ตอนที่ 28 ตัวทดลอง (1)
หลังจากส่งมอบหินมีดไป หลี่ฮ่าวก็รู้สึกใจสงบลงไม่น้อย
สิ่งที่ควรทำ เขาก็ทำไปหมดแล้ว
ตอนนี้เขาคงทำได้เพียงเท่านี้ ส่วนทางฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนของหลิวหลง เพราะเขาบอกเรื่องตัวตนของหวังหมิงให้หลิวหลงรับรู้ไปหมดแล้ว รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นหลี่ฮ่าวยังไม่รู้ คิดว่าหลิวหลงคงรู้ดีว่าเขาควรทำอย่างไร
‘เงาโลหิตมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ตอนนี้อาจารย์กับหลิวหลงต่างก็รู้กันหมดแล้ว!’
มีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอีกหรือเปล่านะ
หลี่ฮ่าวนึกย้อนไปอีกที อ้อ อีกหนึ่งเรื่องที่เรายังไม่ได้ก็คือเราสามารถมองเห็นมันได้…แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว
ไม่จำเป็นต้องรายงานหมดทุกเรื่องก็ได้ เรื่องที่เขาสามารถมองเห็นยังไม่มีใครรู้ บางทีอาจจะเป็นข้อดี บอกไปใช่ว่าจะช่วยอะไรทุกคนได้
“ไม่กี่วันต่อจากนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องพยายามพัฒนาฝีมือตัวเองแล้ว!”
ตอนนี้ไม่ทันเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ตัวเองแล้ว ไม่อย่างนั้นหลี่ฮ่าวยอมที่จะฝึกเงียบๆ ต่อไปดีกว่า แล้วค่อยกำจัดเงาโลหิตด้วยตัวเอง
แต่เวลาเป็นสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อจากนี้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็ง่ายมาก แค่พัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
เขาที่เข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารยังไม่เคยประลองฝีมือกับผู้แข็งแกร่งคนใดมาก่อน
และไม่เคยลงสนามการต่อสู้อย่างแท้จริงสักครั้ง
ปรมาจารย์นักรบแบบนี้ หากว่าตามคำพูดของอาจารย์ก็มีดีแค่เปลือกนอก ความสามารถที่แท้จริงนั้นไม่เท่าไร แค่วิ่งเร็วกว่าคนอื่นหน่อย ต่อยเจ็บกว่าคนอื่นหน่อยก็เท่านั้น
……
เป็นค่ำคืนที่สงบสุขอีกคืน
วันที่ 15 เดือนกรกฎาคม
กองตรวจการณ์ ห้องชั้นใต้ดินที่เป็นฐานบัญชาการของทีมล่าปีศาจ
วันนี้หลี่ฮ่าวมาถึงเช้ามาก และไม่มีอารมณ์พูดคุยอะไรกับหวังหมิงนักจึงตัดสินใจมาที่นี่เลย
หลี่ฮ่าวเริ่มฝึกเคล็ดวิชาห้าปาณภูตแต่เช้าตรู่
พอซ้อมที่นี่ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียงดังรบกวนคุณป้าห้องชั้นล่างแล้ว
วิชาหมัด วิชาตะกุย หมีกอด พยัคฆ์กระโจน…
ครั้งนี้หลี่ฮ่าวลองใช้เคล็ดวิชาทั้งห้าปาณภูตพร้อมกัน
เสือ หมี กวาง ลิง นก
ตอนเขาฝึกท่วงท่าออกจะดูน่าเกลียดไปบ้างเพราะต้องใช้มือเท้าพร้อมกัน บางครั้งต้องหมอบอยู่กับพื้นราวกับสัตว์ป่าหรือกระโดดขึ้นสูงในคราวเดียว ในบรรดาเคล็ดวิชาห้าปาณภูต ความจริงเคล็ดวิชาวิหคนั้นฝึกยากที่สุด
