ตอนที่ 3858 ออกจากนิกายมังกรสวรรค์

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ห้องลับแห่งกฏของนิกายมังกรสวรรค์นั้น นับว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าห้องลับแห่งกฏของตระกูลหลิงหูมาก
แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา สุดท้ายแล้วนิกายมังกรสวรรค์ก็เป็นถึงขุมกาลังระดับจักรพรรดิเทพที่มีมรดกสืบทอดกันมายาวนาน แต่ตระกูลหลิงหูเป็นแค่ตระกูลระดับจอมราชันเทพเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนนึกว่าหากมีคะแนนอุทิศมากขนาดนี้ อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะใช้ห้องลับแห่งกฏของนิกายมังกรสวรรค์เพื่อทาความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 3 ประการของกฏแห่งไฟ กฏชีวิตได้สาเร็จ
แต่ไม่นาน เขาก็รู้ว่าเขาคิดมากเกินไป
เขาพึ่งจะทาความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการแล้วเสร็จ ไม่ทันได้ทาความเข้าใจการผสานรวมความ

ลึกซึ้ง 3 ประการของกฏแห่งชีวิตอะไร เขาก็ถูกอาคมส่งตัวออกมาจากห้องลับแห่งกฏชีวิตเสียก่อน
‘อ่าว คะแนนอุทิศข้าหมดแล้วเหรอ’
ในขณะที่ถูกอาคมส่งตัวออกจากห้องลับแห่งกฏชีวิต สิ่งแรกที่ต้วนหลิงเทียนคิดก็คือ หรือคะแนนอุทิศเขาจะหมดแล้ว?
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “คะแนนอุทิศของเจ้าหมดลงแล้ว”
ผู้ที่กล่าวคาก็เป็นชายชราที่เดินตรวจตราด้านนอกห้องลับแห่งกฏต่างๆ ชายชรามาในชุดคลุมสีขาวสะอาด ใบหน้าเหี่ยวย่น และในปัจจุบันมันก็กาลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ศิษย์ฝ่ายในมีคะแนนอุทิศมากมายถึงขั้นเอามาถลุงกับห้องลับแห่งกฏเช่นนี้ได้?

แม้แต่ญาติพี่น้องของประมุขนิกาย ไม่เว้นลูกหลานเหล่าศิษย์ของชนชั้นอาวุโสมังกรทอง ก็ไม่มีใครล่าซาถึงเพียงนี้กระมัง?
อย่างไรก็ตามพอนึกถึงที่มาคะแนนอุทิศของอีกฝ่าย มันก็เข้าใจได้ไม่ยาก
คะแนนอุทิศของผู้อื่นได้มาจากความสามารถทั้งนั้น จะใช้อย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของอีกฝ่าย คนนอกไม่อาจยุ่งเกี่ยว
“อาวุโสหมิง ในเมื่อคะแนนอุทิศของข้าหมดแล้ว เช่นนั้นข้าก็ควรออกไปเสียที”
ต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัว ก็กล่าวคาลาชายชราก่อนจะเดินจากไป
ชายชราคนนี้ที่เอวก็ห้อยแขวนป้ายประจาตัวอาวุโสมังกรดาแห่งนิกายมังกรสวรรค์เอาไว้ มันพยักหน้ารับคาลาของต้วนหลิงเทียน ก่อนจะมองส่งแผ่นหลังต้วนหลิงเทียน

