การลงมือของต้วนหลิงเทียนมันกะทันหันเสียจนชายชรามิอาจตอบสนองได้ทัน!
  มันที่ทุ่มสุดตัวลงมือ ในใจหลงคิดว่ากระบวนท่านี้ต้องเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่แล้ว…
  มิคาดในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่กระบวนท่าของมันจะเอาชีวิตต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆห้วงมิติปั่นป่วนราวมหาพายุพลันอุบัติขึ้นรอบกายต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน! ราวกับอาณาบริเวณรอบกายถูกต้วนหลิงเทียนควบคุมโดสมบูรณ์!!
  และกระบวนท่าที่มันป้อนออกมา เพียงย่างกรายเข้าสู่พื้นที่อันน่ากลัวดังกล่าวก็ถูกทำลายลงในพริบตา!
  จากนั้นร่างมันที่โจนทะยานเข่นฆ่าเข้ามา ก็ตกอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างไม่อาจไหวตัวทัน
  วินาทีต่อมา มันก็ตระหนักได้ว่าร่างกายของมันอยู่เหนือการควบคุม  จากนั้นสำนึกเทวะที่แผ่ออกมาตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก็พบว่าร่างกายของมันค่อยๆสลายตัว จากนั้นสำนึกสติของมันเองก็ค่อยๆถูกกร่อนทำลาย จนทุกสิ่งอย่างดับวูบไป…
  จวบจนตกตาย มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
  “เจ้าเองก็ร้ายกาจอยู่หรอก น่าเสียดายที่มาเจอข้า”
  หลังฆ่าชายชราไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเก็บดาบของอีกฝ่ายลงแหวนพื้นที่ “หากเป็นนักศึกษา 10 ดาวคนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต่อให้เป็น 5 คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั่น ไม่ว่าใครหากต้องเจอกับตาแก่ผู้นี้ คงได้ตกตายคามือมันแน่…”
  ความแข็งแกร่งของชายชรานั้น ไม่ใช่อะไรที่พวกเดนตายก่อนหน้าที่เขาฆ่ามาจะเทียบได้เลย
  ต่อให้เป็นเขาเอง หากไม่ได้ใช้ออกด้วยวิถีควบคุม หนึ่งในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก ก็คงยากที่จะอาศัยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการชุดเดียวฆ่าอีกฝ่าย เว้นเสียแต่เขาจะใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ 2 หรือ 3 ชุด ไม่ก็ใช้ออกด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการถึงจะฆ่าชายชราได้
  อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นไพ่ตายของเขา
  นอกจากนั้นหากเขาใช้การลงมือในลักษณะดังกล่าว เกรงว่าชายชราคงใช้เวลาห้วงสุดท้ายเร่งส่งข้อความรายงานกลับไปตระกูลจ้งได้ทันแน่นอน
  ตอนนี้พอเขาใช้ออกด้วยวิถีควบคุม ต่อให้จะมีคนแอบมองจากไกลๆ ก็คงยากจะบอกได้ว่าเขาลงมืออย่างไร เพียงเข้าใจว่าต้องใช้พลังของกฏมิติอันใดสักอย่างเป็นแน่ และการลงมือในฉับพลันแบบนี้ ก็ตัดปัญหาเรื่องชายชราจะมีเวลาส่งข้อความได้ชะงัด
  ท้ายที่สุดแล้ว เมื่ออีกฝ่ายตกอยู่ในขอบเขตวิถีควบคุมของเขา มันก็มีแต่ตายในพริบตาถ่ายเดียว!
