“ต้วนหลิงเทียน”
  หลังจากรอยยิ้มบนใบหน้าหลิงหูเหรินเจวี๋ยสงบลง มันก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากไม่จำเป็นเจ้าอย่าใช้มรรคากระบี่ของเจ้าจะดีกว่า…เพราะมันอาจทำให้ผู้อื่นบังเกิดความอิจฉาริษยา จนอาจจะฆ่าเจ้าทิ้งตั้งแต่ในเปล”
  “เพราะทั่วทั้งเขตคฤหาสน์ตงหลิง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครเข้าใจจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก…อย่างดี ก็มีแค่คนที่เข้าใจเมล็ดพันธุ์ของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกเท่านั้น”
  “แน่นอนว่าอาจมีบางคนที่เข้าใจมันแต่ปกปิดเอาไว้จนข้าไม่รู้…แต่ก็ต้องมีน้อยจนนับนิ้วได้แน่”
  ฟังจากคำพูดของหลิงหูเหรินเจี๋ย เห็นได้ชัดว่ามันคิดปกป้องต้วนหลิงเทียน
  พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เขาก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขาก็รู้ว่าไพ่ตายที่ร้ายกาจอย่างมรรคากระบี่มิติไม่อาจเปิดเผยได้โดยง่าย หาไม่แล้วในนิกายหมอกเร้นลับเขาคงไม่เลือกสำแดงออกมาแค่พื้นฐานแต่แรก
  กระนั้นการที่หลิงหูเหรินเจวี๋ยกล่าวเตือนออกมาแบบนี้ ก็ทำให้เขาแปลกใจอยู่บ้าง เพราะเห็นชัดว่าคิดปกป้องเขา
  ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเริ่มประทับใจอีกฝ่ายมากขึ้น
  “ต้วนหลิงเทียน”
  จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงหูเหรินเจี๋ยเริ่มคลี่กางออกมาอีกครั้ง เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางกระตือรือร้นว่า “เจ้าคิดกลับไปนิกายหมอกเร้นลับเมื่อใดก็อย่าลืมบอกข้าเล่า…ข้าจะได้ให้ผู้เฒ่าทั้ง 2 ของตระกูลหลิงหูติดตามเจ้าไปนิกายหมอกเร้นลับด้วย”
  “ด้วยมีทั้งคู่ไปกับเจ้า ต่อให้อาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ของนิกายหมอกเร้นลับคิดลงมือกับเจ้า พวกมันก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าได้”
  ประโยคท้ายขณะกล่าว ใบหน้าหลิงหูเหรินเจี๋ยยังฉายความมั่นใจถึงขีดสุด
  2 ผู้เฒ่า!
  ที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวถึงนั้น ก็คือผู้อาวุโสสูงสุด 2 ใน 3 คนของตระกูลหลิงหู และเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิงหู
  และอาวุโสสูงสุด 2 คนที่ว่า ก็เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน! คนหนึ่งเรียกว่าหลิงหูเหิง อีกคนเรียกว่าหลิงหูฮวน หากไม่สังเกตให้ดี คงยากจะแยกความต่างของทั้งคู่ได้
  และพลังฝีมือของทั้งคู่ ไม่ว่าใคร ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า 1 ใน 4 อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับเลย
  อย่างไรก็ตาม หากทั้งคู่รวมพลังกัน ต่อให้อาวุโสสูงสุด 3 คนของนิกายหมอกเร้นลับร่วมมือต้านทาน ก็ไม่อาจสู้ได้ไหว
