ถังชงนั้นเป็นคนตรงไปตรงมาแม้ถ้อยคำวาจาจะฟังดูโผงผาง แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งดี คนเช่นนี้ไม่ชอบทำอะไรลับหลังหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร กระทั่งหลังออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ พ้นจากสายตาอวิ๋นฮุ่ยไปแล้ว ก็ยังคงแลดูกกระตือรือร้นกับต้วนหลิงเทียนมาก
“เจ้าหนูต้วนหลิงเทียน เจ้านี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ รู้หรือไม่ว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์เลยที่ปรากฏอัจฉริยะระดับเจ้าขึ้นมา ดูเหมือนผู้คนในสายเมืองวายุสวรรค์เราในนิกายหมอกเร้นลับ จักได้มีหน้ามีตาขึ้นมาก็คราวนี้ล่ะ!”
หลังออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับแล้ว ถังชุนก็ไม่ได้รีบร้อนพาต้วนหลิงเทียนกลับไปยังนิกายหมอกเร้นลับแต่อย่างใด ทว่าเลือกพาต้วนหลิงเทียนเดินหาเหลาอาหารเพื่อดื่มกินกันก่อน
“อาวุโสถังชุนก็กล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม
“หากเจ้าสามารถรักษาอัตราก้าวหน้าเช่นนี้ไว้ได้ ต่อให้เจ้าจะโชคร้ายไม่ได้เป็นศิษย์หลักในขอบเขตเทพ แต่ยามใดที่เจ้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพ เรื่องจะได้เป็นศิษย์หลักหรือไม่ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจ้าแน่”
ถังชุนกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส “ถึงตอนนั้นเมื่อเจ้าเป็นศิษย์หลักแล้ว เจ้าก็จักไดรับการส่งเสริมจากนิกายหมอกเร้นลับเราอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันเจ้าก็จะได้รับสิทธิพิเศษจนมีอภิสิทธิ์ไม่ต่างอะไรจากอาวุโสสายในเช่นข้าด้วย”
กล่าวถึงจุดนี้ แววตาของถังชุนก็ฉาความอิจฉาขึ้นมา “เจ้าดูข้ากับอวิ๋นฮุ่ยเถอะ ในนิกายหมอกเร้นลับนั้น พรสวรรค์ของพวกเราทั้งคู่เรียกว่าอยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น กว่าพวกเราจักมีวันนี้กันได้ก็ต้องบากบั่นเพียรพยายามกันมาไม่น้อย…แต่ทันทีที่เจ้าเป็นศิษย์หลักได้ เจ้าก็จักมีความสำเร็จเท่าวันเวลานานปีที่พวกเราบากบั่นกันมา!”
พอกล่าวจบคำ ถังชุนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน จากนั้นมันก็กวาดตามองไปยังร้านรวงทั้ง 2 ข้างถนน จนในที่สุดก็แลเห็นเหลาใหญ่โตมากล้นไปด้วยผู้คน ไม่ต่างอะไรจากภัตตาคารชั้นนำในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียน “ข้าจำได้ว่าอาหารจานเด็ดร้านนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ทุกคราที่ข้ามาเมืองวายุสวรรค์ ข้าก็จะมาหาอะไรกินที่นี่ตลอด”
“เช่นนั้นพวกเราไปหาอะไรเติมท้องก่อนค่อยเดินทางเถอะ”
ได้ยินคำพูดถังชง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร
“เอ๋า ไม่มีห้องส่วนตัวว่างเลยรึ?”
หลังเดินเข้ามาในเหลาอาหาร ถังชุนก็ไปถามบริกรว่ายังมีห้องส่วนตัวว่างหรือไม่ อนิจจาคำตอบที่ใดกลับทำให้มันผิดหวัง “ท่านลูกค้า ต้องขออภัยด้วย…ช่วงนี้ของทุกวันเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านเรามากที่สุด ห้องส่วนตัวจึงมีแขกเข้าใช้เต็มหมดแล้วขอรับ กระทั่งโถงรวมของพวกเรายังเหลือโต๊ะว่างไม่กี่ที่เท่านั้น กระทั่งยังพึ่งว่างก่อนหน้าท่านลูกค้าจะเดินเข้ามาไม่กี่ลมหายใจ”
“ท่านลูกค้า สนใจนั่งรับประทานอาหารในโถงรวมหรือไม่ขอรับ?”
