ตอนที่ 16-2 ผู้เป็นอาจารย์ (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 16 ผู้เป็นอาจารย์ (2)

“การศึกษาธรรมดาๆ ทั่วไปย่อมไม่มีอนาคตหรอก! แต่กลุ่มที่ใช้แต่กำลังต่างหากที่ยิ่งไม่มีอนาคต!”

หยวนซั่วตอบด้วยเสียงหนักแน่น “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนที่ใช้แต่กำลังกดขี่ข่มเหงจะยึดครองทุกอย่างได้! สติปัญญาของมนุษย์ต่างหากที่ครองโลก เป็นกุญแจหลักที่กลายเป็นเจ้าของโลกใบนี้! จอมยุทธ์ร่ำเรียนวิชา สิ่งที่ได้รับกลับน้อยกว่าสิ่งที่ลงทุนไป! คนมีความรู้ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้กลับได้รับอะไรมากกว่าที่ลงทุนไป! อย่าคิดว่าตัวเองกำลังเสียเวลาอยู่ ผิดแล้ว เวลาที่เสียไปเพียงแค่เป็นการปูพื้นฐาน ต่อให้เธอเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติจริงๆ เธอก็จะเห็นว่า สติปัญญา ความรู้นั้นเป็นของล้ำค่า มันจะช่วยให้เธอเดินทางได้ราบรื่นยิ่งขึ้น!”

นักศึกษาของเขากำลังหลงทาง และต้องการให้เขาช่วยไขข้อข้องใจ

สั่งสอนให้คำชี้แนะและตอบปัญหาข้องใจให้เขา!

หลี่ฮ่าวเพิ่งเคยสัมผัสพลังเหนือธรรมชาติเป็นครั้งแรกจึงเกิดการสงสัยในตัวเอง ในมุมมองของหยวนซั่วนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ ณ​ ตอนนี้จะสั่นคลอนความศรัทธาเชื่อมั่นไม่ได้เด็ดขาด

“ในอดีตพลังเหนือธรรมชาติยังปรากฏไม่ชัดเจนนัก ในด้านการต่อสู้ฉันไม่ถึงกับเอาชนะคนทั้งโลกได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นบุคคลในจำนวนอันน้อยนิดที่ยืนอยู่จุดสูงสุด แต่ต่อให้ฉันมีชื่อเสียง ทว่ากลับไม่ใช่เรื่องที่ฉันมีทักษะการต่อสู้แต่เป็นผลลัพธ์จากการศึกษาขอบเขตอารยธรรมโบราณต่างหากที่ทำให้ฉันมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วโลก!”

“ภายหลังอาวุธปืนได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในรุ่นเราคนที่ร่ำเรียนวิชาต่อสู้ธรรมดาๆ ไม่มีจุดจบที่ดีสักคน ยิ่งมีชื่อเสียงก็ยิ่งตายไว! ส่วนฉันกลับมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ จนตอนนี้ก็ยังเป็นแขกคนสำคัญในสายตาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ…ถึงจะมีข้อจำกัดบ้าง แต่ก็ยังใช้ชีวิตสุขสบายดี”

“ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในตอนนี้แข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่เท่ากับว่าไม่มีใครควบคุม หรือไม่มีหนทางควบคุมเสียทีเดียว…”

หยวนซั่วพูดอะไรมากมาย ส่วนหลี่ฮ่าวคอยฟังอยู่เงียบๆ

อารมณ์ก็ค่อยๆ เบิกบานขึ้นมาไม่น้อย

คุยไปสักพักหนึ่งหยวนซั่วก็พูดเสียงกลั้วหัวเราะดัง “ทางหน่วยปฏิบัติการเธอก็อย่าใส่ใจมากนักเลย ถ้าเจอปัญหาจริงๆ พวกหลิวหลงใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ ยังคงพูดคำเดิม เธอมาหลบที่บ้านฉันก่อนก็ได้”

หลี่ฮ่าวคิดๆ แล้วก็ถามไปว่า “อาจารย์ครับ ผู้พิทักษ์รัตติกาลรู้สถานการณ์ของทางเมืองหยินไหมครับ”

“ไม่แน่ใจ แต่ต่อให้รู้ก็ใช่ว่าจะปรากฏตัวเป็นคนแรก พวกหลิวหลงก็คือหินที่ถูกโยนถามทางกับตัวตายตัวแทน!’

