กึงงง!! กึงงง!!
  ครืนนนน!! แอดดดด!!
  …
  หลังจากหวูเฟิง ซือหม่าหานและคนอื่นๆที่ไขกุญแจเปิดประตูล่าถอยออกมา ประตูบานเขื่องของตำหนักเบื้องหน้า ก็ค่อยๆเปิดออกท่ามกลางความสนใจของทุกคน
  ทันใดนั้นเอง วังวนสีดำหนึ่งก็ปรากฏในสายตาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ปกปิดฉากเรื่องราวภายในตัวตำหนักโดยสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดสามารถแลเห็นสถานการณ์ด้านในตำหนักได้ พาลให้รู้สึกถึงความลี้ลับยากหยั่งถึง
  จุดนี้ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็ไมได้แปลกใจอะไร
  เทพซ่อนเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่หลังประตูเปิดออกแล้วจะแลเห็นฉากด้านหลังประตูตามปกติ
  ถึงแม้เทพซ่อนหลังนี้จะแลดูเหมือนตำหนัก ไม่ก็ศาลเจ้าหรือวิหารอะไรสักอย่าง แต่ทุกคนรู้ดีว่าด้านในนั้นไม่ได้มีอะไรเช่นนั้น เผลอๆจะเป็นระนาบอิสระหรือโลกใบเล็กที่มีเอกเทศ
  จะอย่างไรก็ตามแต่ พอประตูเปิดออกเห็นวังวนสีดำ พวกหวูเฟิงทั้ง 5 ที่เปิดประตู ก็เร่งรุดล่าถอยกลับไปเคียงข้างสหายของตัวเองทันที
  หวูเฟิงก็กลับมาอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน
  ซือหม่าหานกับคนอื่นๆก็กลับไปหาคนที่พวกมันพามา
  “ศิษย์น้องต้วน เมื่อครู่ไฉนเจ้าถึงถามข้าเช่นนั้นล่ะ?”
  หลังกลับมาหยุดยืนข้างต้วนหลิงเทียนแล้ว หวูเฟิงก็เริ่มถามเรื่องที่มันสงสัยเมื่อครู่ออกมา
  ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเลือกจะส่งเสียงผ่านพลัง หมายความว่าไม่อยากให้ใครได้ยิน มันก็เลส่งเสียงผ่านพลังไปถามเช่นกัน
  “ศิษย์พี่หวูเฟิง ข้าสงสัยว่าตัวตนของซือหม่าหานผู้นั้นจะไม่ธรรมดา…มันไม่เพียงแต่จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตู้เชียนจวิน กระทั่งตู้เชียนจวินเองก็น่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของมัน ทั้งท่าทางจะเคารพมันไม่น้อย”
  ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงบอกข้อสันนิษฐานของเขาออกไป
  “อะไร!?”
  และคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้หวูเฟิงตกใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
  ซือหม่าหาน ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดหรือไร?
  ทว่าตอนนี้มันไม่เพียงแต่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตู้เชียนจวิน แต่หลังจากที่มันเปิดเผยตัวตนออกไป ตู้เชียนจวินยังให้ความเคารพมันอีก?
  นั่นหมายความว่าอย่างไร?
  ตู้เชียนจวินเป็นใครเล่า?
  หลานชายของตู้จ้าน 1 ในอาวุโสสูงสุดที่มีอำนาจล้นพ้นในนิกายหมื่นปีศาจ กระทั่งศิษย์หลักธรรมดาๆมพบเจอตู้เชียนจวินยังต้องไว้หน้า
  หากจะมีใครที่ทำให้ตู้เชียนจวินเคารพได้ ก็คงมีแต่ตู้ปั้วจวินพี่ชายของมันกับหยางเชียนเย่ นายน้อยแห่งนิกายหมื่นปีศาจ แม้จะมีคนอื่นอีก แต่ก็ต้องเป็นตัวตนที่มีฐานะทัดเทียมกับ 2 คนนั่น
  อย่างไรก็ตาม นั่นต้องหมายความว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนของนิกายหมื่นปีศาจ!
  หากเป็นคนนอกไม่ใช่คนของนิกายหมื่นปีศาจ ก็ต้องหมายความว่าฐานะของอีกฝ่ายยิ่งใหญ่จนสะกดข่มตู้เชียนจวินได้ เพราะหากเป็นคนนอกต่อให้แข็งแกร่งกว่าตู้เชียนจวิน ก็คงยากจะได้รับการยอมรับและเคารพ
  “ข้ายังสงสัยอีกว่า ซือหม่าหาน ผู้นั้นสมควรปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ตอนไปทำภารกิจกับพวกท่าน”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยความเห็นออกมาอีกครั้ง
  และนี่เป็นการคาดเดาส่วนตัวของเขา
  “ทุกคน”
  หลังจากต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปบอกการคาดเดาของตัวเองให้หวูเฟิงรับรู้ ไม่ทันที่หวูเฟิงจะตอบสนองใดๆ ซือหม่าหานพลันกล่าวออกมาเสียก่อนว่า “ตอนนี้ในเมื่อประตูของเทพซ่อนเปิดออกแล้ว…ต่อไปก็ให้ข้ากับสหายข้ารวมถึงตู้เหยียนกับสหายรั้งอยู่ด้านนอก และพวกเจ้าอีก 6 คนเข้าไปก่อนเป็นไง?”