และเมื่อแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนกาลังจะหายลับตา มันก็อดกล่าวเตือนออกมาไม่ได้ “ต้วนหลิงเทียน วันหน้าหากเจ้าได้รับคะแนนอุทิศมามากมายเช่นนี้อีก อย่าได้ใช้มันหมดในคราวเดียว…เพราะหากเกิดมีเรื่องจาเป็นที่เจ้าต้องใช้คะแนนอุทิศขึ้นมา อารามฉุกละหุกประเดี๋ยวจะลาบากเอา”
ต้วนหลิงเทียนชะงักเท้า จากนั้นก็หันกลับมาพยักหน้ากล่าวคากับชายชราด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณผู้อาวุโสที่กล่าวเตือน”
ถึงแม้ปากเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ยึดถือเรื่องนี้เป็นจริงจังอะไร เพราะหากเขาต้องการคะแนนอุทิศจริงๆ ก็มีหลายวิธีที่เขาจะได้มันมา และอย่างน้อยๆขอเพียงคาเอ่ยวาจาสักคา ประมุขนิกายมังกรสวรรค์ก็ไม่อิดออดที่จะให้สินเชื่อแก่เขาแน่นอน
‘ตอนนี้กลับไปปิดด่านบ่มเพาะต่อดีกว่า…ส่วนกฏอื่นๆ ไว้บบ่มเพาะพลังถึงจุดอิ่มตัว ค่อยหาคะแนนอุทิศแล้วมาเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏอีกที’

หลังออกจากห้องลับแห่งกฏ ระหว่างเดินทางกลับต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดในใจ ‘อย่างไรก็ตาม…ด้วยความเข้าใจในกฏแห่งไฟของข้าตอนนี้ ร่างอวตารกฏแห่งไฟของข้าก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้ไม่น้อยเลย’
‘สุดท้ายใต้ขอบเขตจอมราชันเทพ ก็ไม่ใช่ราชาเทพขั้นสูงทุกคนที่จะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการอย่างสมบูรณ์’
(*ไม่ได้บอกไว้ว่าสมบูรณ์แบบคือกี่ชุด)
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว
กล่าวได้ว่าถึงเขาจะไม่ได้ใช้กฏมิติที่ถนัดที่สุด และใช้แค่กฏแห่งไฟ ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงรั้งอยู่ในระดับแนวหน้าของราชันเทพขั้นสูงในนิกายมังกรสวรรค์อยู่ดี
‘หืม คนกลับออกมาเยอะขนาดนี้แล้วหรือ?’

พอกลับมาถึงสถานที่พักของศิษย์ฝ่ายใน ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามีศิษย์ฝ่ายในมากกว่าตอนที่เขากลับมาวันนั้นมากมาย เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดพึ่งจะกลับออกมาพักผ่อน
“นั่น ต้วนหลิงเทียนนี่!”
ศิษย์ฝ่ายในบางคนที่สังเกตเห็นต้วนหลิงเทียน และจดจาได้ สองตาก็ลุกวาวโพล่งคาออกมาเสียงดัง ทาราวกับพบเห็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
อันที่จริง ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนนับว่าเป็นคนดังของนิกายมังกรสวรรค์ไปแล้วจริงๆ
ก่อนที่ระนาบศึกจักรพรรดิจะเปิดออก ต้วนหลิงเทียนนั้นโด่งดังเพราะความสามารถในการหลอมโอสถเทพ
อย่างไรก็ตามหลังระนาบศึกจักรพรรดิเปิดออก ต้วนหลิงเทียนที่เข้าสู่สนามรบราชาเทพและสามารถสังหารศิษย์นิกายมหาเอกะได้ถึง

100 คน เรื่องนี้ไม่เพียงทาให้นิกายมหาเอกะตกตะลึงเท่านั้น นิกายมังกรสวรรค์ก็ตกตะลึงไม่ต่าง กระทั่งขุมกาลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงยังได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
“ติงเหยียน ต้วนหลิงเทียนกลับมาแล้ว!”
ไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงสถานที่พักศิษย์ฝ่ายใน ติงเหยียนที่อยู่ในบ้านก็ได้รับข้อความ ผู้ที่ส่งมาก็ไม่ใช่ใครอื่นแค่เป็น 1 ใน 2 คนที่ชวนมันไปเทพซ่อน
‘ต้วนหลิงเทียนกลับมาแล้วหรือ?’
หลังได้รับข้อความ ติงเหยียนก็เร่งส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียนทันที “ต้วนหลิงเทียน เจ้ากลับมาแล้วรึ?”
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลับมาถึงหน้าบ้านพัก พอดีได้รับข้อความจากติงเหยียนก็ตอบกลับทันที “ข้ากลับมานานแล้ว แต่พอดีช่วงนี้ข้าไปใช้ห้องลับแห่งกฏ…ว่าแต่นี่เจ้าก็ออกมาแล้วรึ”