ได้ยินคำขอโทษด้วยท่าทางจนปัญญาของบริกร ถังชุนเพียงย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนคลายออก ไม่ได้ว่าอะไร “ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าหาโต๊ะให้พวกเรา 2 คนเถอะ”
“เชิญท่านลูกค้าตามข้ามาทางนี้ขอรับ”
พอได้ยินคำตอบถังชุน บริกรก็รีบพาต้วนหลิงเทียนกับถังชุนไปยังโต๊ะที่พึ่งว่างลงหลังเก็บกวาดแล้วเสร็จ จากนั้นก็นำรายการอาหารออกมา พลางเรียกชุดน้ำชาออกมารินเทให้อีกทั้งสอง
“รายการอาหารแนะนำของร้านนี้นับว่าไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดูสิ” ถังชุนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับคำ “หากกระทั่งอาวุโสถังชุนยังแนะนำมาถึงขนาดนี้ ข้าเองก็ไม่ลองไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็จัดมาชุดใหญ่เลยเถอะ”
หลังต้วนหลิงเทียนกับถังชุนสั่งอาหารจาดเด็ดของเหลาไปหลายจาน ทั้งคู่ก็นั่งรอเพียงครู่เดียวก่อนบริกรจะยกมาจัดวาง
และในห้องส่วนตัวของเหลาอาหารแห่งนี้ ก็พอดีกับมีกลุ่มคนที่พึ่งดื่มกินเสร็จเดินออกมาจากด้านในพอดี
หากต้วนหลิงเทียนบังเอิญผ่านมาหน้าประตูห้องส่วนตัวห้องนี้ ก็คงจดจำได้ทันทีเพราะทุกคนที่ออกมามีคนหน้าคุ้นไม่น้อย ไม่ใช่ใครอื่น เป็นนักศึกษา 10 ดาวของตระกูลจ้งในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ที่ถูกยอมรับว่าเป็นนายน้อยตระกูลจ้ง จ้งเค่อฉี
“นายน้อยฉี นานๆทีท่านจะออกมาสักครั้ง เช่นนั้นก็อยู่เล่นกับพวกเราสักสองสามวันเถอะ จะรีบกลับไปไย”
จ้งเค่อฉีเดินนำกลุ่มคนออกมาจากห้องส่วนตัว โดยใน 5 คนที่ติดตามออกมา ก็มีคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายมันเดินตามอยู่ด้านหลังคนสองคน หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้ที่กล่าวชวนออกมา
“ไม่ได้หรอก”
จ้งเค่อฉีส่ายหัวไปมา “ข้าขอลาหยุดแค่ 2 วันเท่านั้น วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว ข้าต้องกลับไป…ครั้งหน้าที่ข้าออกมาจะพาพวกเจ้าทั้งหมดไปเลี้ยงทั้งหาอะไรสนุกๆเล่นกันเอง”
คนที่อยู่กับจ้งเค่อฉีนั้นก็ไม่ใช่จะเป็นคนของตระกูลจ้งทั้งหมด แต่พวกมันก็เป็นลุกหลานของตระกูลใหญ่ในเมืองเช่นกัน ปกติแล้วก็ชมชอบติดตามจ้งเค่อฉีต้อยๆ ทำราวกับการได้ติดตามจ้งเค่อฉีเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง…และจ้งเค่อฉีเองก็ชมชอบที่มีคนติดตามมันเช่นนี้ไม่น้อย
“นายน้อยฉี” ตอนนี้เองพลันมีคนหนึ่งเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “ตระกูลจ้งรวมถึงท่าน เกลียดชังต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเข้ากระดูกดำ พวกเรามาหาวิธีฆ่ามันกันดีหรือไม่? หาไม่แล้วหากมันไปถึงนิกายหมอกเร้นลับขึ้นมา ต่อให้ตระกูลจ้งของท่านจะยิ่งใหญ่ ข้าก็เกรงว่ายากจะรอดพ้นหายนะกระมัง?”
“แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราไม่อยากฆ่ามันหรือไร?”