หยวนซั่วเอ่ยอย่างสยดสยอง บอกเล่าสถานการณ์ที่แท้จริงของทีมล่าปีศาจให้คนฟังรู้สึกหนาวแทรกเข้ากระดูก

“ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีสมาชิกไม่มาก ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแต่ละคนล้วนเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า ฉะนั้นจะเสียสละไปง่ายๆ ไม่ได้! สถานการณ์เมืองหยินไม่ค่อยน่าไว้วางใจ ให้พวกคนที่ต้องตายแทนอย่างพวกหลิวหลงไปลองเชิงก่อน ถ้าพวกหลิวหลงยึดครองได้ก็เป็นเรื่องน่ายินดี! ถ้าไม่ได้ผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงจะตัดสินอะไรคร่าวๆ ได้ รู้เขารู้เรา รู้ว่าต้องใช้คนที่มีความสามารถแบบไหนในการรับมือกับปัญหาของเมืองหยิน นี่ต่างหากเหตุผลที่คนผู้พิทักษ์รัตติกาลปรากฏตัวให้เห็นน้อยครั้ง”

รักษาความลึกลับของตนไว้เพื่อไม่ให้คนนอกรู้เรื่องภายใน

กลุ่มองค์กรภายนอกอย่างพวกหลิวหลงล้วนเป็นเพียงหินถามทาง ตายแล้วก็ตายไป ไม่ขาดทุนเสียหายอะไร

ถ้าฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ จนเลื่อนขั้นพลังเองถึงได้เข้าร่วมหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาล เช่นนั้นก็จะเสริมสร้างพลังของกลุ่มพิทักษ์รัตติกาลให้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก

นี่ก็คือสาเหตุหลักที่เมืองหลินอยู่แต่ในความมืดมน!

ส่วนหยวนซั่วมองสาเหตุเหล่านี้ออกนานแล้ว

หลี่ฮ่าวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ใช่แบบนั้นจริงๆ!

คำพูดของอาจารย์ก็ทำให้เขามองทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่งและเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่าทีมล่าปีศาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับหน่วยพิทักษ์รัตติกาล บางที…เดิมทีหลิวหลงก็คือสมาชิกนอกรอบของหน่วยพิทักษ์รัตติกาลหรือเปล่า

ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ขณะนั้นเอง ฉับพลันหยวนซั่วก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าคิดมาก เธอไม่อยากมาที่นี่ ฉันก็ไม่บังคับเธอหรอก! ในเมื่อเธอพอจะรู้สถานการณ์บางส่วนแล้ว งั้นฉันจะบอกกับเธอสั้นๆ ว่าให้พยายามเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันตัวเองให้มากที่สุด”

อะไรนะ?

หลี่ฮ่าวหลงคิดว่าอาจารย์จะให้ของดีแก่ตน แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

ต่อจากนั้นหยวนซั่วก็เริ่มสื่อสารกับเขาด้วยภาษาลับ นี่เป็นวิธีการสื่อสารลับเฉพาะระหว่างหยวนซั่วกับนักศึกษาของเขา สำหรับหยวนซั่วแล้ว การสร้างวิธีการส่งสารเฉพาะตัวมันง่ายดายนิดเดียว

‘กระบี่ของตระกูลหลี่ มีดของตระกูลจาง…ตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านเหล่านี้ หรือการปรากฏของสิ่งเหนือธรรมชาติ หากเป็นเมื่อก่อนก็เป็นแค่เรื่องตลกอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว!’

หลี่ฮ่าวตกใจครู่หนึ่ง แต่ก็กลับมาปกติเหมือนเดิมในไม่ช้า

นอกจากหลิวหลงจะเดาได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ของตนก็เอาออกด้วย เท่าที่หลี่ฮ่าวมองบางทีอาจารย์อาจจะเป็นคนที่ฉลาดที่สุด รอบรู้มากที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา

“ถ้าเธอมีของพวกนี้ ถือว่าเป็นทั้งความโชคดีและความโชคร้าย!”

