ตอนที่ 9-2 ศิษย์อาจารย์ (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 9 ศิษย์อาจารย์ (2)

แน่นอนว่าหลี่ฮ่าวดูคร่าวๆ แค่ครั้งเดียว จากนั้นเขาก็พบว่าทั้งเงาโลหิตและคนที่อยู่เบื้องหลังคงจะให้ความสำคัญกับของชิ้นนี้มากเพราะห้องครัวมีร่องรอยถูกรื้อค้นด้วย ถึงขนาดที่ว่ากระทั่งขี้เถ้าใต้เตาไฟก็ยังโดนกวาดออก

ขี้เถ้าที่นอนนิ่งบนเตาไฟอยู่หลายปีไม่ควรมีสภาพเฉกเช่นตอนนี้ มันอาจจะโดนรื้อมาก่อน

‘ฝ่ายตรงข้ามเองก็กำลังหาของสิ่งนี้อยู่จริงๆ ด้วย กระทั่งเตาไฟยังไม่เว้น ทุ่มเทใช้ได้เลย!’

มรดกล้ำค่าที่สืบทอดกันมาของตระกูลจางจะซ่อนอยู่ในกองขี้เถ้าไหมนะ?

ถ้าเป็นหลี่ฮ่าวเกรงว่าเขาคงไม่ทำเช่นนั้น แต่ฝ่ายตรงข้ามยังเลือกที่จะค้นที่นี่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากทีเดียว

ผ่านไปได้ครู่ใหญ่แล้วแต่เจ้าเสือดำก็ยังไม่ได้กลิ่นอะไร

หลี่ฮ่าวผิดหวังเล็กน้อย หรือว่าจะอยู่ในส้วมหลุมนั้นจริงๆ นะ?

น่าขยะแขยงชะมัด!

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นดวงตาหลี่ฮ่าวก็วูบไหว ทันใดนั้นเองเขาก็เหลือบไปเห็นปล่องไฟขนาดใหญ่เหนือเตาไฟ ห้องครัวของบ้านเก่าแบบนี้จะต้องมีปล่องไฟที่ก่อจากอิฐด้วย ถ้าไม่มีปล่องไฟตอนทำกับข้าวในห้องครัวคงกลิ่นฟุ้งแย่

“หืม…ปล่องไฟเหรอ?”

ทันใดนั้นเองหลี่ฮ่าวก็คิดอะไรออก ปล่องไฟนี้จะใช่ปล่องไฟที่คุณอาจางซ่อมหลังจากด่าเสี่ยวหย่วนเสร็จหรือเปล่านะ?

เหมือนว่าเขาจะเริ่มนึกอะไรออก!

เจ้าเสือดำไม่ได้ตัวสูงใหญ่อะไรนัก มันเอาแต่ดมกลิ่นบนเตาไฟ ทว่ามันกลับปีนขึ้นไปบนปล่องไฟที่ขนาดเตี้ยกว่าคนทั่วไปไม่ได้เสียอย่างนั้น

“หรือว่าจะอยู่ที่นี่?”

หลี่ฮ่าวขยับตัวในทันที เขากระโดดขึ้นไปบนเตาไฟด้วยท่าทางคล่องแคล่วแล้วมืออีกข้างก็คว้าเจ้าเสือดำมาแล้วกล่าวเสียงต่ำ “ลองดมสิ!”

เขายกเจ้าเสือดำขึ้นแล้วใช้เจ้าเสือดำแทนเครื่องสำรวจ

ทว่าดวงตาสองข้างของเจ้าเสือดำกลับดูเหนื่อยหน่ายอย่างมาก

จมูกของมันดมฟุดฟิดไล่ขึ้นไปตามแขนของหลี่ฮ่าว

มันดมไปตามปล่องไฟที่สูงเพียงหนึ่งเมตรกว่า ทันใดนั้นเองจมูกของเจ้าเสือดำก็ฟุดฟิดอีกครั้ง แล้วกลิ่นที่คุ้นเคยก็ค่อยๆ โชยลอยเข้ามาเตะปลายจมูกของมัน

“โฮ่ง โฮ่ง!”

แล้วดวงตาของเจ้าเสือดำก็เป็นประกายแวววับ

ส่วนดวงตาของหลี่ฮ่าวเองก็ลุกวาวเช่นกัน!

หาเจอแล้วเหรอ?

อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!

ปล่องไฟ… เกรงว่าสิ่งนี้ผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังเงาโลหิตคงคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าตระกูลจางจะเอาหินรูปมีดประจำตระกูลไปก่อปล่องไฟ

พวกเขาอาจจะสอดส่องตรงปล่องไฟมาแล้ว!

