ตอนที่ 3615 แผนของต้วนหลิงเทียน

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

‘กำไรที่ได้จากเมืองหลินซาน นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว…’
  น่านฟ้านอกเมืองหลินซาน ต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งเหินร่างออกมาจากเมืองหลินซาน ก็อดหยุดร่างลงกลางหาวย้อนไปมองเมืองหลินซานเล็กน้อย ค่อยกลับมามองแหวนพื้นที่ในมือด้วยรอยยิ้มสดใส พึงใจเป็นที่สุด
  ในบรรดา 4 ขุมกำลังใหญ่ของเมืองหลินซาน ตระกูลเฉียนได้มอบหินเทพให้เขา 30,000 ตำลึง นอกจากนั้นอีก 3 ขุมกำลังใหญ่ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นตระกูลเมิ่ง นิกายเมฆอรุณ หรือนิกายฟ้ายุทธ์ก็ได้มอบหินเทพให้เขา 20,000 ตำลึง เบ้ดเสร็จแล้วเขาได้หินเทพมาทั้งสิ้น 90,000 ตำลึง
  ‘เมืองหลินซานจะอย่างไรก็แค่เมืองชนบทเล็กๆริมชาขอบเขตตงหลิง…ในสายตาผู้คนของเมืองใหญ่ๆ ที่นี่ก็คงแทบไม่ต่างอะไรจากสถานที่ๆนกยังไม่อยากเฉียดมาขับถ่าย…’
  ‘สุดท้ายแล้วในละแวกเมืองหลินซาน ก็ไม่มีแม้แต่สายแร่หินเทพ…’
  ‘แต่เพราะสาเหตุนี้ก็ทำให้สภาพความเป็นอยู่ในละแวกเมืองหลินซานค่อนข้างสงบสุข ผู้คนไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย…ราชาเทพเองก็คงดูแคลนที่จะมาเหยียบแถวนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งราชาเทพเองก็คงกริ่งเกรงเส้นสายของขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 อยู่บ้าง…’
  ‘สุดท้ายแล้วก็มีเทพขั้นสูงในเมืองหลินซานมากมายออกจากเมืองไปเข้าร่วมกับขุมกำลังด้านนอก…จะมากจะน้อยก็เป็นขุมกำลังในเขตตงหลิงด้วยกัน ถึงสถานะจะไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย แต่ก็คงไม่มีใครอยากหาเหาใส่หัว’
  ‘เว้นเสียแต่จะเป็นราชาเทพที่ทรงพลังและไม่กลัวขุมกำลังเบื้องหลังเหล่าเทพขั้นสูงที่ออกจากเมืองหลินซาน…แต่ตัวตนระดับนั้นไหนเลยจะสนใจทรัพย์สินเล็กๆน้อยๆในมือขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ของเมืองหลินซาน’
  ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจสถานการณ์เมืองหลินซานดี
  หากไม่ใช่ว่าขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ของเมืองหลินซานมีเหล่าบรรพบุรุษออกไปด้านนอกไว้ เกรงว่าพวกมันคงถูกราชาเทพที่อ่อนด้อยปล้นฆ่าไปหมดแล้ว อย่าหวังว่าจะได้สืบสานตระกูลอะไรเลย
  ‘เมืองที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย และอยู่ใกล้เมืองหลินซานมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเมืองวายุสวรรค์…ภายในเมืองวายุสวรรค์ที่ว่าจากข้อมูลก็มีตระกูลใหญ่ระดับราชาเทพอยู่ 5 ตระกูล นอกจากน้นก็มีสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่มีตัวตนขอบเขตจอมราชันเทพจัดตั้งขึ้น…’
  ‘และจอมราชันเทพที่สร้างสถานศึกษาหมอกเร้นลับนั่น ก็เป็นจอมราชันเทพของนิกายหมอกเร้นลับ มันสร้างขึ้นเพื่อเฟ้นหาศิษย์อัจฉริยะเพื่อไปเข้าร่วมนิกายโดยเฉพาะ และตระกูลระดับราชาเทพทั้ง 5 เอง ก็มักจะส่งลูกหลานไปร่ำเรียนฝึกปรือในสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ว่าอีกด้วย’
  ‘สถานศึกษาหมอกเร้นลับ จะรับเฉพาะอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีอายุไม่ถึง 2,800 ปีเท่านั้น…สุดท้ายแล้วเกณฑ์การจบสถานศึกษาก็ตั้งไว้แค่ 3,000 ปี’
  ‘หากอายุใกล้ถึง 2,800 ปีแล้วแต่คิดจะเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็ต้องผ่านเงื่อนไขอันเข้มงวดพอสมควร เพราะหากอายุขนาดนี้แล้ว ก็มีแต่จะต้องประเมินเข้าชั้นเรียน 10 ดาวเท่านั้น’
  หลังไปเยือนขุมกำลังต่างๆในเมืองหลินซานเมื่อไม่กี่วันก่อน ต้วนหลิงเทียนก็ได้ค้นหาข้อมูลของสถานศึกษาหมอกเร้นลับในเมืองวายุสวรรค์มาพอสมควร
  นั่นเพราะเขาคิดจะเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ว่า
  กล่าวอีกอย่างเขาคิดจะใช้สถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ว่า เป็นดั่งจุดเริ่มต้นการเดินทางในดินแดนดาราพิศวง