“มีความเป็นไปได้ว่าการตายของจางหย่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเธอถูกกลุ่มผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพ่งเล็งเข้าแล้ว บางทีเป้าหมายก็คือของพวกนี้ บทเพลงพื้นบ้านที่เกี่ยวกับแปดตระกูลใหญ่ที่สืบสานต่อมานานนับหลายปี ต่อให้เป็นฉันที่เคยได้ยินมาก่อนแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าเริ่มเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อไรและไม่มีการบันทึกใดๆ ทั้งสิ้น บทเพลงนี้เป็นเพียงการสืบทอดกันมาปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น…”

“เท่าที่ฉันศึกษามา บางทีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณ เธอเป็นนักศึกษาของฉันก็คงพอรู้ข้อมูลอารยธรรมโบราณอยู่บ้าง ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ ความจริงก็ถูกค้นพบจากร่องรอยอารยธรรมโบราณ แค่ฉันปรับแก้มันในภายหลังเท่านั้นเอง’

หลี่ฮ่าวไม่พูดอะไรแต่คอยฟังอาจารย์พูดอย่างเดียว

หยวนซั่วเอ่ยต่อ ‘สมบัติเหล่านี้ในบทเพลงพื้นบ้าน มักมีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่งก็คือคนนอกห้ามใช้ จางหย่วนถูกจุดไปเผาร่างเช่นนั้น บางทีอีกฝ่ายอาจอยากได้เลือดหรือวิญญาณของเขา ขอแค่มีสิ่งที่เชื่อมกระแสจิตได้ก็สามารถใช้งานมีดของตระกูลจางได้!’

‘ส่วนปัญหาเรื่องช่องว่างเวลา ฉันก็ได้วิเคราะห์ไปบางส่วน มีความเป็นไปได้สูงเพราะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมีข้อจำกัดด้านฝีมือ ทุกครั้งที่ใช้วิธีไฟคลอกเพื่อได้มาซึ่งเลือด วิญญาณของอีกฝ่าย อาจจะทำให้วิธีนี้เข้าสู่ระยะการจำศีล!’

‘แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพัฒนาความสามารถเรื่อยๆ หรือระยะการจำศีลถูกย่นลง!’

หลี่ฮ่าวพยักหน้ารัวๆ ต่อให้หยวนซั่วจะมองไม่เห็นก็ตาม

แต่ตอนนี้หลี่ฮ่าวรู้สึกนับถือจากใจจริง อาจารย์ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์อะไรเลย อาจจะเพียงแค่ได้เห็นม้วนเอกสารของเมื่อวานเท่านั้น วันนี้ก็สามารถวิเคราะห์ออกมาได้มากมายแล้ว หลี่ฮ่าวยอมใจจริงๆ

แน่นอนว่าก็มีส่วนเกี่ยวกับความรอบรู้ของอาจารย์เช่นกัน

“มีอีกหนึ่งจุด อีกฝ่ายมักลงมือในวันที่ฝนตก บ่งบอกว่าพลังชนิดนี้ของเขาอาจจะใช้ได้ผลดฉพาะในวันฝนตกเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการฆ่าคนอย่างเดียว แต่หลังจากฆ่าคนแล้วจะได้อะไรบางอย่างหรือดูดซับอะไรบางอย่างจากตัวพวกเธอได้นั่นเอง”

หยวนซั่วพูดถึงตรงนี้ก็เว้นช่วงไปอึดใจหนึ่ง “เธออย่าดูถูกผู้บงการเบื้องหลังคดีนี้เชียว เธอต้องรู้ไว้ว่าหากคนแรกที่ตายเป็นคนตระกูลเจิ้งก็แสดงว่าอีกฝ่ายมีชีวิตอยู่มาอย่างน้อยสิบห้าปีแล้ว!’

“เธอต้องรู้ไว้ว่าการปรากฏตัวของพลังเหนือธรรมชาติเพิ่งเกิดขึ้นราวๆ ยี่สิบปีนี้เอง ถ้าอีกฝ่ายมีพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่แรกมันบ่งบอกอะไร เธอรู้ไหม มันหมายถึงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสของบรรดาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งดูดซับพลังเข้าร่างกาย!’