  และเมื่อทั้งคู่รวมพลังกัน หากว่าคิดหนีล่ะก็…ต่อให้เป็นอาวุโสสูงสุดทั้ง 4 ของนิกายหมอกเร้นลับ ก็ไม่มีปัญญาหยุดยั้งได้
  ในขณะที่หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าวจบคำ เสียงผ่านพลังของหลิงหูอวิ๋นก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน ทำให้เขารู้จักอาวุโสสูงสุดคู่แฝดของตระกูลหลิงหู
  “เช่นนั้นต้องขอขอบคุณผู้นำหลิงหูล่วงหน้าแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนป้องมือพลางโค้งเบาๆเป็นการขอบคุณหลิงหูเหรินเจี๋ยอย่างมากมารยาท ก่อนจะกล่าวาออกเสียงขรึมว่า “หากนิกายหมอกเร้นลับ ไม่อาจมอบความเป็นธรรมให้ข้า เช่นนั้นข้าจะกลับมายังตระกูลหลิงหูพร้อมผู้อาวุโสทั้ง 2”
  “ถึงตอนนั้นหากตระกูลหลิงหูยังต้องการข้า เช่นนั้นข้าต้วนหลิงเทียนก็จะขอเข้าร่วมกับตระกูลหลิงหู”
  ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดีแก่ใจว่าที่ตระกูลหลิงหูให้ค่าเขา ก็เพราะเห็นแก่ศักยภาพของเขา
  หลิงหูเหรินเจี๋ยเองก็รู้ดีว่าตระกูลหลิงหูไม่พอรองรับเขา
  อย่างไรก็ตาม หากตระกูลหลิงหูส่งเขาไปยังนิกายมังกรสวรรค์ และเข้าร่วมฝ่ายของตระกูลหลิงหูในนิกายมังกรสวรรค์ เช่นนั้นต้องส่งผลกระทบต่อตระกูลหลิงหูไม่น้อย
  ในฐานะผู้นำตระกูลหลิงหู หลิงหูเหรินเจี๋ยย่อมเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ระยะยาว
  “ด้วยคำพูดนี้ของเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดรังแกเจ้าได้แน่”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยหัวเราะ
  “นายน้อย 4 ไม่ทราบตอนนี้มีข่าวจากอาวุโสซวนแล้วหรือไม่?”
  ทันใดนั้น คล้ายต้วนหลิงเทียนนึกอะไรได้ออก ก็เลยหันไปถามหลิงหูอวิ๋น
  “หืม?”
  และคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ก็กระตุ้นความอยากรู้ของหลิงหูเหรินเจี๋ยกับหลิงหูจวินขึ้นมาเป็นธรรมดา ทั้งคู่จึงหันไปมองหลิงหูอวิ๋นด้วยความสงสัย
  อยู่ๆต้วนหลิงเทียนถามมาแบบนี้ หลิงหูอวิ๋นก็อึ้งไปก่อน ค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆว่า “ต้วนหลิงเทียน ตอนเจ้าประมือกับพี่สาม ข้าก็ได้รับข้อความจากท่านปู่ซวนแล้ว”
  ถึงแม้จะอยู่ในโลกใบเล็กภายในกายของผู้อื่น แต่ขอเพียงเจ้าของไม่ได้ปิดโลกใบเล็ก การติดต่อสื่อสารก็ยังทำได้อยู่
  เว้นเสียแต่โลกใบเล็กภายในกายจะกลายเป็นระนาบอิสระเหมือนผู้แข็งแกร่งที่สุด จนมีสภาพดั่งระนาบเทพ
  ถึงตอนนั้นการสื่อสารก็คงทำไม่ได้ จะติดต่อเข้าไปหรือติดต่อออกมาก็ทำไม่ได้
  “เช่นนั้นไปกันเลยหรือไม่?”
  พอได้ยินคำพูดของหลิงหูอวิ๋น สองตาต้วนหลิงเทียนก็เป็นประกายขึ้นมา ยังแลดูรีบร้อนไม่น้อย
  “เอ่อ…ข้าเกรงว่า เจ้าไม่ต้องไปแล้วล่ะ”
  หลิงหูอวิ๋นได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม ก่อนจะบอกว่า “ข่าวที่ท่านปู่ซวนส่งมา เป็นข่าวร้าย…”
  “หืม?”