  ‘น่าเสียดายที่ตาแก่นี่ดันใช้แหวนพื้นที่ทำลายตัวเองด้วย…หาไม่แล้วด้วยพลังระดับมัน ไม่พ้นต้องมีของดีเก็บไว้ในแหวนไม่น้อยแน่นอน’
  ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เริ่ม ‘ลาดตระเวน’ ต่อไป
  ในช่วง 2 วันหลังจากฆ่าชายชราไปแล้ว เขาก็พบเจอคนอีก 3 คนที่ค่อยๆย่องมาสำรวจจุดที่เขาประมือกับชายชรา และกลิ่นอายของพวกมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก 13 คนที่เขาฆ่าไปก่อนหน้าพบเจอชายชราสักเท่าไหร่ ‘พวกมันสมควรเป็นพวกเดียวกัน…หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็สมควรเป็นคนของตระกูลจ้ง’
  มีเพียงคนของตระกูลจ้งเท่านั้น ที่จะทุ่มทุนส่งพวกเดนตายจำนวนมากมาฆ่าเขาแบบนี้
  ถึงแม้ตระกูลระดับราชาเทพอื่นๆในเมืองวายุสวรรค์คิดผสมโรง ก็ไม่มีทางที่พวกมันจะส่งคนมาฆ่าเขากลุ่มใหญ่แบบนี้
  ‘ตระกูลจ้งสมควรส่งคนมาฆ่าข้าแค่ 17 คนจริงๆ…’   หลังจากเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆจุดปะทะกับชายชราอยู่ 2 วัน นอกจาก 3 คนที่มาถึงทีหลังแล้ว ก็ไม่มีใครมาเพิ่มอีกเลย ต้วนหลิงเทียนทื่นยันได้แล้วว่าพวกเดนตายของตระกูลจ้งสมควรตกตายหมดสิ้น ก็เริ่มเดินทางออก่าสัตว์อสูรสืบต่อ
  ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการเข่นฆ่าสัตว์อสูร แต่การเข่นฆ่าพวกมันก็ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่ ไม่ว่าสัตว์อสูรตัวใดล้วนตกตายภายใต้หนึ่งกระบี่ และจนถึงบัดนี้ก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนบีบให้เขาต้องตวัดกระบี่เป็นครั้งที่ 2 เลย
  คะแนนสะสมในป้ายเก็บคะแนนของเขาก็เลยเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
  ‘ความแตกต่างของพลังมันมากเกินไป…ต่อให้เป็นหงจวินคนนั้น หากข้าคิดจะฆ่ามัน อาศัยพลังเท่าที่ใช้ออกตอนนี้ ถ้าถือกระบี่เทพระดับต่ำ ก็น่าจะฆ่าได้ใน 1-2 กระบี่เช่นกัน’
  ในพื้นที่ทดสอบนั้น แม้สัตว์อสูรทั้งหลายจะตกตายภายใต้หนึ่งกระบี่ของต้วนหลิงเทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันอ่อนแอ
  ในบรรดาสัตว์อสูรที่เขาพบเจอ ก็มีบางตัวที่ต่อให้เป็นหงจวินหรือนักศึกษาคนอื่นๆในบรรดานักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุด 5 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่แน่ว่าจะรับมือได้ไหว เพียงแค่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนพวกมันยังไม่คู่ควรให้กล่าวถึงเท่านั้น
  สัตว์อสูรเหล่านี้ ทางสถานศึกษาหมอกเร้นลับล้วนตระเตรียมมาเหมือนๆกันทุกปี และพยายามจัดเตรียมให้อยู่ในขอบเขตที่นักศึกษาฆ่าได้ไม่ยาก และมีไม่กี่ตัวที่แข็งแกร่งถึงขั้นตึงมือไม่ก็บีบให้นักศึกษาทำได้แค่หลบหนี…
  อนิจจาปีก่อนๆต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้เข้าร่วมในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
  คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่อจัดเตรียมสัตว์อสูรที่อิงระดับพลังตามเกณฑ์เดิมทุกปี…เช่นนั้นในปีนี้สัตว์อสูรที่ตระเตรียมมา แม้จะมีบางตัวที่คุกคามพวกหงจวินทั้ง 5 คนได้ แต่ก็ไร้สัตว์อสูรตัวไหนที่เป็นภัยคุกคามต้วนหลิงเทียน
  ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนเป็ดโดดลงลำห้วย แล่นฉิวว่ายพลิ้วไร้หยุดยั้ง
  …
  ณ เมืองวายุสวรรค์
  จวนตระกูลจ้ง
  แม้จะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ในโถงหลักของตระกูลจ้ง ก็คาคั่งไปด้วยชนชั้นผู้อาวุโส
  “พี่ 3 อยู่ๆท่านเรียกพวกเรามารวมตัวกันแบบนี้ ที่แท้มีเรื่องอันใดกันแน่?”
