เรื่องเทพเบญจธาตุของเขา มีแค่หวู่หงชิงกับหมี่ซวนเท่านั้นที่รู้ และภัยยคุกคามเขาก็มีแต่วิหารเฟิงฮ่าวกับหมี่ซวน
ส่วนเรื่องกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขา มีหลายคนที่ล่วงรู้ ทำให้เขาตกเป็นเป้าของสาธารณชน
การหลบหนีไปยังระนาบโลกียะย่อมเป็นอีกหนึ่งทางเลือก และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครหาเขาพบ
แต่ก็เป็นอย่างที่วารีเทพชำระโลกาว่า…
การฝึกฝนบ่มเพาะในระนาบโลกียะ แม้เขาจะมีพลังงวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพในโลกใบเล็ก แต่จิตวิญญาณของเขาต้องซบเซาเพราะความสงบ และความปลอดภัย มันต้องส่งผลต่อการฝึกฝนไม่น้อย
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้ดี
หาไม่แล้ว เขาคงไม่เลือกเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกแต่แรก เพียงแค่ไปหาระนาบโลกียะเพื่อซ่อนตัวฝึกฝนก็จบ
แม้เขาอาจจะยกอ้างเหตุผลในการเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก เพราะเรื่องที่วารีเทพชำระโลกามีค่ายกลกลืนกินวิญญาณเทพเบญจธาตุ แต่เขาก็สามารถฝึกฝนในระนาบโลกียะจนบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราก่อน ค่อยมาดำเนินการตามแผนในสมรภูมิ 9 ยมโลกก็ยังได้…
เหตุผลที่ไฉนเขาไม่ทำแบบนั้น เพราะสภาพแวดล้อมอันสงบไร้อันตรายใดๆในระนาบโลกียะ จะทำให้เขาหย่อนยาน กายเป็นถ่วงรั้งการฝึกฝนบ่มเพาะของเขาโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ ทางเลือกที่วารีเทพชำระโลกาเสนอมาก็เช่นกัน
“พี่สาวสุ่ย ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าเลือกจะเสี่ยงไปยังระนาบสมรภูมิเพื่อไปยังระนาบเทพล่วงหน้า…แต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องไปจัดการเรื่องของครอบครัวและสหายข้าก่อน”
ทางเลือกของวารีเทพชำระโลกานั้น อันที่จริงสำหรับต้วนหลิงเทียนมันไม่ใช่ทางเลือก
ในสายตาเขามันคือหนทางเดียวที่เขาต้องก้าวไป
เสี่ยงไปยังระนาบสมรภูมิ!
ซ่อนตัวฝึกฝนในระนาบโลกะ มันปลอดภัยก็จริงอยู่ แต่เรื่องจะยกระดับพลังฝึกปรือ มีหรือจะสู้ขึ้นไปโลดแนแข่งขันบรระนาบเทพ?
การฝึกฝนบ่มเพาะ ไม่เพียงอาศัยพรสวรรค์และความขยัน แต่ยังมีเรื่องของจิตใจอีกด้วย
การซ่อนตัวแม้จะเป็นมาตรการที่เหมาะสมและจำเป็น แต่ให้โน้มน้าวใจแค่ไหนมันก็ไม่สู้ทำด้วยความสบายใจ เรื่องนี้อ่างไรก็ต้องส่งผลกระทบถึงการฝึกปรือ
ตลอดการเดินทางจากระนาบโลกียยะมาถึงระนาบเทวโลก ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนได้ก้าวหน้าขึ้นด้วความเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็รู้ดีว่าเหตุผลที่ระดับบ่มเพาะเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนั้น นอกจากโชควาสนาแล้ว ยังเป็นเพราะสภาพแวดล้อมอีกด้วย
เป็นธรรมดาว่าสิ่งที่กระตุ้นให้เขาเร่งรุดบ่มเพาะพลังมากที่สุดหลังขึ้นมาถึงระนาบเทวโลก ก็ยังเป็นเค่อเอ๋อที่ไม่ทราบเป็นอย่างไรบ้างในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ…นี่เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา!
“ข้ารู้แต่แรกว่าเจ้าต้องเลือกเช่นนี้”
สำหรับทางเลือกของต้วนหลิงเทียน วารีเทพชำระโลกาไม่ได้แปลกใจเลย “เอาล่ะ เจ้าไปจัดการเรื่องครอบครัวของเจ้าก่อนเถอะ…หลังจากที่จัดการอะไรทุกอย่างแล้ว ค่อยกลับมายังสมรภูมิ 9 ยมโลกอีกครั้ง เพื่อฉีกเปิดมิติไปยังระนาบสมรภูมิ”..