“ใช่”
ติงเหยียนตอบกลับ ก่อนจะพูดต่อว่า “ข้ามีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเจ้า”
“มาหาข้าที่บ้านสิ”
ไม่นานนักสหายที่ไม่ได้พบกันกว่าปีก็ได้พบกันอีกครั้ง “ติงเหยียน ภารกิจพื้นฐานของเจ้าเรียบร้อยดีแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เรียบร้อยแล้ว”
ติงเหยียนพยักหน้า กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ “หากยังไม่เสร็จข้าคงไม่ได้ออกมาหรอก”

“จริงสิต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินคนเขาพูดกัน ว่าเจ้าเข้าไปสนามรบราชาเทพครั้งนี้ เจ้าฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไป 100 คนตามที่พูดไว้จริงๆ…ทั้งๆที่ไปคนเดียวเนี่ยนะ?”
ติงเหยียนถอนหายใจ “เจ้าก็น่าจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ข้ากลัวว่าเจ้าที่ตกเป็นเป้าจะไม่ไหวเอา…มาตอนนี้พอมองย้อนกลับไป นับว่าข้าไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ”
ตอนที่มันรู้วว่าสือคงเยว่คิดจะชวนต้วนหลิงเทียนเข้ากลุ่มเพื่อเข้าไปสู้ในสนามรบราชาเทพ มันก็โล่งใจแทนต้วนหลิงเทียน
แต่พอมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะเข้าสู่สนามรบราชาเทพเพียงลาพัง มันก็อดเป็นกังวลไม่ได้
มาวันนี้ มันตระหนักได้แล้วว่าความกังวลของมันวันนั้นช่างไร้จาเป็นสิ้นดี และเป็นมันที่ประเมินต้วนหลิงเทียนต่าไป

“พอดีข้าไม่ได้เจอคนที่แข็งแกร่งที่สุดของฝั่งนั้นน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆพลางตอบ ขณะเดียวกันในใจก็นึกถึงชื่อหนึ่ง
ซีเหมินหลงเซี่ยง
เมื่อดูจากผลงานที่อีกฝ่ายทาไว้ในสนามรบราชาเทพ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเกรงว่าจะไล่ๆกับจอมราชันเทพขั้นต่าทั่วไปเลยทีเดียว
“ในนิกายมหาเอกะ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ ซีเหมินหลงเซี่ยง เพียงคนเดียวที่พอจะสู้กับเจ้าได้”
ติงเหยียนกล่าว ขณะเดียวกันในแววตาของมันก็อดฉายให้เห็นถึงความหวาดกลัวไม่ได้

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นพอนึกขึ้นได้ก็เอ่ยถามออกไป “จริงสิติงเหยียน ที่เจ้าบอกจะคุยกับข้า…ที่แท้เป็นเรื่องอะไรหรือ?”
ได้ยินคาถามดังกล่าว สีหน้าติงเหยียนก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที และหลังจากยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนเปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นดีแล้ว มันก็ค่อยๆกล่าวออกมาด้วยน้าเสียงจริงจัง “ต้วนหลิงเทียน ข้าได้เบาะแสของเทพซ่อนที่อาจเป็นตัวตนจักรพรรดิเทพเหลือทิ้งไว้…”
“ที่สาคัญ…จักรพรรดิเทพผู้นั้นอาจเป็นถึงจักรพรรดิเทพขั้นสูง”
ได้ยินคาพูดดังกล่าวของติงเหยียน ต้วนหลิงเทียนก็ตกตะลึง เทพซ่อนที่เหลือไว้ของตัวตนที่อาจจะเป็นจักรพรรดิเทพขั้นสูง?
พอเห็นสีหน้าจริงจังไม่คล้ายล้อเล่นของติงเหยียน ต้วนหลิงเทียนก็รีบถามกลับทันที “ติงเหยียน เบาะแสนี้เจ้าได้มาจากไหน แล้วมันเชื่อถือได้หรือไม่?”