  จ้งซื่อ ที่พึ่งกลับมาจากเหลาอาหารที่มันรับผิดชอบ อดไม่ได้ที่จะมองถามจ้งซันที่นั่งอยู่อีกฟากพลางถามเสียงเข้ม “หืม? วันนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมิใช่หรือ…พี่ 3 ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเดนตายที่ท่านส่งไปกันแน่?”
  เมื่อจ้งซื่อที่ตระหนักใดได้เอ่ยถามออกมาจบคำ อาวุโสคนอื่นๆในตระกูลจ้งก็หันไปมอง จ้งซัน เป็นสายตาเดียวกัน
  “ถูกฆ่าล้างไม่เหลือรอดสักคน”
  สุดท้ายจ้งซันก็ปริปากกล่าวคำออกมา และเมื่อวาจาล่วงล้ำผ่านลำคอ ก็ประหนึ่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อน พาลให้ทุกคนไม่เว้นจ้งซื่อตกตะลึง จนสีหน้ากลายเป็นอื้ออึงราวตัวโง่งมเนิ่นนานกว่าจะหาย
  ถูกฆ่าล้างไม่เหลือรอดสักคน?
  พวกเดนตายที่จ้งซันส่งไปครานี้…ไม่ใช่ว่ามีด้วยกันทั้งสิ้น 17 คนหรือไร?
  แถมหนึ่งในพวกเดนตายที่เป็นผู้นำพวกเดนตายกลุ่มดังกล่าว ยังเป็นคนที่ตระกูลจ้งของพวกมันเพาะสร้างมาอย่างดี
  “ใช่สถานศึกษาหมอกเร้นลับลงมือหรือไม่?”
  จ้งซือที่ดึงสติกับมาอยยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้งเป็นคนแรก เอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม
  “มิใช่”
  หลังกวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง จ้งซันก็ส่ายหน้าพลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่า “ผู้เฒ่าจู้ชุนได้ส่งข่าวกลับมาแจ้งข้าตั้งแต่วันแรก ว่าการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวคราวนี้ ยังจงใจทดสอบต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ หากต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านการทดสอบกลับมาได้โดยที่มันมิได้พึ่งพลังภายนอกใดๆ คณบดีสถานศึกษาแซ่มู่หรงผู้นั้น จะใช้สิทธิ์แนะนำของมัน แนะนำต้วนหลิงเทียนให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับก่อนกำหนด ทั้งยังจะได้เป็นถึงศิษย์หลัก!”
  ศิษย์หลัก!
  พอวาจาดังกล่าวของจ้งซันดังออกมา ผู้คนของตระกูลจ้งก็โพล่งคำออกมาด้วยความตกใจ “อะไร!? ศิษย์หลัก!?”
  “สารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่น มันมีพลังสามารถถึงขั้นนั้นเชียว!?”
  “ไฉนมันถึงได้สิทธิพิเศษเช่นนี้?!”
  …
  ศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเกินร้อยคน
  และศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น ล้วนมีอายุไม่ถึงหมื่นปีทั้งสิ้น หากอายุเกินหมื่นปีเมื่อไหร่ก็จะถูกถอดออกจากตำแหน่งศิษย์หลักทันที
  และตราบใดที่ศิษย์หลักที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งเพราะอายุเกินกำหนด เลือกที่จะอยู่นิกายหมอกเร้นลับสืบต่อ มันก็จะกลายเป็นอาวุโสหลักของนิกายหมอกเร้นลับทันที หรือจะเลือกไปเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่นิกายหมอกเร้นลับอยู่ใต้อาณัติก็ได้
  อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพดังกล่าวแล้ว ฐานะในขุมกำลังนั้น แน่นอนว่าจะไม่ได้สลักสำคัญเหมือนรั้งอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ เพียงแต่จะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีขึ้น
  สุดท้ายแล้ว ช่องว่างระหว่างขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพก็ห่างชั้นกันไม่น้อย
  ด้วยเหตุนี้ต่อให้ยามดำรงอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับศิษย์หลักจะมีฐานะสูงเพียงใด…แต่เมื่อออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปเข้าสู่ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลัง สถานะในขุมกำลังดังกล่าวก็จะไม่ได้สูงส่งอะไร เพราะยังมีตัวตนที่เข้ามาในลักษณะนี้อีกหลายคน…
  สำหรับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพนั้น ต่อให้ส่งผู้อาวุโสธรรมดาๆที่มีฐานะต่ำต้อยมาสักคน ก็ไม่ใช่อะไรที่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพจะกล้าละเลยแล้ว นับประสาอะไรกับตระกูลระดับราชาเทพเช่นพวกมัน!