เคล็ดวิชาวิหคสำคัญอยู่ที่วิชาตัวเบา กระโดดขึ้นกลางอากาศ โดยหลักๆ ต้องอาศัยแรงกระโดด จุดนี้ยังไม่ค่อยเป็นมิตรต่อมือใหม่อย่างหลี่ฮ่าวเท่าไร หลายครั้งที่หลี่ฮ่าวกระโดดแต่ร่วงตกพื้นกระแทกอย่างแรง ยากกว่าเคล็ดวิชาลิงเสียอีก
พอทำไปหลายๆ ครั้ง หลี่ฮ่าวก็เลือกที่จะยอมแพ้ต่อเคล็ดวิชาวิหคแล้วเปลี่ยนไปฝึกเคล็ดวิชาลิงที่ตนถนัดคุ้นเคยมากที่สุด
หลี่ฮ่าวกำลังฝึกได้ที่ก็มีคนเข้ามา
เฉินเจียนร่างแข็งแรงบึกบึนผลักประตูเข้ามาด้วยท่าทีสะลึมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นดี พอเห็นหลี่ฮ่าวก็ชะงักไปแวบหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง
“หลี่ฮ่าว นายมาเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”
เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยหลับเลยกะว่าจะมาถึงเป็นคนแรก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่ฮ่าวจะมาถึงก่อนตน
ภารกิจปกป้องหลี่ฮ่าว ในเมื่อมีลูกพี่อยู่เขากลับไม่ค่อยกังวลใจมากเท่าไร
“พี่เจียน!”
หลี่ฮ่าวหอบน้อยๆ ฉีกยิ้มให้แล้วเอ่ยขึ้น “พี่เจียน สนใจจะมาเป็นคู่ฝึกของผมไหม”
“หืม”
เฉินเจียนรู้สึกเหนือคาดอยู่ประมาณหนึ่ง เขาหลงคิดว่าหลังจากหลี่ฮ่าวแพ้ไปคราวก่อนคงไม่คิดอยากประลองฝีมือกับตนอีก เขาไม่คิดว่าหมอนี่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาก่อน
เฉินเจียนยิ้มใสซื่อตอบ “นายจะฝึกกับฉันเหรอ ความจริงฉันไม่ถนัดจู่โจม หลักๆ ก็ยังคงป้องกันตัว…เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะคอยป้องกันตัวไม่โจมตี ถือว่าฝึกเป็นคู่นายแล้วกัน!”
หลี่ฮ่าวยิ้มร่า การมีคู่ฝึกที่เป็นดั่งเกราะป้องกันเหนียวแน่นอย่างเฉินเจียน เกรงว่ามือใหม่อย่างเขาจะชื่นชอบที่สุดแล้ว
ในเมื่อคนมีชีวิตตัวเป็นๆ กับกระดานเป้ามันต่างกัน
ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นปรมาจารย์นักรบสายป้องกันตัวที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง มีเฉินเจียนคอยเป็นคู่ฝึกให้ ย่อมต้องดีกว่าฝึกคนเดียวมากแน่ๆ
“พี่เจียน เมื่อวานผมดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ…”
“ไม่เป็นไร!”
เฉินเจียนฉีกยิ้มซื่อๆ ให้แต่ภายในใจกลับโอดครวญ
ฉันรู้!
เมื่อวานนายดูดซับไปสองลูกบาศก์ เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว ประเด็นคือ…นายก็รู้ว่านายเพิ่งดูดซับมาเมื่อวาน ผลตอบสนองของพลังลี้ลับใช่ว่าจะสามารถดูดซึมย่อยสลายได้ในวันเดียว แต่ต้องผ่านกระบวนการการย่อยที่ใช้เวลานาน
แล้วก็ก่อนหน้านี้ถึงหลี่ฮ่าวพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้างแต่ฝีมือไม่เท่าไรเลยจริงๆ แกร่งกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย แต่สำหรับปรมาจารย์นักรบที่แท้จริงแล้ว…เทียบไม่ติดเลย!