สิ้นคำกล่าวของวารีเทพชำระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกทันที
เป็นธรรมดาว่าการกลับออกไปของเขา ไม่มีใครล่วงรู้ มีก็แต่เขาคนเดียว
สำหรับเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ก็ได้กลับไปอยู่ในโลกใบเล็กภายในกายของเขาอีกครั้ง เหล่าเทพเบญจธาตุที่ถูกดูดซับพลังไปกว่าครึ่งเอง ก็แน่นิ่งอยู่ในโลกใบเล็กของเขา…ส่วนค่ายกลกลืนกินวิญญาณเทพเบญจธาตุ ต้วนหลิงเทียนได้ถอนการติดตั้งเรียบร้อย และทำลายร่องรอยทุกอย่างจนหมดสิ้น
หลังออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลก มาถึงระนาบเทวโลก ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะใช้ทักษะการแปลงโฉมจากโลกเก่า ที่ไม่อาจพบสิ่งผิดปกติใดๆได้จากสำนึกเทวะ และระมัดระวังตัวถึงขีดสุดเพื่อไม่ให้ใครตามรอยเขาได้ จนไปถึงระนาบโลกียะที่ครอบครัวเขาอยู่
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางไปยังระนาบโลกะที่เขาพาครอบครัวไปซ่อน ในหลายๆพื้นที่ของระนาบเทวโลกก็บังเกิดความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่
ความโกลาหลดังกล่าววเกิดจากการตายของหยางเหมิงและคนอื่นๆ
เทพสงคราม 9 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 5 และถือครองเทพเบญจธาตุขั้นที่ 8 ตกตายหมดสิ้นแบบนี้…เป็นธรรมดาว่าต้องทำให้คนใกล้ชิดของพวกมันตื่นตระหนกครั้งยิ่งใหญ่
คนอื่นอาจไม่รู้ความลับ แต่คนใกล้ชิดจริงๆไหนเลยจะไม่รู้?
เป็นธรรมดาว่านอกจากอสูรเพลิงกับหยางเหมิงแล้ว คนที่เหลือ ล้วนแล้วแต่ใช้รูปลักษณ์กับชื่อปลอมในการเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก
กล่าวได้ว่าตัวตนในสมรภูมิ 9 ยมโลกของพวกมันเป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาทั้งหมด
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นพวกมัน ถึงจะอุปโลกน์ตัวตนแค่ไหน แต่ด้านนอกก็ย่อมมีครอบครัว ส่วนหยางเหมิงที่เปิดเผยออกมาแต่แรกว่าเป็นคนของเผ่าคนยักษ์นั้น เผ่าพันธุ์ของมันได้หลบซ่อนตัวและเร้นกายจากโลกภายนอกมานาน
เพราะในอดีตเมื่อหลายปีก่อน เผ่าคนยักษ์ได้ล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง ทำให้ทั้งเผ่าเกือบถูกฆ่าล้างบาง หลังจากนั้นเผ่าคนยักษ์ก็ได้แต่หลบซ่อนตัวและสืบเชื้อสายกันอย่างยากลำบาก ไร้คืนวันอันดี จำต้องหลบๆซ่อนๆ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนออกมา…
เพราะหากตัวตนถูกเปิดเผย ก็มีโอกาสที่หายนะล้างเผ่าพันธุ์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
และสำหรับเผ่าคนยักษ์แล้ว หยางเหมิง ก็คือความหวังของทั้งชนเผ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหยางเหมิงมีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุ กระทั่งพัฒนามาถึงขั้นที่ 8 แล้ว
เรียกว่าสำหรับชนเผ่าคนยักษ์ ไม่ว่าใครก็ล้วนเห็นภารหยางเหมิงบรรลุถึงขอบเขตเทพ และกลายเป็นผู้กอบกู้เผ่าพันธุ์ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง
อนิจจาไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าการเดินทางมาช่วงชิงอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วครั้งนี้ จะทำให้มันพบจุดจบ
“เป็นผู้ใดกันแน่ที่ฆ่าอาเหมิงได้!?”
“ถึงแม้อีก 4 คนนั่นจะร่วมมือกัน ก็ไม่น่าจะมีพังมากพอฆ่าอาเหมิงมิใช่หรือไร? ด้วยการป้องกันของอาเหมิงทั้งมีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินช่วยเหลือ ย่อมสามารถรอดพ้นหายนะใดๆได้ทั้งปวง!”