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงประสบการณ์ที่เขาได้เข้าสู่เทพซ่อนของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ในกาลก่อน
นี่เขาต้วนหลิงเทียนโชคดีขนาดนี้เชียวหรือ?
ในเวลาไม่ถึง 100 ปี ไม่เพียงแต่จะได้เข้าสู่เทพซ่อนของจักรพรรดิเทพฉินหวู่ มาตอนนี้ยังได้รับเบาะแสเทพซ่อนของตัวตนที่อาจจะเป็นจักรพรรดิเทพขั้นสูง?
“สมควรเชื่อถือได้”
ติงเหยียนพยักหน้า หลังจากนั้นมันก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา รวมถึงข้อตกลงที่มันได้ทาไว้กับชายหนุ่มทั้ง 2 และสุดท้ายก็กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนว่า “ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้เจ้าอย่าได้เอาไปบอกใครเชียว…ข้ากล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจไว้แล้ว”
ปกติแล้ว ติงเหยียนสมควรบอกเรื่องนี้ หลังจากให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจว่าจะไม่นาไปบอกใครก่อน

อย่างไรก็ตาม เพราะมันเชื่อใจต้วนหลิงเทียนจึงเอ่ยบอกไปก่อน
แน่นอนว่ามันต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง
หลังต้วนหลิงเทียนได้ยินคาพูดดังกล่าวของติงเหยียน สองตาเขาก็สั่นไหวทันที ในที่สุดก็พยักหน้า “ตกลง…ว่าแต่เจ้าจะไปเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นก็ส่งข้อความมาบอกข้าได้เลย”
“ต้วนหลิงเทียน”
ติงเหยียนเอ่ยออกมาอีกครั้ง “หลังจากพวกเราไปสมทบกับคนอื่นแล้ว ก่อนจะเดินทางไปเทพซ่อนที่อาจเหลือทิ้งไว้โดยตัวตนระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงนั่น เจ้าต้องกล่าวคาสาบานต่อโลหิตมารหัวใจก่อน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

หลังจากนั้นติงเหยียนก็คุยกับต้วนหลิงเทียนต่อ ส่วนใหญ่ก็เป็นประสบการณ์ในสนามรบราชาเทพ
แน่นอนว่ามันยังถามต้วนหลิงเทียนด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามรบราชาเทพบ้าง
พอติงเหยียนทราบว่า ต้วนหลิงเทียน ถึงกับถล่มกลุ่ม 30 คนของนิกายมหาเอกะเพียงลาพัง มันก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าว่า…ซีเหมือนหลงเซี่ยงของนิกายมหาเอกะนั่น มันจะร้ายกาจสมคาร่าลือหรือไม่?”
ติงเหยียนถาม
“ข้าไม่รู้หรอก”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้านั่นมันฆ่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ไปเกือบ 100 คนในเวลาอันสั้น ทั้งในนั้นยังมีศิษย์ราชาเทพขั้นสูงมากมาย จุดนี้ก็บอกให้รู้แล้วว่าพลังฝีมือของมันไม่ใช่ชั่วจริงๆ”
“อย่างน้อยๆ อะไรที่ข้าทาได้ ก็ไม่น่าจะยากสาหรับมันเช่นกัน”
พอต้วนหลิงเทียนตอบมาแบบนี้ ติงเหยียนก็กลัวจนเหงือกาฬแตกพลั่ก “หากเป็นเช่นนั้น ที่พวกข้าไม่ได้พบมันก็นับว่าโชคดีแล้วจริงๆ”
“หาไม่แล้วเกรงว่ากลุ่มของข้าคงไม่รอด”
ติงเหยียนที่ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลังพูดกับต้วนหลิงเทียนอีกไม่กี่คา ก็ร่าลาจากไป

