ตอนที่ 42 การกลับมาของจอมมารหยวนซั่ว (1)
สุดยอดผู้แข็งแกร่งด้านนอกรอจนชักจะเริ่มหมดความอดทนแล้ว
สองอาจารย์ลูกศิษย์กล่าวร่ำลาเหมือนหยวนซั่วจะตายในวินาทีถัดไปอย่างไรอย่างนั้น
ขณะที่เขากำลังควบคุมเงาโลหิตพร้อมตั้งใจฟังว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่กันแน่ ใช่เรื่องที่มีร่องรอยอารยธรรมโบราณหลงเหลืออยู่หรือไม่ หรือวิชาคายรับห้าปาณภูต…
เขาเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อเงี่ยหูฟัง ต่อให้เขาจะไม่ได้ยินอะไรก็ตาม
ทันใดนั้นเอง
ภายในตู้สินค้า
หยวนซั่วกำดาบเล่มใหญ่พลางไอไม่หยุด “เสี่ยวฮ่าว…เดี๋ยว…เดี๋ยวท่องวิชาคายรับห้าปาณภูตอีกทีนะ ฉันกลัวเธอลืม…”
หลี่ฮ่าวก้มหน้าพูดเสียงเบาโดยไม่คิดจะทักท้วงใดๆ “ร่างกายมนุษย์มีทวารอยู่สามหมื่นแปดพันจุด หายใจหนึ่งจุด คายรับหนึ่งจุด วิชาคายรับห้าปาณภูต ดูดซับพลังห้าปาณภูต ทะยานฟ้า ดำดิน วิ่ง ตัวเบา พละกำลัง…”
เขากำลังท่องอยู่
ส่วนคนข้างนอกดวงตาเป็นประกายวาบ เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
วิชาคายรับห้าปาณภูตของหยวนซั่ว หลังจากวันนี้เป็นต้นไปก็มีแค่เราที่รู้แล้วล่ะ
เมื่อเขาคิดจะแอบฟังมากกว่านั้น ตอนนั้นเองหยวนซั่วก็ขยับตัว
โอกาสมาถึงแล้ว!
มือของหยวนซั่วกำดาบเล่มใหญ่ปล่อยปราณโลหิตปะทุออกมาโดยไม่มีเสียงหลุดลอดออกมาเลยสักนิด จนกระทั่งปราณโลหิตพุ่งออกมาเป็นเส้นยาว!
แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ไม่มีกัก หากกักพลังต่อหน้าผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ต่างหากถึงจะเป็นการรนหาที่ตาย
จากนั้นพลังจิตวิญญาณก็ระเบิดออกมา!
ทำลายกระจกครอบผลึกเหมันต์ทั้งหมดจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับเตาร้อน
ส่วนกระจกครอบผลึกเหมันต์เหล่านี้หลอมสลายกลายเป็นกรงในพริบตา ภายใต้การควบคุมของพลังจิตวิญญาณยังลามปกคลุมไปถึงผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างนอกด้วย
นี่ก็คือประสบการณ์ในการต่อสู้!
วินาทีนี้เองหยวนซั่วทำลายกระจกครอบผลึกเหมันต์ถึงจะสามารถต้านทานการโจมตีกลับของอีกฝ่ายได้อย่างเห็นผล ต่อให้ไม่สามารถข่มพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด แต่ขณะที่ประชันฝีมือกันก็ยังข่มได้ครู่หนึ่ง ซึ่งนี่ก็มากพอจะเปลี่ยนผลลัพธ์ชี้ชะตาเป็นหรือตายได้แล้ว
ปราณโลหิตเส้นยาวแผดเผาฝนรอบตัวจนระเหยเป็นไอ!
เหวี่ยงดาบฟันลงไปทีหนึ่ง!
บึ้ม!
เสียงดังสะท้านฟ้า แสงจากดาบปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ!
