‘อย่างไรก็ตาม เส้นทางการบ่มเพาะในขอบเขตจอมราชันเทพของข้า นับว่ายังดีกว่าคนส่วนใหญ่’
โดยปกติแล้วการฝึกฝนบ่มเพาะในขอบเขตจอมราชันเทพนั้น มันยากเย็นกว่าฝึกฝนบ่มเพาะในขอบเขตราชาเทพถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในขอบเขตราชาเทพนานนัก เช่นั้นนหากสามารถใช้เวลาฝึกปรืออยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพไม่เกิน 100 ปี ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าโชคดีมากแล้ว
และที่ไฉนเขาถึงกล้าคิดว่าเขาจะอยู่ในด่านพลังนี้ไม่เกิน 100 ปี สืบเนื่องมาจากทรัพยากรบ่มเพาะที่เขาได้รับจากเทพซซ่อนของจกรพรรดิเทพฉินหวู่
ทรัพยากรส่วนใหญ่ที่เขาได้มาจากเทพซ่อนของจกรพรรดิเทพฉินหวู่นั้น กว่า 9 ส่วนล้วนมีไว้สำหรับขอบเขตจอมราชันเทพ ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจใช้พวกมันได้ แต่นี้มันมีประโยชน์แล้ว
ในบรรดาทรัพยากรเหล่านั้น ก็ไม่ขาดทรัพยากรบ่มเพาะสำหรับจอมราชันเทพ
เดิมทีต้วนหลิงเทียนจะไปพบประมุขนิกายมังกรสวรรค์ เพราะอยากขอบคุณที่อีกฝ่ายช่วยจัดการตัดรากถอนโคนกวงเทียนเจิ้งให้เขา ซึ่งเป็นการดูแลอันเหนือคาดคิด
อย่างไรก็ตาม ในเมืออีกฝ่ายไม่ได้คิดจะพบเขาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ดันทุรัง
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าหากเขายืนกรานจะเข้าพบ อีกฝ่ายก็ต้องยอมพบเขาแน่ แต่เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไร แบบนั้น
จังหวะนี้เขารู้สึกสนใจ ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ ที่ประมุขนิกายหมอกเร้นลับพูดว่าจะมอบให้เขาเป็นของขวัญ หากเขาฆ่าอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะในสนามรบจอมราชันเทพได้มากกว่า เขาเชื่อว่ามันต้องไม่ใช้ของธรรมดา ๆ แน่
‘อย่างไรก็ตาม อาศัยพลังของข้าตอนนี้ คงไม่อาจฆ่าตัวตนระดับอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะได้’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“รองจ้าวหอคุมกฏ…เช่นั้นนข้าขอตัวลา”
หลังกล่าวลารองจ้าวหอคุมกฏเบื้องหน้าแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนกออกจากหอคุมกฏ เมื่อออกมาแล้วเขาก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งประตูทางเข้าระนาบศึกจักรพรรดิทันที่
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนจากไป อาวุโสมังกรขาวทั้ง 3 ที่ควบคุมตัวเขามาที่นี่ ไม่เว้นคนอื่น ๆ ในหอคุมกฏ ก็มองจ้องแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนด้วยความยาเกรง
ลึกลงไปในสายตายังเผยความอิจฉาจับใจ
พวกมันรู้ดีว่าแต่นี้ต่อไป ในนิกายมังกรสวรรค์คงไม่มีใครถือว่าชายหนุ่มคนั้นนี้เป็นเพียงศิษย์ฝ่ายในธรรมดา ๆ ของนิกายอีก
ล้อกันเล่น หรือไร!
ศิษย์สายในทั่ว ๆ ไป สามารถทำให้หอคุมกฏของนิกายมังกรสวรรค์ดูแลดีขนาดนี้เชียวหรือ ?
‘ถึงแม้ว่าอาจจะยังฆ่าผู้อาวุโสฐพีของนิกายมหาเอกะไม่ได้…อย่างไรก็ตามสนามรบจอมราชันเทพนั่นก็ต้องเข้าไป’
‘เพราะถึงจะฆ่าอาวุโสปฐพีไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าจอมราชันเทพที่เหลือของนิกายมหาเอกะไม่ได้…สุดท้ายแล้วในสนามรบจอมราชันเทพอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะก็เป็นกำลังรบสูงสุด’
‘หวังว่าคราวนี้ข้าจะหาแต้มรบได้มากพอแลกสิ่งของที่ต้องการพวกนั้น’
‘ถ้าได้แต้มรบจนแลกพวกมันทั้งหมดได้ นั่นจะดีที่สุด’
…
ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรรดิพร้อมความคิดดังกล่าว
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ ข่าวเรื่องอาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้งลอบสังหารต้วนหลิงเทียนก็เป็นดั่งพายุที่พัดกวาดไปทั่วนิกายมังกรสวรรค์
ชั่วขณะหนึ่ง นิกายมังกรสวรรค์คล้ายถูกเขย่า
“อะไร!? อาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้งซุ่มจู่โจมหมายสังหารต้วนหลิงเทียนกลางทาง ?”
