทพโดยเร็ว!”
  “หากมันหลบไปบ่มเพาะในระนาบโลกียะ ที่วิหารเฟิงงฮ่าวเราตามหาตัวมันยากที่สุด…การบ่มเพาะของมันก็มีอันต้องล่าช้าออกไปอย่างใหญ่หลวง”
  “ดังนั้นข้าเชื่อว่าสิบในสิบมันต้องยังอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลกเป็นแน่!”
  “ไม่ใช่ข้าเท่านั้นที่คิดเช่นนี้…กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้า”
  หลังได้ฟังวาจาประโยคดังกล่าวของหวู่หงชิง คิ้วของหมี่ซวนก็เลิกขึ้นทันที “หืม? นี่ท่านติดต่อกับจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนนั่นแล้วรึ?”