หรือบางทีเงาโลหิตอาจจะค้นหามาก่อนแต่เงาโลหิตไม่มีรูปร่างและสัมผัสไม่ได้ หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทะลุกำแพงได้หรือเปล่า แต่พวกเขาน่าจะเคยสำรวจบริเวณกำแพงและพื้นมาหมดแล้ว แต่เป้าหมายที่พวกเขาค้นหาอาจจะเป็นรอยแยก ชั้นวางของต่างๆ ลังหรือกล่องเป็นต้น

พวกเขาไม่มีทางคิดว่ามีดที่พวกเขาสนใจจะเป็นแค่หินก้อนหนึ่งเท่านั้น

แววตาหลี่ฮ่าวเป็นประกายพร้อมจับจ้องบริเวณที่นูนออกมาเล็กน้อยของปล่องไฟ หินมีดจะอยู่ด้านบนนั้นไหมนะ?

กำแพงหินปูนสีลายพร้อยสภาพผุพังไม่น้อย

จนเห็นก้อนอิฐที่อยู่ด้านในปล่องไฟ

หลี่ฮ่าวยื่นมือออกมาลูบแล้วเศษปูนก็ร่วงลงมาอีกครั้ง ในวินาทีต่อมาบริเวณส่วนบนของปล่องไฟก็มีก้อนหินสีเทาตุ่นๆ โผล่ออกมาบางส่วน แต่แววตาเขาก็เปล่งประกายทันทีที่เห็นเพียงบางส่วนของหินก้อนนั้น!

‘ชิ้นนี้แหละ!’

ใจเขาเต้นระรัว หินก้อนนี้แน่นอน ถึงจะไม่ได้โผล่ออกมาทั้งชิ้นแต่ในความทรงจำของหลี่ฮ่าวก็ผุดภาพของหินที่มีรูปร่างเหมือนมีดขึ้นมารางๆ ซึ่งไม่ได้ชิ้นใหญ่โตอะไรแค่ใหญ่กว่ากำปั้นเล็กน้อยเท่านั้น

‘คุณอาจางนี่…ช่างเคารพนับถือบรรพบุรุษจริงๆ!’

ทันใดนั้นเองหลี่ฮ่าวก็หัวเราะไม่ออก ตอนนั้นด่าลูกชายตนเองเสียยกใหญ่เพราะหินก้อนนี้ แต่พ่อคนดีกลับเอาก้อนหินที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมายัดซ่อมแซมห้องครัวเสียอย่างนั้น ไม่มีใครเคารพนับถือบรรพบุรุษได้เท่าคุณอาเลยจริงๆ!

ถ้าบรรพชนตระกูลจางยังอยู่น่าจะโมโหขาดใจตายไปแล้ว

ในบรรดาทั้งแปดตระกูล หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าของประจำตระกูลอื่นเป็นอย่างไรบ้างแต่กระบี่ตระกูลหลี่ถูกส่งต่อกันมาราวทรัพย์สินล้ำค่า ส่วนหินก้อนนี้ของตระกูลจางอยู่รอดมาได้ขนาดนี้นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ!

หรือว่าตอนนั้นไม่ได้มีสภาพเป็นหินนะ?

เพียงแต่ภายหลังค่อยๆ กลายเป็นหิน จนกระทั่งมาถึงรุ่นของคุณพ่อจางเลยกลายเป็นหินโดยสมบูรณ์?

ยังไม่ทันคิดแล้วเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจคิดต่อแล้ว หลี่ฮ่าวมองก้อนหินที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของปล่องไฟตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ

หาเจอแล้ว!

แต่จะเอาออกมาก็ไม่ได้!

ไม่ใช่ว่าเอาออกมาไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือถ้าเอาก้อนหินชิ้นนี้ออกจะทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนอย่างมากบนปล่องไฟ

หลังจากอยู่ที่กองตรวจการณ์มาหนึ่งปีทำให้หลี่ฮ่าวพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ทันทีที่แตะต้องที่นี่แล้ว หากเงาโลหิตและคนที่อยู่เบื้องหลังกลับมา พวกเขาต้องตรวจสอบแน่เพื่อดูว่าเป้าหมายของหลี่ฮ่าวคืออะไร

และเมื่อพวกเขาพบว่าก้อนหินบนปล่องไฟหายไปหนึ่งชิ้น บางทีพวกเขาอาจจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว!

ถ้าหากหลี่ฮ่าวยังคงเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกู่ย่วนล่ะก็ ตอนนี้เขาคงจะจัดการแงะหินมีดชิ้นนี้ในทันที พอถึงตอนนั้นหากเงาโลหิตกลับมาที่นี่ก็น่าจะรู้ในทันทีว่ามีดตระกูลจางก็คือหินก้อนหนึ่งที่ถูกเขางัดออกไป แล้วจากนั้นหลี่ฮ่าวก็คงจะตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม!

ตอนนั้นเงาโลหิตคงรู้ว่าหินทรงมีดอยู่ที่หลี่ฮ่าว ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรแต่อีกฝ่ายก็คงจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้เขาเป็นพะเรอเกวียน

พวกเขาอาจจะแน่ใจด้วยว่าหลี่ฮ่าวเดาอะไรออกแล้ว หนำซ้ำอาจถึงขั้นรู้เรื่องแปดตระกูล แล้วทุกความลับที่เขาเก็บงำเอาไว้ก็จะแพร่งพรายออกมาในทันที

“ทำอย่างไรดีล่ะ?”