  ด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจที่เขาสามารถแสดงออกมาได้ในปัจจุบัน ต่อให้เขาจะเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพในคฤหาสน์ตงหลิงโดยตรง ก็ไม่มีปัญหาเพราะอีกฝ่ายต้องยินดีต้อนรับเขาแน่…ทว่าหากทำแบบนั้น เวว้นเสียแต่เขาจะมีขุมกำลังหรือใครที่สามารถปกป้องเขาได้ หาไม่แล้วเข้าไปดื้อๆเลยคงไม่ต่างพาตัวไปอยู่ในจุดเสี่ยง
  ก็ใช่ที่พรสวรรค์กับความเข้าใจเขาดี
  แต่หากอยู่ๆเขาไปโผล่ในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพเลย เขาที่โดดเด่นไม่พ้นต้องไปแย่งทรัพยากรบ่มเพาะกับอัจฉริยะที่อยู่ก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากอัจฉริยะพวกนั้นมันมีคนหนุนหลัง หรือมีชนชั้นอาวุโสให้ท้าย เขาไม่ตายเอาหรือ?
  ใครจะไปรู้ว่าตระกูลหรือผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังอัจฉริยะเหล่านั้น จะเล่นนอกเกมกับเขาหรือไม่?
  ถึงตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะดี แต่ก็ไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตาชนชั้นอาวุโสของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ
  ทำให้หลังเข้าสู่ขุมกำลังจักรพรรดิเทพแล้ว เขาก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาตัวรอดที่นั่นได้หรือไม่…
  ‘ไม่คิดเรื่องหนึ่งก้าวถึงฟ้าจะดีกว่า…ค่อยๆก้าวเดินไปทีละก้าวๆนับว่าประเสริฐสุด’
  ก่อนจะขึ้นมายังระนาบเทพ วารีเทพชำระโลกาก็ได้เน้นย้ำเขามากกว่าหนึ่งครั้ง “เหล่าผู้ทรงพลังในระนาบเทพต่างจากในระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะ…พวกมันให้ค่าสายเลือดมากกว่าอัจฉริยะที่เป็นคนนอก”
  “ถึงแม้ว่าพรสวรรค์และความเข้าใจของเจ้าจะสูงกว่าลูกหลานของพวกมัน พวกมันก็ไม่แน่ว่าจะส่งเสริมเจ้า…เพราะพวกมันเพียงเชื่อใจก็แต่คนในสายเลือดเดียวกันเท่านั้น”
  “ในระนาบเทพมิเคยขาดกรณีศิษย์ที่เด่นล้ำกว่าอาจารย์ดั่ง ‘สีครามแม้จะเกิดจากสีน้ำเงินแต่ก็เข้มกว่าสีน้ำเงิน’ ถูกฆ่าเพื่อปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่าง”
  ทั้งหมดเป็นคำที่วารีเทพชำระโลกาเคยพูดบอกเขาไว้
  เพราะเหตุผลดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดเข้าร่วมขุมกำลังจักรพรรดิเทพทันที หรือคิดจะเดินก้าวเดียวถึงฟ้า…แต่เลือกที่จะก้าวไปทีละก้าวๆ
  ไม่…ควรจะบอกว่าเขาเลือกจะทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมากเกินไปมากกว่า…..
  ยิ่งไปกว่านั้นด้วด่านพลังฝึกปรือของเขาในปัจจุบัน ถึงจะเข้าร่วมกับขุมกังระดับจักรพรรดิเทพเลย ก็ต้องลำบากวางรากฐานอยู่ดี เพราะสุดท้ายแล้วด่านพลังของเขาก็พึ่งจะเป็นเทพขั้นต่ำเท่านั้น…ส่วนเรื่องความเข้าใจในกฏนั้น ด้วยมีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้าใจตามพลังฝึกปรือไม่ทัน
  ส่วนมรรคากระบี่มิติ กับวิถีควบคุม 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลก ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้ เขาทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น
  กล่าวได้ว่า สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในปัจจุบัน ก็คือการยกระดับด่านพลังฝึกปรือ
  ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นแค่เทพขั้นต่ำ เช่นนั้นจะเข้าร่วมกับสถานศึกษาหมอกเร้นลับหรือเข้าร่วมขุมกำลังจักรพรรดิเทพเลย ก็แทบมีค่าไม่ต่างกัน
  ยิ่งไปกว่านั้นด้วยทรัพย์สินที่เขามีติดตัว ตราบใดที่เขาพบเจอโอสถเทพ ผลไม้เทพ หรือสมุนไพรเทพอะไรที่สามารถส่งเสริมพลังฝึกปรือและไม่ได้หายากมากนัก ก็พอจะซื้อพวกมันมาใช้เพื่อให้ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้อยู่
  ‘สถานศึกษาหมอกเร้นลับ…’
  ต้วนหลิงเทียนกำหนดเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย เขาจะเดินทางไปเข้าร่วมสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่เมืองวายุสวรรค์!