  “มันสมควรอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นแน่! อาศัยพลังฝีมือของมันเอง หากคิดจะฆ่าหน่วยเดนตายทั้ง 17 คนที่นำโดย ‘เสวี่ยเอ้อ’ ของตระกูลจ้งเรา…นั่นเป็นไปไม่ได้!”
  จ้งซื่อกล่าวคำออกมาเสียงหนักแลดูมั่นใจนัก
  “ข้าก็หวังว่ามันจักเป็นเช่นนั้น”
  จ้งซันพยักหน้า แม้สีหน้าของมันจะอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังจริงจังไม่น้อย “แต่ถึงจะไม่ใช่มันลงมือด้วยตัวเอง ก็หมายความว่ามีคนให้ความช่วยเหลือมัน! ดูเหมือนต่อไปหากพวกเราคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เกรงว่าจะไม่ง่ายแล้ว”
  “ช่วยมัน? เป็นผู้ใดที่ยื่นมือเข้าช่วยมันกัน?”   จ้งซื่อขมวดคิ้วหน้านิ่ว
  พอได้ยินคำถามดังกล่าว จ้งซันก็ขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงเข้ม สองตายังฉายแววลึกล้ำ “ข้าได้ยินจู้ชุนรายงานมาว่า โหวชิ่งหนิงผู้นั้นเหมือนพยายามจะผูกมิตรกับต้วนหลิงเทียน…และก่อนที่การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวจะเริ่มต้นขึ้นวันหนึ่ง คนของเราที่ประจำการอยู่ที่ประตูเมืองทิศเหนือของเมืองวายุสวรรค์ตลอด ก็มีรายงานมาว่าอาวุโส 5 ของนิกายหมื่นจันทรา ได้นำกำลังคนชุดหนึ่งเร่งรุดออกจากเมืองไป…ทิศทางที่เหาะไปยังเป็นทิศทางเดียวกับพื้นที่ทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ทราบว่าไปคุ้มครองโหวชิ่งหนิงหรืออย่างไร…”
  นิกายหมื่นจันทราก็เป็นขุมกำลังระดับราชาเทพดุจเดียวกับตระกูลจ้ง ทว่าในเมื่อเป็นขุมกำลังประเภทนิกาย เช่นนั้นความแข็งแกร่งจึงถือว่าเหนือกว่าตระกูลจ้งเล็กน้อย
  และโหวชิ่งหนิงผู้นั้น ก็เป็นลูกชายคนเก่งของประมุขนิกายหมื่นจันทราคนปัจจุบัน
  ด้วยฐานะของโหวชิ่งหนิง การที่นิกายหมื่นจันทราจะส่งอาวุโส 5 ออกไปลอบให้ความคุ้มครองก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด และปกติแล้วอาวุโส 5 กับคนของนิกายหมื่นจันทราเหล่านั้น ก็มักจะลอบให้ความคุ้มครองโหวชิ่งหนิงเสมอ
  “นิกายหมื่นจันทรา?”
  จ้งซื่อย่นคิ้วเป็นปมแน่น ใบหน้ายังคล้ายฉาบทับไปด้วชั้นน้ำแข็ง “โหวชิ่งหนิงนั่นมันผีเข้าหรือไร รู้ทั้งรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั่นมันมีเรื่องกับตระกูลจ้งเรา แต่ยังคิดผูกมิตรด้วยแบบนี้ หรือนิกายหมื่นจันทราคิดจะงัดกับตระกูลจ้งเรา?”
  “ข้าไม่ทราบ”
  จ้งซันได้แต่ส่ายหน้าไปมา
  “หากเป็นฝีมือของพวกนิกายหมื่นจันทราจริงๆ…เช่นนั้น หรือพวกเราทำได้แค่ลืมเรื่องนี้ไปเสีย?”