จ้งเค่อฉีหันไปมองถลึงตาใส่ผู้พูด “หากสารเลวนั่นมันไม่โผล่หัวออกมาจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เจ้าคิดว่าพวกเราจะมีโอกาสฆ่ามันหรือไม่?”
“การทดสอบนักศึกษา 10 ดาวที่พึ่งจบไป แม้มันจะออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาจริง แต่ด้วยมีอวี๋เชียนซานผู้นั้นอยู่ ตระกูลจ้งข้าคิดจะส่งราชาเทพไปฆ่ามันก็ทำไม่ได้”
เหตุผลที่จ้งเค่อฉีขอลาหยุด และออกมานอกสถานศึกษานั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนอะไร เพียงแค่มันอยู่ในสถานศึกษาแล้วรู้สึกหดหู่
ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าล้อมันเรื่องถูกต้วนหลิงเทียนแย่งที่พักไปต่อหน้า แต่ลับหลงไม่ทราบผู้คนคุยกันสนุกปากขนาดไหน และช่วงนี้ด้วยทุกคนเอาแต่พูดถึงความยอดเยี่ยมของต้วนหลิงเทียนหลังคะแนนทดสอบออก มันก็หงุดหงิดนัก เพราะทุกครั้งที่ได้ยินคนกล่าวชมต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เหมือนมีหนามแหลมทิ่มแทงใจ สุดท้ายก็เลยลาหยุดออกมา 2 วัน เพื่อหารือกับคนที่บ้านว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนอย่างไร
และวันนี้ก่อนออกจากบ้านมา มันก็ได้รับข้อสรุปว่า คนในตระกูลเลือกจะรอให้ต้วนหลิงเทียนไปถึงนิกายหมอกเร้นลับก่อน ค่อยหาทางจัดการอีกฝ่ายทีหลัง ทำให้มันอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก สุดท้ายก็เลยชวนพวกออกมาดื่มกินกันด้านนอก
ตอนนี้เมื่ออิ่มหนำแล้ว ก็เลยคิดจะกลับ
จ้งเค่อฉีเดินนำกลุ่มคนออกจากห้องส่วนตัว ไปตามช่องทางเดินเฉพาะที่มุ่งหน้าไปยังโถงรวม
เหลาอาหารแห่งนี้ก็เป็นกิจการของตระกูลจ้งเอง และหากจะออกจากห้องส่วนตัวเพื่อไปข้างนอก ก็ต้องผ่านโถงรวม
“นายน้อย!”
“นายน้อย!”
…
ขณะเดินออกมา ไม่ว่าจ้งเค่อฉีผ่านไปที่ใด พนักงานในเหลาอาหารก็ล้วนโค้งคารวะมันอย่างนอบน้อม เห็นได้ชัดว่าพวกมันรู้จักนายน้อยตระกูลจ้งอย่างจ้งเค่อฉีดี
จ้งเค่อฉีไม่ได้แยแสอะไรพยักงานตัวเล็กๆ เพียงก้าวอาดๆเข้ามาในห้องโถงรวม ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก
“นายน้อยฉี กิจการเหลาอาหารตระกูลจ้งท่านนับวันยิ่งรุ่งเรือง…กระทั่งโถงรวมยังไม่มีที่ให้ผู้คนนั่งกันแล้ว”
ชายหนุ่มที่ติดสอยห้อยตามด้านหลัง เมื่อเห็นโถงรวมแน่นขนัดไปด้วยลูกค้า ก็อดกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจไม่ได้
จ้งเค่อฉีพอได้ฟัง ก็กวาดตามองไปรอบๆโถงรวมรอบหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันที่คิดชมดูบรรากาศผู้คนมาใช้บริการเหลาอาหารตระกูลมันด้วยความพอใจ ไม่คิดเลยว่าเมื่อเหลือบไปเห็นโต๊ะหนึ่ง กลับทำให้มันไม่อาจละสายตาออกมาได้อีก เพราะมันเห็นร่างหนึ่ง ที่มักทำให้มันฝันร้ายอยู่ทุกค่ำคืน
ก่อนหน้า มันยังฝันว่าถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย!
‘นั่นมันต้วนหลิงเทียน! ไฉนมันถึงออกมาได้เล่า!?’