…
หลังจากที่หยางเหมิงตกตายระดับสูงทั้งหมดของเผ่าคนยักษ์ 10 กว่าชีวิตก็ได้มาหารือกันทันที สีหน้าของพวกมันแต่ละคนบัดนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าทั้งสิ้นหวัง ไม่เข้าใจว่าหยางงเหมิงงถูกฆ่าตายได้อย่างไร
ในโลกภายนอก หยางเหมิงไม่ได้ชื่อหยางเหมิงหรืออาเหมิง
เพียงแค่คนในเผ่าคนยักษ์ชอบเรียกมันว่าอาเหมิงเท่านั้น ส่วนแซ่หยางเป็นมันแต่งขึ้นมาเอง
และการตายของเหอชุนลี่ หานเซวียนรวมไปถึงถานจิน ตระกูลของพวกมันก็เศร้าโศกเสียใจกันนัก ขณะเดียวกันพวกมันก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครมีพลังสามารถสูงถึงขนาดฆ่าทั้ง 3 ได้…
การตายของพวกมัน ถูกกำหนดให้เป็นคดีมืด ไร้หนทางตามตัวฆาตกร
ถานจินนั้น ก่อนจะตายด้วยเงื้อมมือต้วนหลิงเทียน มันก็ได้ส่งข้อความออกไปหาน้องชายในสมรภูมิ 9 ยมโลกแล้ว อนิจจามันกลับพบว่าค่ายกลที่สะกดเทพเบญจธาตุของพวกมัน กลับจำกัดการส่งข้อความเอาไว้ ทำให้มันไม่อาจติดต่อใครได้
พื้นที่ทั้งหมดได้ถูกพลังอาคมลี้ลับ ตัดขาดโดยสมบูรณ์
ทำให้มันไม่อาจแจ้งเรื่องราวถึงใครได้เลย
และในบรรดาเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 5 ที่ตกตายคามือต้วนหลิงเทียน หากจะถามว่าใครที่มีสถานะอ่อนไหวที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘อสูรเพลิง’ …และแน่นอนว่าชื่อจริงของมันไม่ใช่อสูรเพลิงแต่เป็น จงเหยียน
จงเหยียนนั้นเป็นคนของเผ่าปักษานรก ขุมกำลังระดับสวรรค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกระนาบเทวโลก มันเป็นลูกครึ่งที่เกิดจากคนของเผ่าปักษานรกกับมนุษย์ ทว่าสายเลือดปักษานรกของมันได้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ กลายเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง
เผ่าปักษานรกนั้นมีต้นกำเนิดจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก เคยก่อเรื่องราวสะท้านสะเทือนระนาบเทวโลกมาแล้วหลายครั้ง จนเมื่อขอบเขตเทพต้องออกหน้าลงมือ ถึงได้สะกดความผยองของเผ่าปักษานรกเอาไว้ได้…
แต่กระนั้น ชื่อเสียงของเผ่าปักษานรกก็เป็นที่ล่วงรู้กันไปทั่ว และไม่มีใครกล้าล่วงเกินพวกมันง่ายๆ
ที่สำคัญยังมีตัวตนขอบเขตเทพมากมาย ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพอีกด้วย ทำให้นอกจากเหล่าราชาเทพที่มาปรามพวกมันเอาไว้ไม่ให้ก่อเรื่องราววุ่นวายแล้ว เผ่าปักษานรกก็เสมือนผู้ยิ่งใหญ่ของทุกระนาบเทวโลก ไม่มีขุมกำลังไหน แม้แต่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์กล้าตอแยพวกมัน
จงเหยียนที่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับเผ่าปักษานรกนั้น เดิมทีก็ไม่ได้รับการยอมรับจากเผ่าปักษานรก
หากทว่าเมื่อถึงวันที่สายเลือดโบราณของปักษานรกที่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ ทำให้มันไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าปักษานรกเท่านั้น แต่เพลิงเทพโกลาหลที่หลับไหลในร่างมันยังตื่นขึ้นอีกด้วย จึงกลายเป็น บุตรศักดิ์สิทธิ์ ของเผ่าปักษานรกทันที สถานะของมันเพียงอยู่ต่ำกว่าผู้นำเผ่ากับอาวุโสสูงสุดไม่กี่คนเท่านั้น
เผ่าปักษานรกยังยึดถือมันเป็นความหวัง
ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าปักษานรกนั้นได้บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว…
แต่พวกมันก็เชื่อว่า จงเหยียน ต้องก้าวข้ามขอบเขตราชาเทพ และบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพ จักรพรรดิเทพ อริยะเทพ ไม่เว้นกระทั่งผู้แข็งแกร่งที่สุด! ถึงตอนนั้นเผ่าปักษานรกก็จะกลายเป็นขุมกำลังที่มีอำนาจเหนือชั้นไม่ต่างอะไรจากเผ่ากิเลน!!
และนั่นคือความฝันอันสูงสุดของเผ่าปักษานรก
อนิจจา บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปักษานรก จงเหยียน กลับต้องมาตกตายไปเสียฉิบ!