  จ้งซื่อเอ่ยถามเสียงหนัก
  “ย่อมไม่เป็นธรรมดา”
  สองตาจ้งซันทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “นิกายหมื่นจันทราแม้จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลจ้งเรา แต่ก็อย่างที่เจ้าว่า…หากพวกมันกล้าลงมือกับคนตระกูลจ้งเราจริงๆ ก็ให้มันรู้ไปว่าตระกูลจ้งเรามิใช่สัตว์กินพืช!”
  “หากสถานการณ์ย่ำแย่จริงๆ พวกเราก็แค่แบ่งคนในตระกูลออกไปหลบซ่อนส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็ไลอบกัดพวกมันเสีย…ทำให้พวกมันต้องรู้สึกเสียใจที่คิดเป็นศัตรูกับพวกเรา!”
  เสียงกล่าวของจ้งซันครานี้ ยังเต็มไปด้วยความดุร้ายรุนแรงนัก
  ทว่าแทบจะพร้อมๆกันกับที่จ้งซันกล่าวจบ มันก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นหว่างคิ้วก็ขมวดเป็นปม ราวกับพึ่งได้รับทราบอะไรมา
  “พี่ 3 เกิดอะไรขึ้น?”
  จ้งซื่อที่เห็นท่าทีของจ้งซันอยู่ๆก็แปลกไป อดถามออกมาไม่ได้
  หลังได้ยินคำถามของจ้งซื่อ จ้งซันก็กลับมาครองสติอีกครั้ง หากแต่สีหน้าของมันกลับแปลกไปพิกล “ข้าพึ่งได้รับรายงานที่แน่ชัดมา…อาวุโส5 กับคนของนิกายหมื่นจันทราที่เร่งรุดเดินทางไปก่อนการทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะเริ่มต้นขึ้นนั้น เห็นว่าได้ย้อนกลับมาวันเดียวกับที่ เสวี่ยเอ้อ ตกตาย…ทว่าช่วงเวลานั้นมันไม่ถูกต้อง เพราะพวกมันกลับมาถึงเมืองก่อนที่เสวี่ยเอ้อจักตายตก!”
  “และในบรรดาคนของนิกายหมื่นจันทรา ก็มีแค่อาวุโส 5 คนเดียวเท่านั้น ที่มีฝีมือสูงพอจะฆ่าเสวี่ยเอ้อได้…”
  ทันทีที่จ้งซันกล่าวจบประโยค ความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นในโถงหลักตระกูลจ้งทันที “อะไรกัน? เช่นนั้นมิได้หมายความว่าการตายของเสวี่ยเอ้อมิได้เกี่ยวข้องกับพวกนิกายหมื่นจันทราหรือไร?”
  “หากเป็นเช่นนั้นจริง กล่าวได้ว่านิกายหมื่นจันทราจักหลุดออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยทันที”
  “แต่ในเมื่อมิใช่ฝีมือของคนนิกายหมื่นจันทรา แล้วยังจะเป็นฝีมือของผู้ใดได้เล่า? หรือมีตระกูลราชาเทพอื่นในเมืองวายุสวรรค์ของเรา ส่งคนไปร่วมมือกันฆ่าเสวี่ยเอ้อกับพวก?”   “เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้! ถึงขั้นฆ่าเสวี่ยเอ้อลงได้ก่อนที่เสวี่ยเอ้อจักทันได้มีเวลาส่งรายงานกลับมา เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยเอ้อสมควรถูกฆ่าในพริบตา สุดที่จะต้านทานรับไหวจนไม่มีเวลาพอจะส่งข้อความ! เช่นนั้นคนที่ฆ่า 8-9 ใน 10 ส่วนสมควรแข็งแกร่งกว่าและยังลอบโจมตี!!”
  …
  ในขณะที่คนของตระกูลจ้งไม่อาจระบุได้ว่าที่แท้เป็นใครกันแน่ที่ฆ่าล้างหน่วยเดนตายของมันจนตกตายหมดสิ้น คนของตระกูลจ้งที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลระดับราชาเทพอื่นๆในฐานะสายลับก็เริ่มทยอยกันส่งรายงานมาว่า พวกเดนตายของตระกูลอื่นๆก็เริ่มถูกเข่นฆ่าแล้วเช่นกัน…