“นี่พวกมันมเรื่องอาฆาตแค้นยิ่งใหญ่อันใดกัน…อาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้งถึงขั้นแลกด้วยชีวิต ลงมือกับต้วนหลิงเทียนกลางนิกาย ?”
“เท่าที่ข้ารู้มาเหมือนการตายของ ฉู่หาน ศิษย์รักคนเก่งของอาวุโสกวงเทียนเจิ้งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน…และเรื่องนี้ข้ายังได้ยินมาจากสหายข้าที่อยู่ในนิกายหมื่นปีศาจกับหู”
…
ทุกคนพากันตกใจเมื่อรู้ว่ากวงเทียนเจิ้งถึงกับลงมือลอบฆ่าต้วนหลิงเทียนในนิกาย!
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าไม่ใช้สิ่งนี้
แต่เป็นเรื่องที่กวงเทียนเจิ้งซุ่มโจมตีต้วนหลิงเทียนแท้ ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถูกฆ่าตาย!
“อาวุโสกวงเทียนเจิ้งจะอย่างไรก็เป็นอาวุโสฝ่ายในไม่ใช้หรือแถมีพลังฝีมือยังอยู่ในระดับต้น ๆ ของเหล่าอาวุโสฝ่ายในอีก…ตัวตนเช่นนี้กลับไม่อาจฆ่าราชาเทพได้ ?”
“ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะกล่าวได้ว่าไร้เทียมทานใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์เรา แต่อย่างน้อย ๆ จอมราชันเทพขั้นกลางอย่างอาวุโสกวงเทียนเจิ้งก็สมควรฆ่าได้ในกระบวนท่าเดียวไม่ใช้หรือยิ่งเป็นการลอบจู่โจมโดยไม่ทันให้ต้วนหลิงเทียนได้ตั้งตัวอีก…”
“อาวุโสกวงเทียนเจิ้งประมาทหรือไม่ ?”
…
ในขณะที่หลาย ๆ คนกำลังสงสัยเรื่องนี้ ข่าวอันน่าแปลกใจหนึ่งแพร่มาถึงหูพวกมันอย่างประจวบเหมาะ
“ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำแล้ว!?”
“กระทั่งการลงมือครั้งสุดท้าย อาวุโสกวงเทียนเจิ้งที่เปิดใช้พลังสายเลือดต้องห้าม จนมีพลังเข่นฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำส่วนใหญ่ได้ง่ายดาย แต่ยังไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ ?”
หลังจากข่าวัดงกล่าวแพร่กระจายออกมา นิกายมังกรสวรรค์ก็เดือดอีกครั้ง
และในขณะที่ทุกคนรู้สึกว่าข่าวนี้ก็น่าตกใจมากพอแล้ว
ทว่า อีกข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจยิ่งกว่ากลับมาถึง “เรื่องที่กวงเทียนเจิ้งลอบสังหารต้วนหลิงเทียนในนิกาย…หาคุมกฏได้ตัดสินประหารชีวิตมันทันที่…”
“อย่างไรก็ตาม หอคุมกฏยังเอาผิดครอบครัวเหล่าศิษย์ ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของกวงเทียนเจิ้ง จนไม่มีใครสามารถรดพ้นความตายไปได้ เว้นก็แต่จงซ่านคนเดียว!”
“พริ้งนี้หอคุมกฏจะทำการประหารครอบครัวเหล่าศิษย์ ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของกวงเทียนเจิ้งที่ถูกจับ!”
เรียกว่าทันทีที่ข่าวเรื่องนี้แพร่ออกมา นิกายมังกรสวรรค์ก็เดือดพล่านทันที่
การลอบฆ่าต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ของกวงเทียนเจิ้ง แม้แต่เหล่าศิษย์และครอบครัวก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ?
“หากศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง จ้งซ่าน ผู้นั้นไม่ใช้ลูกเขยของร้องประมุขเซวีย…คราวนี้เกรงว่ามั่นคงไม่อาจรอดพ้นความตายกระมัง ?”
“สวรรค์ ! คราวันนี้บว่าหอคุมกฏคิดจะฆ่าล้างโคตรกวงเทียนเจิ้งจริง ๆ!”