‘หรือมันก็ขอลาออกมาเหมือนกัน?’
นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวจ้งเค่อฉี ขณะเดียวกันมันก็เหลือบไปมองร่างชายชราที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้วนหลิงเทียน และไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ไม่คุ้นหน้าเลย จึงสรุปได้ทันทีว่านั่นไม่น่าจะใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ‘ดูเหมือนนั่นจะเป็นอาวุโสในบ้านมัน…หรืออาวุโสของมันผ่านมาเมืองวายุสวรรค์พอดี มันก็เลยขอลาออกมาเพื่อพบเจออีกฝ่าย?’
‘แถมมีที่ไหนไม่ไป มันดันเลือกจะมาใช้บริการเหาอาหารตระกูลจ้งข้า?’
จ้งเค่อฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปยังช่องทางเดินที่มุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวทันที
และการกระทำดังกล่าวของมัน ไม่เพียงทำให้พนักงานในเหลาที่อยู่ 2 ข้างทางสงสัยเท่านั้น คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็สับสนไม่แพ้กัน “นายน้อยฉี ท่านเป็นอะไรไป?”
“หุบปาก!”
จ้งเค่อฉี สบถคำตำหนิออกมาเสียงหนัก และด้วยความจริงจังไม่เว้นสีหน้าขึงขังของจ้งเค่อฉี ก็ทำให้คนอื่นๆไม่กล้าพูดอะไรอีก
ครู่ต่อมา ท่ามกลางสายตาทุกคน จ้งเค่อฉีก็นิ่งไป เพราะมันกำลังส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณมากมายในแหวนพื้นที่…และคนที่มันส่งข้อความไปหา ก็ไม่ใช่ใคร เป็นบิดาของมัน นายคนที่ 2 ของตระกูลจ้ง จ้งเอ้อนอกจากนัน้ยังมีอา 3 อา 4 ไม่เว้นลุงใหญ่ที่เป็นผู้นำตระกูลจ้ง
และตอนนี้ไม่ว่าจะจ้งต้าหรือจ้งเอ้อก็กลับมาจากการไปทำธุระด้านนอกแล้ว ทุกคนล้วนอยู่กันพร้อมหน้าที่ตระกูลจ้ง
หลังจากทั้ง 4 ได้รับแจ้งจากจ้งเค่อฉีว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับกล้าพาติมานั่งดื่มกินในเหลาอาหารที่เป็นกิจการของตระกูลจ้งพวกมัน พวกมันไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ทั้งหมดล้วนหยุดมือ จากนั้นสองตาก็เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน
และผู้นำตระกูลจ้ง จ้งต้า ก็เร่งส่งข้อความไปหาจ้งซื่อทันที “เจ้า 4 เจ้าอยู่ที่เหลาของเจ้าหรือไม่?”
“ข้าอยู่พี่ใหญ่”
จ้งซื่อก็เร่งตอบกลับเร็วไว “ตอนนี้ข้าอยู่กับเค่อฉีแล้ว”
“ตอนนี้เจ้าเร่งส่งคนของเจ้าไปจัดตั้งค่ายกลเสีย พวกเราจะปิดผนึกพื้นที่รอบๆเหลาอาหาร ป้องกันไม่ให้ผู้ใดติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้…ให้ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ต่างอะไรจากสัตว์ติดบ่วง แล้วฆ่ามันเสีย!”
“ว่าแต่ ตอนนี้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันนั่งกินในโถงรวมรึ?”
“เจ้าลองไปจัดการดู ว่าจะพามันไปยังห้องส่วนตัวได้หรือไม่ จากนั้นค่อยเปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นการสื่อสาร”
ในฐานะผู้นำตระกูลจ้ง มันนับว่าตัดสินใจเร็วนัก และตั้งใจจะฆ่าต้วนหลิงเทียนในเหลา!
“ทราบแล้วพี่ใหญ่”
จ้งซื่อตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
“เค่อฉี เจ้ามั่นใจหรือ ว่าคนที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนนั่นมิใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ?”