เฉินเจียนเป็นสายป้องกันตัวด้วย เขายังต้องกลัวหลี่ฮ่าวทำเขาบาดเจ็บอีกหรือ
หลี่ฮ่าวหยุดการฝึกแล้วฉีกยิ้มอย่างดีใจแต่งแต้มใบหน้า “งั้น…ผมก็ไม่อิดออดแล้วกัน พี่เจียน ได้โปรดชี้แนะด้วยนะครับ!”
“นายใส่มาเลยตามสบาย ถึงฉันไม่ตอบโต้ แต่ฉันจะคอยหลบ นี่ก็เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของการป้องกันตัวเหมือนกัน…”
“เข้าใจแล้ว!”
หลี่ฮ่าวยิ้มกว้าง แบบนี้ยิ่งดีเลย
ไม่อย่างนั้นสู้เขาไปตีเหล็กเสียยังดีกว่า
ทั้งคู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง หลี่ฮ่าวแสดงท่าพยัคฆ์กระโจน เขาใช้เคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์เปิดสนามเลย
สองมือกางออกเหมือนกรงเล็บแล้วพุ่งเป้าไปยังสองแขนของเฉินเจียน ทำท่าจะตะครุบแขนทั้งสองข้างไว้
แม้เฉินเจียนจะมีรูปร่างอ้วนแต่กลับเคลื่อนไหวตัวอย่างคล่องแคล่วว่องไว เขาไม่ได้ขยับตัวมาก แค่ขยับเท้าเบาๆ ก็ถอยออกไปไกลถึงสามคืบแล้ว
หลี่ฮ่าวตะครุบคว้าอากาศเก้อ
เฉินเจียนที่เพิ่งหลบได้ทันหวุดหวิดก็ชะงักน้อยๆ ตะกุยอากาศเหรอ?
พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้เชียว
วินาทีนั้นเองหลี่ฮ่าวไม่มัวแต่เสียเวลาเปล่า พอเห็นว่าการตะกุยครั้งแรกไม่สำเร็จ เขาก็ทำท่าหมอบกับพื้นแขนขากางออก จากนั้นขาทั้งสองข้างก็เตะราวกับกวางตัวผู้เดือดดาล กวางเป็นสัตว์ที่เดินตัวเบาดูสบายๆ แต่ยามเจออันตรายกวางตัวผู้จะระเบิดพลังออกมาจนกระทั่งแข็งแกร่งถึงขีดสุด!
“เอ๊ะ…”
เฉินเจียนขยับตัวทำท่าจะหนีอีกครั้ง แต่กลับไม่เร็วเท่าขาที่เตะมาของหลี่ฮ่าวในครั้งนี้
เฉินเจียนไม่หลบอีกต่อไป
ในฐานะสายป้องกันตัว ในเมื่อหนีไม่ทันก็ทำการป้องกันตัว!
บึ้ม!
เสียงระเบิด!
หลี่ฮ่าวร่างลอยอยู่กลางอากาศ อาศัยแรงกระทืบเท้าแล้วไล่ให้พลังทั้งตัวไหลไปอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง ณ ตอนนี้ราวกับพยัคฆ์ดุร้ายลงจากเขา สองแขนกำหมัดกระแทกออกไป!
ตู้ม!
เฉินเจียนถอยหลังหนึ่งก้าว หลี่ฮ่าวเองก็ถอยร่นไปด้านหลังเพราะแรงโจมตีกลับมหาศาล แต่ช่วงวินาที่ที่เขาถอยตัวเบี่ยงหลบกลับเหมือนลิงตัวหนึ่งที่ม้วนตัวกลิ้งกลางอากาศอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลี่ฮ่าวที่เดิมทีตัวปลิวกระเด็นลอยออกไปก็เด้งตัวกลับมาในคราวเดียว
ครั้งนี้สองมือกางเป็นกรงเล็บหมายจะตะกุยใส่!