  สถานศึกษาหมอกเร้นลับในเมืองวายุสวรรค์ แม้จะรับสมัครคนทุกปี ทว่าแต่ละปีก็มีคนผ่านเกณฑ์ไม่มากนัก
  แต่เป็นธรรมดาว่าแม้แต่ละปีจะได้นักศึกษาเพิ่มน้อยแค่ไหน แต่พอรวมๆกันหลาๆปีมันก็มากอยู่ดี
  ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ จะแบ่งนักศึกษาออกเป็น 10 ระดับ อันได้แก่ นักศึกษาระดับ 1 ดารา 2 ดารา…ไปจนถึงนักศึกษาระดับ 10 ดารา…
  นักศึกษาระดับ 10 ดารา ต้องมีอายุไม่เกิน 3,000 ปี และถ้าหากอายุ 2,800 ปีแล้วแต่ยังไม่อาจเลื่อนชั้นกลายเป็นนักศึกษาระดับ 10 ดาราได้ล่ะก็ ก็จะถูกขับออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับทันที…
  นักศึกษาระดับ 9 ดารา ต้องมีอายุไม่เกิน 2,600 ปี
  นักศึกษาระดับ 8 ดารา ต้องมีอายุไม่เกิน 2,400 ปี
  เรียกว่าแต่ละระดับชั้น ก็มีช่วงอายุ 200 ปี
  และหากจะเข้าร่วมสถานศึกษาหมอกเร้นลับ แม้แต่ผู้ที่มีอุไม่ถึง 1,000 ปี ก็ต้องผ่านการทดสอบเข้าสู่ชั้นเรียนระดับ 1 ดาราให้ได้…และเกณฑ์การผ่านเข้าสู่ชั้นเรียนระดับ 1 ดารานั้น ก็คือการเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้อย่างน้อย 4 ประการ และด่านพลังฝึกปรือต้องอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 8 ชะตาเป็นต้นไป…
  และตัวตนดังกล่าว ให้กวาดตามองไปทั่วเมืองหลินซาน ก็หามีไม่!
  ให้ย้อนไปหมื่นปี แต่ก็ไม่ปรากฏตัวตนเช่นนั้นในประวัติศาสตร์เมืองหลินซาน
  ‘แต่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ ก็นับว่ายืดหยุ่นอยู่บ้าง…ไม่ใช่จะยึดตามกฏตายตัว ยังมีอลุ่มอล่วยให้อัจฉริยะที่อายุน้อยกว่าพันปีอยู่บ้าง…’
  ‘อีกทั้งยังให้โอกาสผู้ที่มีอายุเกิน 2,800 ปีแล้ว…ก็แค่ต้องผ่านการทดสอบให้ได้เท่านั้น’
  คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมา จากนั้นก็หันกลับไปมองเมืองหลินซานที่เป็นเมืองแรกของเขาหลังจากมาถึงดินแดนดาราพิศวงอีกครั้ง ก่อนที่จะจากไป…
  วันหน้าหากไม่เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ เกรงว่าเขาจะไม่ย้อนกลับมาเมืองหลินซานอีกแล้ว
  …
  หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากเมืองหลินซานไป เรื่องที่เขากระทำในตระกูลเฉียน แม้ทางตระกูลเฉียนจะพยายามปิดข่าวแค่ไหน แต่เรื่องราวมันก็ค่อยๆแพร่กระจายออกมาอยู่ดี
  ไม่นานนัก ผู้คนในเมืองหลินซานก็ล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรไว้ที่ตระกูลเฉียนบ้าง
  เทพขั้นต่ำ สยบเทพขั้นสูงที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฉียน จากนั้นตระกูลเฉียนก็เลือกจะส่งมอบหินเทพ 30,000 ตำลึงให้เพื่อขจัดเภทภัยในวันหน้า แถมอีก 3 ขุมกำลังใหญ่ที่เหลือยังแย่งกันเชิญไปเป็นแขก แถมมอบหินเทพ 20,000 ตำลึงเป็นของขวัญต้อนรับ…
  และต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด ก็เกิดจาก ‘หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้’ ในภูเขาไร้สิ้นสุด
  ทันใดนั้นผู้คนในเมืองหลินซานมากมาย ก็พากันแห่ไปดูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ในภูเขาไร้สิ้นสุด ทั้งหมดอยากรู้นักว่าสถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสะท้านขวัญ มันเป็นเช่นไร…
  กล่าวให้ชัด คือไปหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้เพื่อความบันเทิงนั่นเอง
  หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้แน่นอนว่ากลายเป็นซากปรักหักพัง แถมบนพื้นยังเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรัง ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรแม้แต่นิดเดียว
  อย่างไรก็ตาม…เมื่อมีผู้คนแห่กันมาดูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้มากเข้า คนของหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 3 สาขา ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง “ผู้คนเหล่านี้เป็นใครกัน? ไฉนถึงต้องมาดูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ด้วย หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับหมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 4?”
  หมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 กับสาขาที่ 4 ก็ได้ถูกขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ของเมืองเข่นฆ่าล้างบางไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
  เหตุกาณ์ดังกล่าวย่อมทำให้ภูเขาไร้สิ้นสุดสะท้านสะเทือนไม่น้อย
  ตั้งแต่เกิดการฆ่าล้างหมู่บ้านติดๆ ผู้คนในภูเขาไร้สิ้นสุดก็ตกอู่ในความระส่ำระส่าย แต่ละวันผ่านไปด้วยความหวาดกลัว หลายคนไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน ที่กล้าหน่อยก็พยายามไปถามสกุลเถี่ย ว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านสาขา 2 กับ 4 ของพวกมันกันแน่…
  และเนื่องจากผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 3 สาขา ไม่มีใครแวะเวียนผ่านปังเมืองหลินซานช่วงนี้เลยสักคน ทำให้พวกมันไม่ได้รับทราบข่าวที่กำลังร่ำลือในเมืองหลินซานอย่างหนาหู
  “พวกเจ้าไปหาคำตอบมาเสีย ว่าไฉนผู้คนถึงได้มาชมดูเศษซากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้”
  ไม่นานคนของหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาต่างๆ ก็พากันเหินร่างขึ้นมาแล้วตีเนียนปะปนไปกับฝูงชนที่มาชมดูเศษซซากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้กันอย่างสนุกสนาน คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทุกคน “ที่นี่น่ะรึ หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้? ที่นายน้อยต้วนผู้นั้นกล่าวว่ามีความเกี่ยวข้องด้วย?”
  “มิผิด เป็นที่นี่ล่ะ…”
  “เฉียนเฟย คุณชายรองตระกูลเฉียนผู้นั้น ช่างซวยจริงๆ…เดิมทีมันคงคิดวว่าที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆที่มันจะบดจะบี้อย่างไรก็ได้ แต่คงคิดไม่ถึงว่าจะชักนำดาวหายนะเช่นนั้นมากระมัง”
  “ที่ข้าสงสัยที่สุดก็คือ…ที่แท้หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ไปสานสัมพันธ์กับนายน้อยต้วนได้อย่างไรกันแน่?”
  “หรือพวกเราลองไปถามคนของหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 3 สาขาดู? ไม่แน่พวกมันอาจจะรู้ก็ได้…”
  …
  ผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาต่างๆที่ตีเนียนปะปนไปสืบข่าว ก็พากันตกตะลึงไม่น้อย หลังได้ยินเรื่องราวสะท้านสะเทือนจากเหล่าผู้คนที่แห่แหนมาชมดูเศษซากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้
  พวกมันรู้แล้วว่า…
  ที่แท้ไฉนที่หมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 กับ 4 ถึงได้ถูกฆ่าล้างบางในวันเดียวกัน แถมผู้ลงมือยังเป็นขุมกำลังใหญ่ทั้ง 4 ของเมืองหลินซาน ที่แท้เป็นเพราะชายหนุ่มนาม ‘ต้วนหลิงเทียน’ และต้วนหลิงเทียนที่ว่า ก็เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพในเขตตงหลิง
  “ให้ตายเถอะ…เทพขั้นต่ำเอาชนะบรรพบุรุษตระกูลเฉียนที่บรรลุถึงเทพขั้นสูง? หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ มีความเกี่ยวข้องกับตัวตนอันร้ากาจเช่นนั้นด้วยหรือ?”
  “แล้วความเกี่ยวข้องที่ว่า เฉพาะหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ หรือหมู่บ้านสกุลต้วนเราทั้งหมด?”
  …
  ลูกตาของผู้ที่ออกมาสืบข่าวจากหมู่บ้านสกุลต้วนอีก 3 สาขาถึงกับลุกวาวสว่างจ้า พวกมันทำราวกับได้เห็นฉากสกุลต้วนของพวกมันทั้งหมดกำลังผงาดขึ้น เพราะศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงที่ร่ำลือ…