  ต้วนหลิงเทียนตกใจ
  “เมื่อครู่ท่านปู่ซวนส่งข้อความมาบอกข้าว่าพบอาวุโสชิงเจ๋อแล้วจริง ขณะเดียวกันก็ได้รู้จากอาวุโสชิงเจ๋อด้วย ว่าท่านน้าของข้าได้กลับมาพาเปี่ยวเม่ยชูยินออกไปข้างนอกแล้ว”
  “ข้าก็ได้ลองส่งข้อความไปหาท่านน้าดูแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับมา…ไม่แน่ตอนนี้ท่านน้าอาจไม่อยู่ในดินแดนดาราพิศวงก็เป็นได้ ส่วนเปี่ยวเม่ยชูยิน ข้าไม่มีลูกแก้ววิญญาณของนาง”
  หลิงหูอวิ๋นกล่าว
  หลังได้ยินบทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลิงหูอวิ๋น หลิงหูเหรินเจี๋ยกับหลิงหูจวินก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแปลกๆทันที
  จังหวะนี้พวกมันยังอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ว่าที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะเข้าร่วมตระกูลหลิงหู ใช่เกี่ยวข้องอะไรกับหลานสาวหรือเปี่ยวเม่ยของพวกมันหรือไม่?
  เพราะพวกมันเองก็เคยได้ยินข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนโดดมาขวางรถสัตว์อสูรที่เมืองจวินหลิงมาก่อน ตอนนั้นยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับเสน่ห์ของหลิงหูชูยินอยู่บ้าง…
  แม้แต่ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์หลักขอบเขตเทพในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ ยังหลงเสน่ห์นาง…
  “ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้ข้าแนะนำให้เจ้าตัดใจเสียเถอะ…”
  หลิงหูจวินกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ท่านน้าเคยประกาศเอาไว้ลั่นบ้าน ว่าจะไม่ยอมให้เปี่ยวเม่ยชูยินแต่งกับผู้ใดเด็ดขาด…กระทั่งใครจะมาขอให้บิดาข้าเป็นพ่อสื่อก็ยังไม่สำเร็จ และเรื่องนี้อาวุโสในตระกูลก็จนปัญญา เพราะท่านน้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว”
  “ใช่”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้าพลางกล่าว “ต้วนหลิงเทียนตระกูลหลิงหูรังมีสาวงามมากมายเหมือนหมู่เมฆ แม้จะสู้หานสาวคนนี้ของข้าไม่ได้ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก”
  “ข้าลองถามตัวเองดู ก็บอกได้ทันทีว่าลูกสาวคนที่ 7 ของข้าเองก็งดงามไม่ได้น้อยไปกว่าหลานสาวคนนี้ของข้าเลย…หากเจ้าสนใจ ข้าจักหมั้นหมายนางให้เจ้า”
  “แต่เป็นธรรมดาว่า พวกเจ้าต้องลองทำความรู้จักกันก่อน”
  พอหลิงหูเหรินเจี๋ยมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาก็ไม่เหมือนกับกำลังมองอัจฉริยะอีกต่อไป แต่ราวกับกำลังมองลูกเขยตระกูลหลิงหูของมันอย่างไรอย่างนั้น
  ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะกลับมารู้สึกตัว ก็เป็นหลิงหูอวิ๋นที่เริ่มอธิบายเรื่องราวแทนต้วนหลิงเทียน “ท่านพ่อ พี่สาม เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด…”
  จากนั้นมันก็เล่าเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนบอกมันออกไป
  พอทั้งคู่ได้ยิน ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเข้าใจผิด
  “ผู้นำหลิงหู ไม่ทราบท่านพอจะติดต่อน้องสาวของท่านได้หรือไม่?”
  ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามหลิงหูเหรินเจี๋ยด้วยสายตาคาดหวังจับใจ ด้วยคิดว่าถ้าหลิงหูเหรินเจี๋ยติดต่อน้องสาวได้ ไม่แน่นางอาจจะพาหลิงหูชูยินกลับมา
  “ให้ข้าลองดูก่อน”
  หลังหลิงหูเหรินเจี๋ยได้ยินคำขอ มันก็รีบติดต่อไปหาน้องสาวคนรองผ่านลูกแก้ววิญญาณทันที
  อนิจจาข้อความที่ส่งไปคล้ายถมลงทะเล จมหายไปอย่างเงียบงันไม่มีการตอบกลับใดๆ
  “สมควรเป็นอย่างที่อวิ๋นเอ้อคาดเดา…น้องสาวคนรองของข้าสมควรออกจากดินแดนดาราพิศวงไปแล้ว”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยส่ายหัวไปมาพลางกล่าว
  ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉุกคิดอะไรได้ออก เลยหันไปถามหลิงหูเหรินเจี๋ยว่า “ผู้นำหลิงหู ท่านยืนยันได้หรือไม่ว่าหลิงหูชูยยินใช้ลูกสาวแท้ๆของน้องสาวคนรองท่านหรือเปล่า?”
  ในความเห็นต้วนหลิงเทียน แม้หลิงหูอวิ๋นอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ไม่แน่ว่าหลิงหูเหรินเจี๋ยอาจจะรู้ก็เป็นได้
  สุดท้ายแล้วหลิงหูชูยินก็เป็นน้องสาวแท้ๆของอีกฝ่ายพากลับมา
  แต่ด้านหลิงหูเหรินเจี๋ยพอได้ยินคำถามดังกล่าว มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง “เอ่อ…ข้าขอบอกเจ้าตามตรง เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่”
  “น้องสาวคนรองของข้านางดุร้ายทั้งห้าวหาญมาตั้งแต่ยังเด็ก แถมไม่ค่อยจะอยู่บ้านสักเท่าไหร่…ต่อมานางก็ได้ออกจากดินแดนดาราพิศวงไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพหลายพันปี นางไม่ได้กลับมาเลยจกระทั่งไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านนี่เอง”
  “และพอนางกลับมา นางก็พาหลานสาวของข้ากลับมาแล้ว”
  “พอข้าถามว่าใช่ลูกสาวแท้ๆของนางหรือไม่ นางก็ไม่เคยตอบข้าตรงๆ และทุกครั้งที่ถามนางก็แลดูฟุ้งซ่านเหม่อลอย…”
  “ข้าเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจว่านางไม่สะดวกจะพูด หลังจากลองถามไป 2-3 ครั้ง ข้าก็ไม่อยากเซ้าซี้นางแล้ว”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยตอบ
  “แล้วท่านเคยพูดคุยกับหลิงหูชูยินบ้างหรือไม่? นางใช่มีอาการเหมือนคนสูญเสียความทรงจำอะไรทำนองนั้นรึเปล่า?”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามหลิงหูเหรินเจี๋ยอีกรอบ และเป็นคำถามเดียวกันกับบที่เคยถามหลิงหูอวิ๋น เพราะคิดจะยืนยันจากหลิงหูเหรินเจี๋ยอีกทาง
  “เรื่องนี้ จะว่าไปเดิมทีข้าก็ไม่เคยนึกถึงมาก่อน…แต่พออวิ๋นเอ้อบอกว่าหลานสาวของข้าอาจเป็นภรราที่พลัดพรากจากกันของเจ้า เขาก็ลองนึกถึงตอนที่ข้าพบเจอหลานคนนี้อย่างละเอียด”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยตอบ “เดิมทีข้าก็รู้สึกแปลกๆ เพราะหลานสาวข้าหน้าตาไม่ค่อยเหมือนมารดานางเท่าไหร่…แถมยังแลดูซึมเซาไม่ค่อยร่าเริง ผิดกับมารดานางตอนยังเด็กที่ซนกว่าใครเขา”
  “อีกทั้งบางทีข้ารู้สึกว่านางเสมือนจะช้าไปครึ่งจังหวะ…ข้าเคยนึกว่านางกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้พอลองนึกย้อนดู ไม่แน่ศีรษะนางอาจเคยได้รับการกระทบกระเทือนจนสูญเสียความทรงจำ หรือทำให้นางมีปัญหาอะไรบางอย่าง”
  “และปกติแล้วคนที่มีอาการความจำเสื่อม ก็มักเป็นเช่นนั้น”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยกล่าว
  พอได้ยินเช่นนี้ ลมหายใจต้วนหลิงเทียนก็เริ่มถี่รัวขึ้นมา กล่าวกับหลิงหูเหรินเจี๋ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ท่านผู้นำหลิงหูพอได้ยินท่านพูดมาแบบนี้ ข้าเริ่มรู้สึกว่าหลิงหูชูยินหลานท่าน อาจเป็นภรรยาที่พลัดพรากจากข้าไปหลายปี!’