“หอคุมกฏไม่ควรตัดสินอย่างวู่วาม…บาง ๆ ทีครอบครัวเหล่าศิษย์ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของกวงเทียนเจิ้ง อาจมีส่วนร่วมในการวางแผนฆ่าต้วนหลิงเทียนจริง ๆ”
…
ด้วยอำนาจของหอคุมกฏ คนส่วนใหญ่ในนิกายมังกรสวรรค์ ก็รู้สึกว่าข้อเท็จจริงสมควรเป็นดั่งที่หอคุมกฏว่า หาไม่แล้วพวกมันก็จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าไฉนหอคุมกฏถึงทำอะไร แบบนี้เพื่อศิษย์ฝ่ายในคนเดียว
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนวงในที่รู้จริงแล้ว พวกมันรู้ดีว่าหอคุมกฏได้ช่วยตัดรากถอนโคนให้ต้วนหลิงเทียน!
และการที่หอคุมกฏจะทำอะไรรึุนแรงแบบนี้ได้ ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเบื้องหลังหากไม่ใช้อาวุโสมังกรทอง ก็ต้องเป็นประมุขสั่งการลงมาด้วยตัวเอง!
ไม่ว่าใครจะออกคำสั่ง แต่คนของกวงเทียนเจิ้งก็ถึงวาระแล้ว!
…
ถิ่นที่อยู่ นิกายมังกรสวรรค์
ที่ไหนสักแห่งในหุบเขาอัน เงียบสงบ
ตุบ!
เสียงกระแทกหนักหนึ่งดังขึ้น เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ด้านข้างชาหนุ่มีท่คุกเข่า ปรากฏร่างอ้อนแอ้นอรชรนางหนึ่ง กำลังมองไปยังชายวัยกลางคนเบื้องหน้าด้วยสายตาวิงวอนกล่าวร้องขอเสียงอ่อนว่า “ท่านพ่อ…ท่านช่วยชีวิตศิษย์พี่ของพี่ซ่าน หรือครอบครัวของอาจารย์พี่ซ่านมิได้เลย หรือ…”
ชายหนุ่มที่กำลังคุกเข่าอยู่นั้น ไม่ใช้ใครที่ไหนี้เป็นจงซ่าน ศิษย์คนรองของกวงเทียนเจิ้ง
ส่วนสตรีร่างอ้อนแอ้นอรชรนางนี้ ก็คือภรรยาของจงซ่าน ลูกสาวคนเดียวของ เซวียหมิงจื่อรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์
ส่วนตัวตนของชายวัยกลางคน ก็ไม่ใช้ใครอื่นนอกจากเซวียหมิงจื่อ
ตึก…ตึก…..ตึก!
…
เซวียหมิงจื่อที่นั่งอยู่บนโต๊ะหินีออน บัดนี้ใบหน้าอันเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของมันเผยให้เห็นความอับจนหนทาง นิ้วที่เคาะโต๊ะไม่หยุดปานครุ่นคิดอะไรบางอย่างค่อย ๆ เคาะจังหวะช้าลงเรื่อย ๆ
สุดท้ายมันก็ไม่เคาะอีกต่อไป
ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียบก็ได้ครอบงาหุบเขาแห่งนี้
“ก่อนที่อาจารย์ของเจ้าจะลงมือข้าได้รับปากอาจารย์เจ้าไว้แล้วว่าจะช่วยครอบครัวรวมถึงเหล่าศิษย์ของมัน”
เซวียหมิงจื่อมองจงซ่านที่คุกเข่าเบื้องหน้า พลางกล่าวเสียงหนัก
ในขณะที่สองตาจงซ่านกำลังลุกวาวไปด้วยความดีใจ เซวียหมิงจื่อก็กล่าวต่อว่า “เพียงแต่ยามนี้…ข้าจนปัญญาจะช่วยได้จริง ๆ”
สีหน้าจงซ่านเปลื่ยนไปทันที่
สตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จงซ่านก็ย่นคิ้ว
ด้านเซวียหมิงจื่อก็ยังคงมองกล่าวกับจงซ่านสืบต่อ “ไม่ใช้ว่าข้าไม่อยากช่วยแต่ข้ามิอาจช่วย…ข้าได้สอบถามคนในหอคุมกฏไปแล้ว จึงรู้ว่าผู้ที่สั่งประหารครอบครัวเหล่าศิษย์ ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของอาจารย์เจ้า สมควรเป็นท่านประมุข!”
“ตอนนี้เจ้าเองก็คงรับทราบถึงความไร้อำนาจของข้าดีแล้วกระมัง…”
พอเซวียหมิงจื่อกล่าวเรื่องนี้ออกมา สีหน้าของลูกสาวมันก็เปลื่ยนไปเป็นเหลือเชื่อทันที่
ด้านจงซ่านใบหนามินก็ชะงักค้าง สองตาฉายแววเหลือเชื่อ “เป็นคำสั่งตรงจากท่านประมุขหรือ ? เรื่องนี้…ได้อย่างไรกัน ?”