  ขณะที่ซือหม่าหานกล่าว มันก็กวาดตามองไปยังต้วนหลิงเทียน หวูเฟิงและคนอื่นๆ
  “ข้าไม่มีความเห็น”
  “ข้าก็ไม่คัดค้าน”
  หลิวตงหมิงกับเยว่ฉีพอได้ยินข้อเสนอของซือหม่าหาน บอกว่าพวกมันสามารถเข้าไปก่อนได้ พวกมันไหนเลยจะคัดค้าน กระทั่งยังมีความสุขแทบไม่ทัน!
  ต้องทราบด้วยว่าเทพซ่อนแห่งนี้ พวกมันคาดว่าน่าจะเป็นมรดกสถานของตัวตนระดับจักรพรรดิเทพเหลือทิ้งไว้ การเข้าไปก่อนหมายความว่ามีโอกาสฉกฉวยก่อน กระทั่งเผลอๆอาจจะได้รับสืบทอดมรดกที่ตัวตนอันทรงพลัง ซึ่งคาดวว่าน่าจะเป็นจักรพรรดิเทพเหลือทิ้งไว้!
  หากไม่ได้ยินข้อสันนิษฐานผ่านพลังจากต้วนหลิงเทียนมาก่อน บางทีหวูเฟิงก็อาจจะเห็นพ้องกับพวกหลิวตงหมิง
  แต่ตอนนี้พอมาได้ยินข้อเสนอของซือหม่าหาน มันก็ไม่ออกความเห็นใดๆเพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว
  “ในความเห็นข้า เป็นการดีเสียกว่าที่จะให้พวกเรา 2 คนรั้งท้ายอยู่กับพวกเจ้าด้วย…”
  ทันใดนั้นเอง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับซือหม่าหานเสียงเรียบ “ข้าไม่อยากถูกทั้ง 4 คนฆ่าตายหลังจากเข้าไป…สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าเทพซ่อนแห่งนี้เมื่อเข้าไปแล้วจะไปปรากฏตัวที่เดียวกัน หรือสุ่มกระจายตัวไปยังที่ต่างๆ”
  “นอกจากนี้ เจ้าให้ตู้เหยียนกับพวกรั้งอยู่กับเจ้า 2 คน หรือซือหม่าหานเจ้าไม่กลัวตู้เหยียนกับสหายจะลงมือฆ่าเจ้าทิ้งรึไง?”
  “ส่วนให้ข้ารั้งท้าย คงไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกเจ้ามากนัก”
  พอกล่าวจบคำ พลังเทพก็เริ่มลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียน และเมื่อกลิ่นอายพลังเทพของเขากำจายออกไป ด่านพลังฝึกปรือของเขาก็เปิดเผยให้ทุกคนทราบทันที
  “เทพขั้นสูง?”
  พอตระหนักถึงกลิ่นอายพลังเทพของต้วนหลิงเทียน หลิวตงหมิง เยว่ฉีและสหายของพวกมันก็หรี่ตาลงทันที พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาแต่ละคนก็ฉษยชัดถึงความดูแคลนหยันหยาม
  “หวูอี้ซาน เจ้าถึงกับพาเทพขั้นสูงมาจริงๆ?”
  หลิวตงหมิงหันไปมองกล่าวกับหวูเฟิงพลางยิ้มกริ่ม “นี่เจ้าไม่มีสหายที่เป็นราชาเทพขั้นต่ำแม้แต่คนเดียวรึ? ในนิกายหมอกเร้นลับไม่ใช่มีศิษย์สายในขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำมากมายหรือไร? เจ้าไม่เลือกมาสักคนเล่า? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกเพื่อนไม่คบกระมัง?”
  หลิวตงหมิงที่รู้ว่าหวูเฟิงเป็นศิษย์นิกายหมอกเร้นลับแต่แรก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
  แม้เยว่ฉีจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่มันใช้มองหวูเฟิงก็ฉายความสมเพชไม่น้อย
  ด้านซือหม่าหานเพียงขมวดคิ้วเบาๆ
  แต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะมันหรือสหาย ต่างไม่ได้แปลกใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่เทพขั้นสูงเท่านั้น ทำราวกับพวกมันรู้เรื่องนี้แต่แรก
  “หึ!”