“ไปสืบมา! ไปสืบมาให้ล่วงรู้!! ไม่ว่าจงเหยียนถูกผู้ใดฆ่าตาย เผ่าปักษานรกเราจะฆ่าล้างบ้างทั้งโคตรของมัน! ทั้งจับฆาตกรนั่นมาสับร่างประจานให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น ไม่ว่ามันจะเป็นต้วนหลิงเทียนหรืออีก 4 คนนั่นก็ตาม!!”
อาวุโสสูงสุดของเผ่าปักษานรก ออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด
ไม่นานนัก คนของเผ่าปักษานรกมากมาย ก็ถูกส่งเข้ามาสืบเรื่องราวในสมรภูมิ 9 ยมโลก หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์อีกด้วย เพื่อหามาให้ได้ว่าใครเป็คนฆ่าจงเหยียนกันแน่ ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับอีก 4 คนที่เหลือ
อนิจจา การสืบหาเบาะแสของพวกมันถูกลิขิตให้ไร้ประโยชน์
เพราะนอกจากจงเหยียนแล้ว อีก 4 คนที่เหลือก็ถูกฆ่าตายไปพร้อมๆมันเช่นกัน
สำหรับต้วนหลิงเทียน ก็ได้ออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกไปแต่แรก
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ล่วงรู้อะไรเลย
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนได้พาครอบครัวของเขามายังระนาบโลกะแห่งหนึ่ง และตามหาดาวที่มีสถานที่สวยงามไว้ให้ครอบครัวเขาพักผ่อน จนมาพบเจอเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่ห่างไกลในมหาสมุทรของโลกใบหนึ่ง
มหาสมุทรรอบๆเกาะ เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดอันน่ากลัว และล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้แล้ว
ด้วยความที่มหาสมุทรส่วนนี้เป็นพื้นที่อันตรายที่สุดในโลก จึงไม่มีใครเฉียดกรายเข้าใกล้ เป็นพื้นที่ตกสำรวจโดยแท้จริง
และบนเพาะดังกล่าวก็ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการสร้างทุกอย่างปานเนรมิต จนทั้งเกาะกลายเป็นดั่งแดนสวรรค์ เต็มไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น มากล้นไปด้วยมวลหมู่บุปผาและสัตว์น้อยใหญ่…
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยให้ครอบครัวทั้งหมดของเขาปรากฏตัวขึ้นบนเกาะ เกาะร้างดังกล่าวก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด
แน่นอนว่าด้วยการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับครอบครัวเขา เหล่าสัตว์ประหลาดก็กรูกันมาที่เกาะเช่นกัน เพราะพวกมันได้กลิ่น ‘อาหาร’ อันสดใหม่ จึงแห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศหมายบุกขึ้นมาเข่นฆ่าหากินบนเกาะ
อนิจจาสุดท้ายพวกมันก็ถูกลิขิตให้ตายอนาถ…
ในกระบวนการฆ่าล้างบางสัตว์ประหลาดดังกล่าว เป็น ต้วนเนี่ยนเทียน ลูกชายของต้วนหลิงเทียน อาสาลงมืออย่างคึกคัก
หลังจากที่ทำให้รอบๆเกาะเจิงนองไปด้วยเลือดแล้ว เหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลาย ก็เริ่มบังเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้เกาะผีสางในสายตาของพวกมันอีก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ต่อไปพวกท่านก็พักอยู่ที่นี่เถอะ…อย่าได้เสี่ยงขึ้นไประนาบเทวโลกเลย”
“ขอให้พวกท่านรอข้า 300 ปี! อีก 300 ปีข้าจะพาเค่อเอ๋อกลับมาให้ได้!”
หลังจากจัดแจงอะไรหลายๆอย่างให้ครอบครัวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง แน่นอนว่าต้องมาร่ำลาต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวบิดามารดาเขาก่อนไป
“เทียนเอ๋อ เจ้าต้องระวังตัวให้มาก”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกเสียงเข้มสีหน้าจริงจังนัก อย่างไรก็ตามลึกลงไปในใจของมัน มากล้นไปด้วยความภาคภูมิใจที่มีลูกชายเก่งกาจถึงขนาดนี้
“เทียนเอ๋อ ขึ้นไประนาบเทพ เจ้าอย่าได้ฝืนตัวเองเกินไปและจงระวังให้มาก…”
ลี่หลัวนั้นแทบไม่อาจทนปล่อยให้ลูกชายคนเดียวจากไปได้
ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บอกใคร ว่าไม่ใช่เขาจะไปถึงระนาบเทพเลย แต่ต้องเสี่ยงขึ้นไปยังระนาบสมรภูมิก่อน และต้องหาทางรอดกลับออกไปจากระนาบสมรมภูมิให้ได้…
สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนบอกทุกคนก็มีแค่…
เขาสามารถขึ้นไปยังระนาบเทพผ่านสมรภูมิ 9 ยมโลกได้โดยตรง…