หลี่ฮ่าวครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ในเมื่อหาเจอแล้วจะให้ทิ้งหินมีดไว้ที่นี่ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้ เขาเองก็รู้สึกว่ามีดตระกูลจางนั้นไม่เพียงแต่เป็นของล้ำค่าแต่จะต้องมีประโยชน์อื่นอีกแน่นอน

เพราะพวกเงาโลหิตให้ความสำคัญกับของชิ้นนี้อย่างมาก มิฉะนั้นคงไม่เสี่ยงอันตรายมาเฝ้าดูที่นี่นานเป็นปีขนาดนี้

หลี่ฮ่าวขมวดคิ้ว หรือเขาแงะหินนี้ออกมาแล้วค่อยเอาหินก้อนอื่นมาเติมรอยโหว่ดีไหม?

แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามหาเจอก็จะกลายเป็นว่าความลับที่เดิมอยากปกปิดไว้กลับเปิดเผยออกมาเสียหมด!

เพราะร่องรอยใหม่และเก่านั้นมีความแตกต่างกันอยู่

‘ทำได้แค่กลบเกลื่อนร่องรอย ทำลายหลักฐาน เพื่อที่อีกฝ่ายจะหาหลักฐานไม่ได้ วิธีการที่ดีที่สุดคือทำลายปล่องไฟทิ้ง…แต่จะดูจงใจมากไปหรือเปล่านะ?’

‘หรือว่าหาหินอีกก้อนที่เหมือนกัน จะให้ดีที่สุดก็คือก้อนหินที่คล้ายกันมากๆ…จากนั้นค่อยทำลายปล่องไฟทิ้ง ต่อมาก็ให้พวกเขาซ่อมแซมใหม่ หินก็ไม่หายไปสักก้อนเดียวดังนั้นจะจับอะไรได้…’

ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจการณ์ เขายังพอมีทักษะพื้นฐานในสายอาชีพอยู่บ้าง พวกเขาจะทำลายหลักฐานอย่างไร จะสร้างหลักฐานปลอมอย่างไร จะหลอกลวงอีกฝ่ายอย่างไร นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้และได้เห็นในตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา

ถ้าหากทำลายทิ้งเพียงอย่างเดียว แล้วถ้าพวกเงาโลหิตแอบซ่อมแซมใหม่อีกครั้ง ก็เป็นไปได้มากเหมือนกันว่าพวกเขาจะสร้างกลับคืนสภาพเดิมแล้วพบว่ามีก้อนหินหายไปก้อนหนึ่ง

เมื่อแน่ใจว่าตนเองจะทำอะไร หลี่ฮ่าวจึงไม่เอาก้อนหินออกมาในทันที

ในเมื่อมันอยู่ที่นี่มาก็ตั้งนานหลายปีกลับไม่เห็นมีใครสนใจ เช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

พอคิดได้แบบนี้หลี่ฮ่าวก็ถอนหายใจเบาๆ หาเจอก็เป็นอันใช้ได้รอต่อไปอีกสักหน่อยแล้วกัน เพียงแต่ครั้งนี้คงต้องรบกวนอาจารย์แล้ว

เมื่อเดินออกมาจากห้องครัวหลี่ฮ่าวก็กดโทรศัพท์หาอาจารย์

ไม่นานเสียงของหยวนซั่วก็ดังตามสายมาแทบจะในวินาทีที่เขากดโทรออกด้วยซ้ำ “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ครับอาจารย์ ไม่เป็นอะไรครับ!”

หลี่ฮ่าวซาบซึ้งใจมากทีเดียว เขาไม่ทักทายเอ่ยอ้อมค้อมอะไรแต่กลับรีบเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ไม่ได้เจออะไรในบ้านของจางหย่วนหรอกครับ แต่ผมพบว่าเหมือนจะมีคนคอยจับตาดูบ้านจางหย่วนอยู่ อีกอย่างเหมือนว่าตัวบ้านเคยโดนรื้อค้นมาก่อนด้วย อาจารย์ว่าจะใช่ฆาตกรมาตามหาอะไรหรือเปล่าครับ?”

หยวนซั่วรับฟังอย่างเข้าใจแล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “นายคิดว่าอย่างไร?”

“ผมกำลังคิดว่าจะล่อเสือออกจากถ้ำได้ไหม?”

หลี่ฮ่าวกล่าวอย่างรวดเร็ว “ในเมื่ออีกฝ่ายมาบ้านจางหย่วนแถมยังหาอะไรบางอย่างอยู่ด้วย หรือว่าพวกเขายังหาไม่เจอครับ? แต่ผมมันผู้น้อยไม่มีปากมีเสียงอะไรในกองตรวจการณ์ ถ้าไม่อย่างนั้นรบกวนอาจารย์บอกให้ทางกองตรวจการณ์ส่งคนมาเยอะหน่อยแล้วรื้อบ้านตระกูลจางบางส่วนทิ้งไปเลยเพื่อแหวกหญ้าให้งูตื่น ดูว่าจะสามารถล่อฆาตกรที่ฆ่าจางหย่วนออกมาได้ไหม”

……………………………………………….