พอสิ้นเสียง หยวนซั่วก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “แน่นอนว่านี่อาจจะฝีมือของคนๆ เดียวทำก็ได้ บางทีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนแรกจากไปแล้ว ตอนนี้อาจเป็นสมาชิกองค์กรหรือลูกศิษย์ของอีกฝ่ายคอยจับตาดูอยู่ ในเมื่อผู้ที่แข็งแกร่งไม่มีทางอยู่นิ่งๆ ในเมืองหยินโดยไม่ไปไหนแน่นอน’

หลี่ฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ประเด็นที่อาจารย์พูดถึงเขาก็เคยคิดมาก่อน เพียงแต่ไม่ได้ละเอียดอ่อนเท่าที่อาจารย์คิด

หลิวหลงเคยคิดถึงจุดนี้หรือเปล่านะ?

“มีดของตระกูลจาง ใช่ว่าเธอจะใช้ได้เสมอไป! แต่กระบี่ของตระกูลหลี่เธอใช้งานได้แน่นอน! เมื่อก่อนใช้ไม่ได้อาจจะเพราะพลังเหนือธรรมชาติยังไม่ปรากฏ พลังเหนือธรรมชาติ…น่าจะมีอยู่ตั้งแต่ช่วงอารยธรรมเฟื่องฟู ตอนนี้เพียงฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่ ใช่ว่าจู่ๆ ก็มี ถ้าเธอเป็นผู้สืบทอดกระบี่ตระกูลหลี่ ถ้าเธอมีกระบี่เล่มนี้ก็ต้องหาวิธีกระตุ้นมันเอง”

“กระตุ้นมันเหรอครับ?”

ในที่สุดหลี่ฮ่าวก็ปริเสียงพูดออกมา กระบี่ตระกูลเป็นความลับแต่ก็ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด คนที่เคยฟังบทเพลงพื้นบ้านมาก่อน บางทีอาจจะเคยนึกถึง แต่ทุกคนแค่ไม่เคยเห็นเท่านั้น

เขาเริ่มกระตุ้นมันหรือยังนะ?

น้ำแช่จี้หยกกระบี่!

“ใช่ กระตุ้น! ในเมื่อถูกปิดผนึกมาตั้งนานหลายปีจะใช้งานมันง่ายๆ ได้ยังไง! ฉันรู้วิธีกระตุ้นอยู่หลายวิธี แต่สำหรับเธอมันยากเกินไป วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการหยดเลือดพิสูจน์…เงื่อนไขคือกระบี่เล่มนี้ต้องเป็นของตระกูลเธอจริงๆ ไม่ได้แย่งมา’

หลี่ฮ่าวยิ้มขมขื่น “อาจารย์คับ มันใช้ไม่ได้ผลครับ!”

เคยหยดเลือดมาก่อนแล้ว!

“ไร้สาระ เลือดหยดเดียวก็ไม่เห็นผลอยู่แล้วสิ เธอคิดว่าหยดเลือดพิสูจน์เป็นแค่การหยดเลือดโง่ๆ อย่างนั้นเหรอ”

‘…’

แล้วไม่ใช่หรือ?

หลี่ฮ่าวพูดไม่ออก

“……”

หยวนซั่วพูดต่อ “เลือด ไม่ใช่ว่าเป็นเลือดอะไรก็ได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกหลานรุ่นที่เท่าไรก็ไม่รู้อย่างเธอ สายเลือดแทบจะไม่เหมือนเดิมแล้ว สำหรับเธอแล้วเลือดสองชนิดที่อาจจะทำการเปิดผนึกได้ ชนิดแรกคือเลือดจากหัวใจ…ความจริงไม่ค่อยอยากแนะนำเท่าไรเพราะมันทำร้ายร่างกายมากเกินไป แต่ถ้ายามคับขันถูกคนอื่นทำร้ายอาการปางตาย เธอก็ใช้กระบี่แทงที่หัวใจ แต่อย่าแรงเกินไปนะ เอาให้โดนแทงตายก็พอ!”

‘…’

หลี่ฮ่าวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา ดูพูดเข้าสิ

อันตรายจริงๆ แฮะ!

‘อย่างที่สอง หมั่นฝึกเคล็ดวิชาห้าปาณภูต เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง เพิ่มกระแสเลือดในร่างกาย ถ้าเธอมาถึงจุดของฉันได้ บางทีเลือดหนึ่งหยดก็อาจเปิดผนึกได้แล้วล่ะ!’

หลี่ฮ่าวรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา ทะลวงร้อยอย่างนั้นเหรอ?

แต่ตนไม่มีเวลาแล้วน่ะสิ!

……………………………………………………………….