  ตอนนี้เองอยู่ๆตู้เชียนจวินพลันพ่นลมสบถออกมาอย่างไม่พอใจ “ไอ้หนู ปากเจ้าจะกินอะไรก็ได้แต่ไม่อาจกล่าวเหลวไหลได้! ข้าตู้เชียนจวินเป็นคนเช่นนั้นรึ?”
  “หากซือหม่าหานกับสหายกลัวว่าข้าจะลงมือสังหาร ข้าสามารถกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจได้ทันที ว่านอกจากด้านในเทพซ่อนแล้ว ข้าไม่มีทางลงมือสังหารผู้ใดเด็ดขาด…ไม่ใชแค่ข้าเท่านั้น คนอื่นๆเองก็สามารถกล่าวคำสาบานเช่นนี้เหมือนกัน”
  พอตู้เชียนจวินเปิดปากกล่าวคำออกมา ทำให้หลิวตงหมิงกับเยว่ฉีที่เดิมรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง พลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะพวกมันเริ่มกลัวว่าตู้เชียนจวินจะฉวยโอกาสตอนที่พวกมัน 6 คนเข้าสู่เทพซ่อน และสังหารซือหม่าหานขึ้นมาจริงๆ
  จากนั้นหลังจากเข้าไปด้านในเทพซ่อนแล้วพบว่าทุกคนมาปรากฏตัวที่เดียวกัน พวกมันก็ไม่พ้นต้องพบเจอการร่วมมือของตู้เชียนจวินและหวูเฟิง! ในกรณีที่พวกมันไม่อาจฆ่าหวูเฟิงได้ก่อน!!
  “ข้าคิดว่าเรื่องนั้นคงไม่จำเป็น”
  ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองตู้เชียนจวินพลางกล่าว “และหากจะต้องกล่าวคำสาบานกันขึ้นมา ข้าเห็นว่าให้ซือหม่าหานกล่าวคำสาบานด้วยจะดีกว่า…เพราะเท่าที่ข้าทราบมาเหมือนว่าครั้งสุดท้าย ก็เป็นซือหม่าหานที่ให้ทุกคนกล่าวคำสาบานเพิ่มกระมัง”
  หลังกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองซือหม่าหาน มุมปากยังยกยิ้มล้อเลียนบางๆ
  “เจ้า…”
  ตอนนี้ตูเชียนจวินรู้สึกหมดคำจะพูด เพราะสุดท้ายขอคำของต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีอะไรให้ขัดข้อง และไม่ว่าใครก็ตามที่ฟังจะพบว่ามันสมเหตุสมผล
  หากมันไม่ได้บรรลุข้อตกลงลับกับซือหม่าหานเรียบร้อยแล้ว มันต้องเห็นด้วยกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน
  ทำให้มันไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองกับคำขอต้วนหลิงเทียนอย่างไร
  หากไม่เห็นด้วย ก็เกรงว่าจะเป็นการเผยพิรุธ
  “วันนั้นข้าให้หวูอี้ซานกับตู้เหยียนกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจเพิ่มเติม ก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกข้า 3 คน…แต่ถ้าวันนี้เจ้ายืนยันให้ทุกคนทำเช่นนั้นจริงๆข้าก็ไม่คัดค้าน และข้าเชื่อว่าตู้เหยียนก็คงไม่คัดค้าน”
  ขณะกล่าวซซือหม่าหานก็หันไปมองตู้เหยียน
  ฝ่ายหลังก็พยักหน้าตอบรับเร็วไว “ข้ายังไงก็ได้”
  อย่างไรก็ตาม แมเปากจะพูดแบบนั้นออกมา แต่ในแววตาของตู้เหยียนกลับฉายความไม่พอใจ
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าเขาได้ทำลายการสมคบคิดเล็กๆของตู้เหยียนกับซือหม่าหานได้แล้ว ด้านซือหม่าหานก็พูดออกมาอีกครั้ง “เอาล่ะในเมื่อเจ้ากับหวูอี้ซานอยากรั้งท้าย…เช่นนั้นก็ให้พวกเรากับพวกหลิวตงหมิงและเยว่ฉีเข้าไปก่อนแล้วกัน”
  “พอพวกเรา 6 คนเข้าไปแล้ว เจ้าค่อยตามมาแล้วกัน”
  “ตู้เหยียน หากเป็นเช่นนี้เจ้าพอใจหรือไม่?”
  ซือหม่าหานเอ่ยถึงจุดนี้ มันก็หันไปมองถามตู้เชียนจวินอีกครั้ง
  พอตู้เชียนจวินได้ยิน สองตามันก็เป็นประกายขึ้นมา ยักไหล่ตอบว่า “ข้าไม่เห็นต่างอะไร”
  “แต่ข้าเห็นต่าง….”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ใช่แค่ซือหม่าหานเท่านั้น แม้แต่ตู้เชียนจวินกับคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
  “ไอ้หนู ที่แท้เจ้าจะเอาอย่างไรของเจ้ากันแน่หา?”