ซึ่งเวลานี้สุดยอดผู้แข็งแกร่งก็ถูกเปิดเผยหน้าตาต่อพวกเขาทั้งคู่ พบว่าเป็นชายวัยกลางคนที่ไม่มีการปกปิดใบหน้าแต่อย่างใด ดวงตาคมเข้มไว้ผมยาว ดูจะอายุน้อยกว่าหลิวหลงเล็กน้อย
เวลานี้สมแล้วที่อีกฝ่ายเป็นถึงสุดยอดผู้แข็งแกร่ง
ต่อให้ถูกความโลภครอบงำสติ แต่ก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อหยวนซั่วกำดาบฟันลงไปแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาคำรามเสียงต่ำทีหนึ่งก่อนจะยกแขนยันฟ้า เหนือฝ่ามือกำลังหลอมรวมพลังเป็นโล่สีใส
ในชั่วพริบตา โล่นี้ก็ประกายแสงสว่างวาบราวกับแสงอาทิตย์
ลำดับขั้นที่อยู่เหนือกว่าสุริยะพราย!
สุริยะพราย เป็นขั้นสุดยอดในความเข้าใจของคนทั่วไป ส่วนลำดับขั้นที่อีกฝ่ายอยู่นั้นล้วนมีสถานะเป็นใหญ่ในทุกองค์กร
สองมือหลอมรวมโล่กำบังขึ้นมา จากนั้นวินาทีถัดมาอีกฝ่ายก็คำรามเสียงคุกรุ่นทีหนึ่งแล้วกระทืบเท้าจนพื้นแยกสั่นสะเทือนไปทั่วทิศ!
“รนหาที่ตาย!”
ตู้ม!
เสียงดังลั่นฟ้าสะเทือนแผ่นดิน วินาทีที่สุดยอดผู้แข็งแกร่งคนนั้นตะโกนก็ถูกหยวนซั่วใช้ดาบฟันโล่จนแตกร้าว พลันเลือดสีสดก็ไหลจากมุมปากแต่ยังคงจับจ้องด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นก็ยกเท้ากระทืบจนร่างทรุดลงไปที่พื้นดิน
เช่นนี้กระจกครอบผลึกเหมันต์ก็จะเป็นอุปสรรคขัดขวางเขาน้อยลงถึงที่สุด
ไม่เพียงเท่านี้ จังหวะที่โล่ถูกฟันจนปริร้าว ในมืออีกฝ่ายก็ปรากฏดาบยาวสีทองหนึ่งเล่ม นั่นเป็นดาบยาวที่ทำจากพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติซึ่งแหลมคมอย่างหาที่เทียบไม่ได้
“หยวนซั่ว!”
ผู้มาเยือนตะโกนเรียกแล้วกำดาบพุ่งไปหาหยวนซั่ว การป้องกันตัวที่ดีที่สุดก็คือการตอบโต้ เขาจะปล่อยให้ปรมาจารย์นักรบอย่างหยวนซั่วทำลายเกาะป้องกันตัวของเขาได้อย่างง่ายดายแล้วเข้ามาประชิดตัวเองไม่ได้เด็ดขาด
พันยุทธ์!
เขาสัมผัสได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าหยวนซั่วจะเลื่อนขั้นไปอยู่ในขอบเขตพันยุทธ์แล้ว!
“กรรซ์!”
ขณะนั้นเองหยวนซั่วก็คำรามเสียงดุดันราวกับเสือพยัคฆ์ร้ายลงจากเขา เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วผืนป่า!
การจู่โจมของคลื่นพลังเสียงทำให้น้ำฝนรอบตัวกระเซ็นออกไปชั่วขณะแล้วหลอมกลายเป็นธนูวารีที่พุ่งไปรอบทิศ!