กระทั่งหลังกลับมาถึงที่พักแล้ว เม็ดเหงื่อยังผุดซุมออกมาทั่วร่างติงเหยียนไม่หยุด ราวกับโดดลงน้ามาอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนในลาน ก็เคาะนิ้วชี้ซายลงโต๊ะดัง ป็อกๆ มือขวายกขึ้นลูบคางพลางครุ่นคิด “เทพซ่อนที่อาจเหลือไว้โดยจักรพรรดิเทพขั้นสูงเช่นนั้นหรือ?”
“น่าสนใจดีนี่…”
หลังพึมพาอยู่ไม่กี่คา ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้น จากนั้นก็กลับไปบ่มเพาะพลังในห้อง
ไม่ได้ออกจากห้อง จนกระทั่งผ่านไป 2 เดือน
และคราวนี้ที่เขาออกจากห้อง ไม่ใช่เพราะบ่มเพาะพลังถึงจุดอิ่มตัว ทั้งหมดเป็นเพราะติงเหยียนส่งข้อความมา

เนื่องจากตกลงกับติงเหยียนไว้แล้ว เขาก็เลยไม่ได้เปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นการสื่อสาร กระทั่งไม่ได้เข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังจนลืมเลือนเวลา
ถึงแม้ผลจากการบ่มเพาะตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจะสู้การบ่มเพาะพลังจริงจังไม่ได้ แต่ก็ยังมีความคืบหน้าอยู่บ้าง และตอนนี้ก็ห่างจากขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงแค่ก้าวเดียวแล้ว
“ต้วนหลิงเทียน พวกมันกาลังรอพวกเราอยู่ด้านนอกนิกาย”
ติงเหยียนยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ยากที่จะสังเกตเห็น ว่าในแววตาของติงเหยียนมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นคึกคัก
เขาเองก็พอเข้าใจได้

สุดท้ายแล้วนี่ก็คือเทพซ่อนที่อาจเหลือทิ้งไว้โดยจักรพรรดิเทพ กระทั่งอาจเป็นถึงจักรพรรดิเทพขั้นสูง
ไม่ต้องกล่าวถึงติงเหยียนที่ยังเป็นแค่ราชาเทพขั้นกลางเลย ให้เป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพยังต้องถูกล่อลวง
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคา จากนั้นก็ยกเท้าย่าเหยียบความว่างเปล่าเบาๆ ทันใดนั้นค่ายกลที่ปิดกั้นบ้านพักของเขาก็เปิดใช้อีกครั้ง แถมยังเปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นทั้งหมดที่มีอีกด้วย
เห็นฉากดังกล่าวติงเหยียนก็อดแปลกใจไม่ได้ ด้วยไม่เข้าใจว่าทาไมต้วนหลิงเทียนถึงต้องทาแบบนี้
ในเมื่อกาลังจะไปแล้ว จะเปิดใช้ค่ายกลทาไม?

พอเห็นความประหลาดใจของติงเหยียน ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มบางๆ “เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าข้ามีศัตรูในนิกายมังกรสวรรค์ไม่น้อย ที้ข้าเปิดใช้ค่ายกลแบบนี้ ก็ทาให้ดูเหมือนว่าข้ายังอยู่ด้านใน”
“ต่อให้ข้าจะถูกพบว่าออกไปด้านนอกนิกาย แต่ขอเพียงพวกมันไม่อาจยืนยันได้ว่าตอนนี้ข้าเป็นร่างจริงหรือร่างอวตารแห่งกฏ พวกมันก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาว่าร่างจริงของข้ายังอยู่ในบ้านรึเปล่า…”