เฉินเจียนในตอนนี้รู้สึกเหนือคาดอย่างมาก นี่เขาถูกหลี่ฮ่าวโจมตีจนเซถอยไปหนึ่งก้าว แถมยังรู้สึกปวดตรงลำแขนทั้งสองข้างด้วยไม่น้อย
ท่าทีตกตะลึงเช่นนี้เลยทำให้เขาเสียสมาธิไปพักใหญ่
เพราะเขาเพิ่งเคยผ่านการประลองฝีมือกับหลี่ฮ่าวมาเมื่อวันก่อน แค่ฝ่ามือเดียวก็ตบหลี่ฮ่าวจนตัวปลิวแล้ว
แล้วหลี่ฮ่าวจะโจมตีจนเขาเซถอยหลังได้อย่างไร!
แต่แล้วความรู้สึกทึ่งกลับมาไม่ถูกเวลา
หลี่ฮ่าวเด้งตัวกลับมาด้วยความเร็วสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ สองมือตะครุบแขนสองข้างของเฉินเจียน ส่งพลังผ่านปลายนิ้วมือ ทันทีที่ข่วนลงไปก็ทำเอาแขนเสื้อที่ห่อหุ้มแขนของเฉินเจียนฉีกขาด!
ครืด!
ดั่งโลหะกระทบเสียดสีกันส่งเสียงแหลมเสียดหู ปลายนิ้วจิกที่แขนทั้งสองข้างของเฉินเจียน ทิ้งรอยข่วนเลือดซิบตรงแขนสิบรอยในพริบตา แน่นอนว่าหลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันเพราะเล็บบนนิ้วทั้งสิบก็ฉีกขาดไปด้วย
“กรรซ์”
ทีนี้เฉินเจียนตกใจเข้าแล้วจริงๆ แต่กำลังอยู่ในช่วงประลองเลยไม่มีเวลาให้ซักไซ้ถามมากความ เขาบอกไปว่าจะทำแค่ป้องกันตัว ตอนนี้ก็ยังไม่อยากเปลี่ยนใจ
ครั้นเห็นว่าหลี่ฮ่าวกำลังจะตะครุบอีกครั้ง สองแขนของเขาก็กางออกจนหลี่ฮ่าวตัวเด้งลอยออกไป
สองแขนไขว้ประสานกันเพื่อต้านทานหมัดของหลี่ฮ่าว
ต่อจากนั้นเฉินเจียนก็ชักสงสัยว่าหูตัวเองจะเพี้ยนไป
“กรอบแกรบ!”
เกิดเสียงกระดูกและเอ็นดั่งลั่นขึ้นมาพร้อมกันระรัว วินาทีถัดมาสิ่งที่เห็นคือขาของหลี่ฮ่าววาดกลางอากาศราวกับแส้เส้นยาว!
“เฮ้ย!”
เฉินเจียนอดใจไว้ไม่ไหวแล้ว
ให้ตาย!
นี่มันขอบเขตสิบสังหารแล้ว!
ล้อเล่นบ้าอะไรกัน วันก่อนยังเป็นแค่มือใหม่อ่อนหัดคนหนึ่ง ผ่านไปหนึ่งวันก็บรรลุขั้นสิบสังหารแล้ว นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า
เขาเองก็แค่ขั้นสิบสังหาร แม้จะไม่ได้เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่การถูกปรมาจารย์นักรบสิบสังหารมือใหม่คนหนึ่งเตะใส่โดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก
ตอนนี้เจ้าหลี่ฮ่าวถึงแสดงความสามารถออกมาทั้งหมด
เฉินเจียนไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นมือขวากำหมัดต่อยไปยังฝ่าเท้าของหลี่ฮ่าว
อย่าพูดว่าจะแค่ป้องกันตัวอีกเลย เขาไม่เอาด้วยแล้ว ในเมื่อถูกหลี่ฮ่าวเตะใส่ ถึงแม้อาจจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่เจ็บเจียนตายสักหน่อย
………………………………………………………………….