  “ข้าอยากขอให้ท่านพยายามติดต่อน้องสาวท่านยามว่าง และหากเป็นไปได้ข้าอยากขอพบหลิงหูชูยินสักครั้ง”
  “หากนางเป็นภรรยาของข้าจริงๆ ข้าต้วนหลิงเทียนจะตอบแทนท่านอย่างสุดกำลัง”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำด้วยสีหน้าจริงจัง ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ไม่ว่าใครก็บอกได้ทันทีว่าเรื่องนี้สำคัญกับเขามาก
  “ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่”
  หลิงหูเหรินเจี๋ยพยักหน้า
  และในขณะนั้นเอง หลิงหูอวิ๋นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนตาละห้อย กล่าวคำด้วยน้ำเสียงโอดครวญ “ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนข้าจะไม่มีโอกาสได้รับการตอบแทนจากเจ้าแล้ว”
  “อย่างไรก็ตาม ไม่มีความชอบย่อมไม่กล้ารับบำเหน็จ…เพียงแต่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายังสะดวกบันทึกเรื่องมหาจักรพรรดิตงหวงลงป้ายหยกบันทึกความทรงจำให้ข้าอยู่หรือไม่…”
  หลังกล่าวถามจบ หลิงหูอวิ๋นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาวาดหวัง
  “ไม่มีปัญหา”
  ต้วนหลิงเทียนก็ตอบรับโดยไม่เสียเวลาคิด เพราะนี่เป็นเรื่องลำบากเพียงยกมือเท่านั้น ด้วยความเร็วของสำนึกคิดเขาในปัจจุบัน ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบันทึกเรื่อง มหาจักรพรรดิตงหวง ลงป้ายหยกเก็บความทรงจำให้หลิงหูอวิ๋นได้แล้ว
  “ขอบคุณเจ้ามาก”
  หลิงหูอวิ๋นเร่งกล่าวขอบคุณออกมาซ้ำๆ
  “เอาล่ะ อีก 2 วันข้าจะให้ป้ายหยกเก็บความทรงจำกับเจ้า”
  หลังนัดแนะกับหลิงหูอวิ๋นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับหลิงหูเหรินเจี๋ยอีกครั้ง “ผู้นำหลิงหู ข้าคิดจะออกเดินทางไปยังนิกายหมอกเร้นลับหลังจากนี้ 3 วัน…”
  “ข้าหวังว่าท่านจะให้ผู้อาวุโสเหิงฮวนทั้งสอง เตรียมตัวให้พร้อม”
  ต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากกลับไปนิกายหมอกเร้นลับครั้งนี้ หากนิกายหมอกเร้นลับไม่อาจปฏิบัติกับเขาอย่างเป็นธรรม เช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนมาอยู่ตระกูลหลิงหู
  เพราะตระกูลหลิงหูให้เกียรติและเอาใจใส่เขามากกว่า
  ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องยืนยันให้ได้
  หากเขาอยู่ในตระกูลหลิงหู พอหลิงหูชูยินกลับมา เขาย่อมมีโอกาสได้พบเจอนางได้เร็วที่สุด จากนั้นก็จะได้ยืนยันว่านางใช่ เค่อเอ๋อ ภรรยาเขาหรือไม่
  และตอนนี้จากเบาะแสทั้งหมด มันบ่งชี้ว่า…
  มีความเป็นไปได้สูงที่หลิงหูชูยินจะเป็นเค่อเอ๋อภรรยาเขา
  อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ยืนยันให้แน่ชัดวันนึง เขาก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่านางคือเค่อเอ๋อเพิ่มอีกวัน…