ด้านหลังต่อให้หลี่ฮ่าวไม่ใช่เป้าหมายการโจมตีของพวกเขา ตอนนี้ก็ยังมีเลือดไหลออกทางทวารทั้งเจ็ด
เงาโลหิตเข้ามาบังด้านหน้ากลายเป็นร่มคุ้มกันของหลี่ฮ่าว…ถึงตอนนี้สุดยอดผู้แข็งแกร่งนั่นก็ไม่คิดว่าตนจะพ่ายแพ้ ในเมื่อไม่แพ้หลี่ฮ่าวก็จะตายตอนนี้ไม่ได้
เขาตายไป แผนหลอมรวมเส้นลมปราณทั้งแปดก็ไม่สมบูรณ์สิ
หยวนซั่วร้องคำรามทีหนึ่งจนสะเทือนไปทั่วอาณาบริเวณ แม้แต่พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายก็สั่นคลอนไปด้วย
ผมหงอกสีขาวของหยวนซั่วแปรเปลี่ยนเป็นสีดำในชั่วพริบตา และโฉมหน้ากลับคืนสู่ความอ่อนเยาว์
ชั่วขณะนั้นดาบเล่มใหญ่ก็เหวี่ยงลงฟาดฟันจนเห็นเงาซ้อนทับกันอย่างนับไม่ถ้วน
“วิชายุทธ์บรรลุถึงจิตได้!”
เสียงคำรามดังสนั่น ปราณโลหิตหลอมรวมเป็นเส้นยาว อากาศรอบตัวราวกับกลายเป็นเตาถ่านไฟปะทุลามท่วมไปทุกสารทิศ ผู้แข็งแกร่งผมยาวผู้นั้นสัมผัสได้ว่ามีไฟร้อนระอุกำลังแผดเผาอยู่
ไม่ใช่ไฟ แต่เป็นปราณโลหิต!
นี่ก็คือปรมาจารย์นักรบขั้นสุดยอด!
พลังจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปราณโลหิตแล้วแปรเปลี่ยนแผ่นดินให้กลายเป็นดั่งเตาเผา
“ฆ่า!”
หยวนซั่วกระทืบพื้นยันตัวลอยขึ้นแล้วฟาดดาบใส่นับครั้งไม่ถ้วนจนดาบเล่มใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากนั้นเขากำด้ามจับของดาบแน่นก่อนจะตัดสินใจทิ้งดาบลงแล้วเลือกใช้หมัดมวยสู้เอา…หมัดสะท้านโลก!
บึ้ม!
การโจมตีไม่ขาดสายของหยวนซั่วในเวลานี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
กระทั่งทำเอาสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือสุริยะพรายคนนี้แทบไม่มีจังหวะโจมตีกลับเลย เขาถูกหยวนซั่วรัวหมัดใส่ติดต่อกันนับสิบหมัดจนต้องถอยกรูดไปด้านหลัง
ก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่นและมีคนตัวปลิวกระเด็นออกไป
เลือดพุ่งกลางอากาศ!
ผู้แข็งแกร่งผมยาวโดนหมัดโจมตีจนตัวปลิวโดยทิ้งรอยหมัดเด่นหราไว้กลางหน้าอก
ต่อให้หยวนซั่วเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่ยอมออมมือ!
เขากระโดดขึ้นกลางอากาศเตะเท้าฝ่ามวลอากาศ!
วินาทีนี้การต่อสู้ของทั้งสองเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นซึ่งระดับความรุนแรงมากกว่าสุริยะพรายสองคนที่อยู่ไกลออกไปเสียอีก ภายใต้สถานการณ์ต่อสู้ในตอนนี้ฝนหยุดตก ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงสว่างปกคลุมไปทั่วหล้า
“หยวนซั่ว!”
ผู้แข็งแกร่งผมยาวตะโกนเสียงเข้มทีหนึ่งพลางปล่อยพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติทะลักออกจากตัวจนปกคลุมไปรอบทิศ สิ่งของประเภทโลหะทยอยถูกเปลี่ยนรูปแบบกลายเป็นดาบนับหมื่นพุ่งไปหาหยวนซั่ว!