“เดิมที่ข้าเองก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้”
เซวียหมิงจื่อส่ายหัวไปมา “แต่หลังจากข้าไปสืบดูจึงรู้ว่ามันเป็นเช่นั้นนจริง ๆ”
“บางทีอาจเป็นเพราะพรสวรรค์กับความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนั้นนมีค่าในสายตาประมุขมาก…หรือไม่แน่ก็เป็นเพราะความสามารถในการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียน ที่ท่านประมุขให้คุณค่า”
“จะอย่างไรก็ตาม สำหรับประมุขแล้ว อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เก่งกาจจนหาตัวจับยากเช่นนี้ ไม่ว่าวันหน้าจะอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์หรือไม่ แต่เป็นการดีที่จะผูกไมตรีไว้ก่อน เรื่องนี้สำหรับนิกายแล้วมีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย”
“ที่ข้าพูดมา เจ้าเข้าใจกระมัง ?”
เอ่ยจบคา เซวียหมิงจื่อก็มองจงซ่านด้วยสายตาลึกซึ้ง
และพอถามจบคา เซวียหมิงจื่อก็ไม่รอให้จงซ่านตอบ กล่าวเสริมว่า “หากไม่ใช้เพราะเจ้า จงซ่าน เป็นลูกเขยข้า เซวียหมิงจื่อคนนี้ล่ะก็ เจ้าคงตายไปแล้ว”
“ข้าเข้าใจดี ท่านพ่อตา”
หลังได้ยินคำพูดของเซวียหมิงจื่อจงซ่าน ก็เงียบไปครูหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าพลางลุกขึ้นยืน สองตายังเริ่มฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันเย็นชา “ท่านพ่อตา แล้วมิทราบท่านมีแผนจักทาเช่นไรต่อไปหรือ ?”
จงซ่านรู้ดีแก่ใจ…ว่าพ่อตาของมันหาใช้ตะเกียงประหยัดน้ำมีนไม่!
เรื่องนี้ไม่มีทางเลิกราแน่นอน
เว้นเสียแต่จะบรรลุข้อตกลงกับต้วนหลิงเทียน!
แต่เท่าที่มันรู้มา ตอนนี้ไม่เหลือช่องว่างให้ปรองดองกับต้วนหลิงเทียนสืบไป จะอย่างไรก็ต้องฆ่ากันตายให้ตายไปข้าง!
“ท่านพ่อเรื่องนี้ท่านไม่อาจปล่อยไปง่าย ๆ”
ขณะเดียวกัน สตรีร่างบางข้างกายจงซ่านก็กล่าวออกมาว่า “สำหรับพี่ซ่านเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับฆ่าบิดาเอาชีวิตพี่น้อง…ท่านต้องช่วยล้างแค้นให้พี่ซ่านนะ!”
เซวียหมิงจื่อหันไปมองสตรีร่างบางด้วยสายตาอ่อนโยน พลางถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน “หลังจากนี้ พวกเจ้าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวอีกเลย”
สิ้นคำกล่าวของเซวียหมิงจื่อสตรีร่างบางก็แลดูไม่ย่นย่อม ทว่าเซวียหมิงเลือกจะหันไปมองจงซ่านแล้วกล่าวว่า “แต่ข้าเริ่มหาทางไปแล้ว”
“แต่พวกเจ้าคงไม่อาจช่วยอะไรได้ เช่นั้นนข้าจะไม่บอกรายละเอียด”
“กลับไปรอฟังข่าวจากข้าเถอะ”
“บางที่หลังพวกเจ้าออกจากการกักตัวฝึกฝนครั้งหน้า อาจได้ยินข่าวการตายของต้วนหลิงเทียนก็เป็นได้”
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของเซวียหมิงจื่อสองตาจงซ่านกับภรรยาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที่
“ขอบคุณท่านพ่อตาขอรับ!”
จงซ่านเร่งคุกเข่าประสานมือคานับขอบคุณทันที่
สตรีข้าง ๆ ก็มองเซวียหมิงจื่อด้วยรอยยิ้มงดงามปานบุปผาเบ่งบาน “ท่านพ่อดีที่สุด!”
“เอาล่ะ ๆ พวกเจ้าไปได้แล้ว”
เซวียหมิงจื่อโบกมือส่งแขกเบา ๆ
ด้านจงซ่านที่ได้ยินคำต่อบที่ต้องการแล้ว ก็ไม่คิดรั้งอยู่รบกวนพ่อตาสืบไป มันจับมือภรรยาก่อนจะพากันเหินร่างออกจากสถานที่พกับ่มเพาะของพ่อตาอย่างเซวียหมิงจื่อทันที