จ้งต้าถามจ้งเค่อฉีย้ำอีกครั้ง
ด้านจ้งเค่อฉีก็ตอบกลับอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ท่านลุงข้าอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับมาเกือบ 2,000 ปีแล้ว ข้ารู้จักอาจารย์ทุกคนในสถานศึกษาหมอกเร้นลับดี…มีเพียงคนนี้เท่านั้นที่ข้าไม่เคยเห็นหน้า! หมายความว่ามันไม่ใช่อาจารย์ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับแน่นอน!!”
“เข้าใจแล้ว”
จ้งต้ารับคำ จากนั้นก็ส่งข้อความมานัดหมาย “ข้าจะให้บิดาของเจ้าไปด้วยตัวเอง…บอกอา 4 ของเจ้าว่าให้รอบิดาเจ้าไปถึงก่อนค่อยลงมือ!”
“นอกจากนั้นก่อนที่จะจัดตั้งค่ายกลผิดปั้นการสื่อสารแล้วเสร็จ เจ้าอย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด…และหลังจากฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นได้แล้ว เจ้าก็กำจัดศพของมันให้สิ้นซากเสีย อย่าได้ให้เหลือร่องรอยใดๆเด็ดขาด!”
“ด้วยวิธีนี้ต่อให้วันหน้าจะมีคนออกมาพูดว่าจำได้ว่าต้วนหลิงเทียนเดินเข้าเหลาของพวกเรา แต่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน ก็เป็นไปไม่ได้ที่คณบดีของสถานศึกษาจะสอดมือเข้ามายุ่งได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเล่นงานตระกูลจ้งของพวกเราโดยตรง”
“ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันประเสริฐนัก…ไม่แน่ วันนี้พวกเราอาจขจัดภัยซ่อนเร้นของตระกูลจ้งเราได้อย่างถาวร!”
ฟังจากคำพูดของจ้งต้าแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันระมัดระวังไม่น้อย ขณะเดียวกันฟังจากน้ำเสียงจริงจังของมัน เห็นได้ชัดว่าจ้งต้าเองก็ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลจ้ง!
หลังได้ยินคำกำชับและกำหนดการลงมือของจ้งต้า ลูกตาจ้งเค่อฉีก็เปล่งแสงจ้า ขณะเดียวกันก็เร่งกล่าวกับจ้งซื่อทันที ว่าจ้งต้าสั่งอะไรไว้บ้าง
ขณะเดียวกันกับที่จ้งซื่อรับทราบ มันก็หันไปถามลูกน้องอันเป็นชายชราด้านข้าง จนในที่สุดก็สืบทราบว่าต้วนหลิงเทียนกับชราชราผู้นั้น เดิมทีต้องการใช้ห้องส่วนตัว แต่พอดีห้องเต็ม มันก็เลยให้บริกรออกไปแจ้งต้วนหลิงเทียนกับชายชรานั่นว่าตอนนี้ห้องส่วนตัวว่างแล้ว “ไป เจ้าไปบอกคนที่เจ้าพึ่งต้อนรับก่อนหน้าเสีย แขกที่เป็นชาหนุ่มชุดม่วงกับชายชราผู้นั้น ว่าบัดนี้ห้องส่วนตัวของพวกเราว่างแล้ว…และแจ้งทั้งคู่ไปด้วยว่าห้องส่วนตัวนี้ พวกเราจักมอบให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นการขอโทษที่ก่อนหน้าไม่มีห้องว่างให้พวกมัน”
อันที่จริงขอแก้ตัวดังกล่าวมันฟังไม่ขึ้นจริงๆ
อย่างไรก็ตามจ้งซื่อเชื่อว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าเหลาอาหารแห่งนี้เป็นกิจการของตระกูลจ้ง อีกฝ่ายย่อมไม่สงสัยแน่นอน
ปรากฏว่าจ้งซื่อเดาถูก
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สงสัยอะไร เพราะในโลกเก่าเขาก็เจอเรื่องทำนองนี้มาไม่น้อย ยิ่งถ้าสั่งของแพงๆบางทีค่าห้องส่วนตัวก็ไร้สำคัญจนไม่นำมาคิด…บ้างยังจะเลือกเสนอโปรโมชั่นต่างๆเป็นการดึงดูดลูกค้าที่ใช้จ่ายมือเติบ
ด้านถังชุนที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สงสัยอะไรสงสัยอะไร