  หลิวตงหมิงที่ขมวดคิ้ว กล่าวคำออกมาเสียงแข็งอย่างไม่สบอารมณ์ “จะไปก่อนก็ไม่เอา จะไปหลังก็ไม่เอา เจ้าไฉนเรื่องมากนัก! ที่แท้เจ้าต้องการอะไรของเจ้า?”
  ด้านเยว่ฉีเอง ก็ยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
  ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวตอบออกมาว่า “หากพวกเจ้าทั้งหมดเข้าไปก่อน และถ้าพวกเราทุกคนไปปรากฏตัวในสถานที่เดียวกันจริง เกิดพวกเจ้าลอบจู่โจมพวกเราหน้าทางเข้าเล่า…หากพวกเราตั้งรับไม่ทัน ถึงตอนนั้นพวกเราไม่ซวยหรือไร?”
  “ในความเห็นของข้า ศิษย์พี่หวูกับข้าและตู้เหยียนกับสหายถือเป็นกลุ่มนึง และพวกเจ้าทั้ง 6 คนก็ถือเป็นอีกกลุ่มนึง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งคู่นึงเข้าไปก่อน…และกลุ่มของพวกเรา เป็นข้ากับศิษย์พี่หวูจะเข้าไปก่อน พวกเจ้าก็ส่งมาสักคู่เพื่อไปพร้อมพวกเรา”
  “จากนั้นอีก 3 คู่ที่เหลือ ก็ให้เข้ามาพร้อมๆกัน”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าว
  “เป็นธรรมดาว่ากลุ่มข้า ย่อมไม่คัดค้านเรื่องให้ข้ากับศิษย์พี่หวูเข้าไปก่อนแน่นอน…ถึงอย่างไรเสียพลังรบของข้ากับพี่หวูก็อ่อนด้อยกว่าตู้เหยียนกับสหายแน่นอน”
  “นอกจากนั้น การปล่อยให้ตู้เหยียนกับสหายเข้าไปทีหลัง ถึงแม้พวกเจ้าจะมีกัน 4 คน แต่ตู้เหยียนกับสหายย่อมสามารถรับมือพวกเจ้าได้แน่ หากพวกเจ้าคิดไม่ซื่ออะไร”
  พอต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสวมหมวกทรงสูงให้ตู้เชียนจวินกับสหายแม้แต่น้อย
  “เอาเช่นนั้นก็ได้”
  ตู้เชียนจวินกล่าวออกมาด้วยท่าทีรำคาญ “เจ้านี่มันเรื่องมากจริงๆ”
  “แต่จะว่าไป..”
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะนึกอะไรได้ออก จึงหันไปยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “ทางเข้าเทพซ่อนมันก็กว้างอยู่นา หรือพวกเรา 10 คนจะโดดเข้าไปพร้อมกันเลยเล่า?”
  “เฮอะ!”
  คราวนี้เป็นชายหนุ่มชุดแดงที่ยืนข้างๆซือหม่าหานแค่นเสียงพ่นลมขึ้นจมูกออกมา ค่อยกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ให้ 10 คนเข้าไปพร้อมกันมันวุ่นวายเกินไป เกิดมีบางคู่เลือกที่จะหยุดลงแล้วหันมาเล่นงานใครสักคนเล่า?”
  “ยกตัวอย่างเช่นพวกเจ้า…ถึงจะบอกว่าโดดเข้าไปพร้อมๆกัน แต่เกิดหวูอี้ซานเข้าไปก่อนเจ้า ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็สามารถฆ่าเจ้าได้ทันที!”
  “แยกกันไปกลุ่มละคู่ดีแล้ว”
  พอชายหนุ่มชุดแดงกล่าวยกตัวอย่างออกมา หลิวตงหมิงกับเยว่ฉีและคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกมันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
  “เช่นนั้นก็เอาตามเจ้าว่าก่อนหน้าเถอะ”
  ตอนนี้เองซือหม่าหานก็มองไปยังต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาเสียงเรียบ “เจ้ากับหวูอี้ซาน และอีกคู่หนึ่งของพวกเราจะเข้าไปพร้อมกัน”
  พอซือหม่าหานกล่าวถึงจุดนี้ มันก็หันไปมองเยว่ฉีกับบหลินตงหมิง “พวกเจ้า 2 คนเลือกเอา ว่าพวกเจ้ากับสหายคู่ไหนจะเข้าไปก่อน หรือพวกเจ้าจะเข้าไปกันก่อนเลย 2 คนก็ได้ ให้สหายที่พวกเจ้าพามาเข้าไปทีหลัง”