มันเร็วเกินไป ทั้งคู่เพิ่งเริ่มปะทะกันเพียงครู่เดียวแต่กลับแลกกระบวนท่ากันไปหลายกระบวนท่าแล้ว
หยวนซั่วในตอนนี้เหมือนหมีสีน้ำตาลก็ไม่ปาน เท้ากระทืบพื้นจนสั่นสะเทือน เสียงดังกระหึ่มเพราะพื้นทรุดถล่มลงทิ้งไว้เพียงเศษซาก จากนั้นก็กระโดดขึ้นปล่อยหมัดใส่!
ดาบโลหะนับไม่ถ้วนที่พุ่งมาทางตนแตกสลายไปทีละนิด
“พลังเหนือธรรมชาติแล้วยังไง”
หยวนซั่วราวกับเซียนมาร เขายกขาวาดกลางอากาศ เตะทีเดียวดาบโลหะที่จู่โจมมาก็แหลกละเอียด
ตู้ม!
ทั้งคู่ประชิดตัวกันอีกครั้ง ในระดับความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ หลี่ฮ่าวจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงขั้นมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
……
เขารู้เพียงว่าอาจารย์ช่วงชิงจังหวะลงมือได้ก่อน
ผู้แข็งแกร่งผมยาวกระอักเลือดกระเด็นลอยออกไป สงสัยจะเสียเปรียบ ซึ่งเสียเปรียบเท่าไรนั้นเขาไม่อาจรู้ได้
……
จังหวะนี้
การต่อสู้ของสุริยะพรายที่อยู่ไกลออกไปพลันก็หยุดชะงัก
หวงอวิ๋นสภาพอนาถไปสักหน่อย เนื้อตัวดำไหม้เหมือนเพิ่งถูกแผดเผามา ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นห่วงตัวเองแต่กลับมองไกลออกไปด้วยสีหน้าตกตะลึงปนเหม่อลอย
หยวนซั่ว!
ส่วนอีกคน…
หวงอวิ๋นมองไปยังคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันก็เผยสีหน้าตกใจปนโกรธ “เป็นพวกแกจริงๆ ด้วย! นั่นเป็นปรมาจารย์เซียนดับสวรรค์เหรอ”
ปรมาจารย์เซียน!
ไม่ใช่ลำดับขั้นแต่เป็นชื่อเรียกปรมาจารย์เซียนสวรรค์โปรด ซึ่งหมายความว่าอีกฝ่ายกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่วินาทีที่พลังเหนือธรรมชาติปรากฏ เขากลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติติดตัวมาตั้งแต่แรกโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความมุมานะพยายามในการฝึกฝนเลยสักนิด
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่ง
ได้ข่าวว่าปรมาจารย์เซียนดับสวรรค์คนนี้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่พลังเหนือธรรมชาติผงาดขึ้นมา ซึ่งเวลาก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว เป็นหนึ่งในคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติทรงคุณวุฒิมากที่สุด และเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดด้วย
เขาอยู่เหนือลำดับขั้นสุริยะพรายเสียอีก!
ผู้แข็งแกร่งพลังสายฟ้าที่อยู่ตรงข้ามก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “คิดไม่ถึงว่าหยวนซั่วจะเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์แล้ว…มิน่าพวกแกถึงกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ใจกล้าไม่เบา!”
ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์!
ในมณฑลหยินเยวี่ยแทบหาตัวได้ยากแล้ว หยวนซั่วเป็นถึงปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวของมณฑลหยินเยวี่ยในตลอดเวลาหลายปีนี้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าถึงแม้พันยุทธ์จะน่ากลัว แต่คนตรงข้ามเป็นถึงปรมาจารย์เซียนดับสวรรค์เชียวนะ!
หวงอวิ๋นกัดฟันไม่พูดอะไร
เพราะเรื่องที่หยวนซั่วกลายเป็นปรมาจารย์พันยุทธ์เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหยวนซั่วจะใจกล้าขนาดนี้ แต่ก็โชคร้ายเหลือเกินที่ออกตัวครั้งแรกก็เจอปรมาจารย์เซียนดับสวรรค์เลย
เรื่องยุ่งยากเสียแล้ว!
…………………………………………………………………..