ตอนที่ 46-2 ทะลวงร้อย (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 46 ทะลวงร้อย (2)

ในสายตาทุกคนหลี่ฮ่าวก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง

บางทีหลังจากดูดซับพลังลี้ลับเข้าไป เขาอาจจะเข้าสู่ขอบเขตแสงดาราหรือสิบสังหารได้เร็วขึ้นบ้าง…ส่วนเรื่องอื่นๆ ทุกคนไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น ในเมื่อหนทางยังอีกยาวไกล

ส่วนหลี่ฮ่าวแอบกรีดร้องในใจ

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้โลกรู้!

ทุกคนไม่รู้ ตนถึงจะมีโอกาสจู่โจมพวกเขาได้ แต่หากรู้กันหมดแล้วเขาจะยังจู่โจมอย่างไรได้อีก

“ผู้อำนวยการ งั้นผมจะใช้อะไรเก็บพลังลี้ลับล่ะครับ”

มู่เซินไม่ตอบแต่เดินไปข้างๆ หยิบของบางอย่างที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวสีขาวมาจากตู้กระจก ทีแรกหลี่ฮ่าวยังดูไม่ออก

แต่ไม่นานสายตาหลี่ฮ่าวก็เปลี่ยนไป

กระดูกมนุษย์!

เป็นไปตามคาด เมื่อมู่เซินยิ้มเอ่ยจางๆ “ใช้อันนี้! แน่นอนว่าเธอใช้เสร็จอย่าลืมเอามาคืนล่ะ! พลังลี้ลับใช้ของทั่วไปเก็บรักษาไม่อยู่ นอกจากกระจกครอบผลึกเหมันต์แล้ว ความจริงสิ่งที่เก็บรักษาได้ง่ายที่สุดก็คือร่างกายมนุษย์…แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกคนนะ! อย่างน้อยต้องอยู่ในลำดับขั้นสุริยะพราย กระดูกของพวกเขาจะย่อขนาดพลังลี้ลับได้!”

ครั้งนี้ฆ่าสุริยะพรายกับไตรสุริยาไปขั้นละคน เมืองหยินถึงมีสิ่งนี้ได้

มิน่ามู่เซินบอกว่าก่อนหน้านี้ทำไม่ได้

“กระดูกผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ช่วยย่อขนาดเก็บพลังลี้ลับได้ ไม่อย่างนั้นผู้แข็งแกร่งเองก็คงร่างแตกระเบิดเหมือนกัน! ความจริงผิวหนังของพวกเขาก็เก็บรักษาได้…แต่สองคนที่ตายไปครั้งนี้ถูกอาจารย์เธอหั่นเละไม่เหลือชิ้นดี เหลือแต่กระดูกที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วนผิวหนังเหรอ…อย่าไปคิดเลย!”

หลี่ฮ่าวหน้าเจื่อนทำท่าสะอิดสะเอียนใจนิดๆ ใบหน้าดูซีดเซียวขึ้นมาเล็กน้อย

มู่เซินมองเขาแวบหนึ่งก็ยิ้ม “กลัวเหรอ”

หลี่ฮ่าวตอบเสียงแหยงๆ “เปล่าครับ ไม่ได้กลัว เพียงแต่…เพียงแต่ว่า…ผู้อำนวยการ มีแต่อันนี้ที่ใช้ได้เหรอครับ”

“ใช้อย่างอื่นก็ได้ อย่างเช่นวัตถุเหนือธรรมชาติ เธอมีเหรอ”

เขายิ้ม “ตามเงื่อนไขที่เมืองหยินมีอยู่ตอนนี้ มีเจ้านี่ไว้เก็บพลังลี้ลับก็ดีไม่หยอกแล้ว นี่เธอยังเรื่องมากอีกหรือไง พลังลี้ลับของอาจารย์เยอะกว่านี้อีก ต้องใช้หัวของไตรสุริยาคนนั้นถึงจะเก็บรักษาไว้ได้เชียวล่ะ!”

หลี่ฮ่าวหน้าซีดลงกว่าเดิม ไม่นานก็กัดฟันทำหน้าเหมือนอยากตายออกมา

มู่เซินมองเขาแวบหนึ่ง ลอบถอนหายใจเงียบๆ

ยังอ่อนหัดนัก!

ไม่ต่างจากวัยรุ่นเหล่านั้นของผู้พิทักษ์รัตติกาลเลย เพราะเขาไม่เคยผ่านโลกอะไรมาก่อน หลี่ฮ่าวพบเห็นอะไรมาน้อย ต่อให้เป็นศิษย์ของหยวนซั่วแต่ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเรียนวิชายุทธ์มา เขาย่อมเผยท่าทีรังเกียจของคาวเลือดพวกนี้ตามคาดอยู่แล้ว

เขาไม่พูดอะไรอีกแล้วเริ่มเก็บพลังลี้ลับตามคำขอร้องของหลี่ฮ่าวอย่างรวดเร็ว

โลหะ ไม้ น้ำอย่างแปดลูกบาศก์ ดินหกลูกบาศก์ ลมกับสายฟ้าอย่างลูกบาศก์

ไม่ใช่กระดูกชิ้นเดียว เขาใช้กระดูกมากถึงหกชิ้นและเก็บแยกกัน

สักพักเขาก็นำกระดูกหกชิ้นใส่ในถุงดำเล็กๆ พลางยื่นให้หลี่ฮ่าว “กลับไปค่อยๆ ดูดซับ! ไม่ต้องรีบ! ดูดซับเสร็จเมื่อไรค่อยเอาของมาคืน ของพวกนี้ยังเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้ ของที่เก็บรักษาพลังลี้ลับได้ในเมืองหยินยังมีน้อยเกินไป!”

จากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า “เรื่องนี้มีน้อยคนนักที่รู้ อย่าแพร่งพรายออกไปเชียว แบบนี้จะได้ไม่เกิดปัญหา! เผื่อเผลอไปกระตุ้นความกระหายของใครเข้า พลังลี้ลับสามสิบสองลูกบาศก์ที่ตลาดมืดขายได้หลักสิบล้านเลยนะ! สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เงินเยอะขนาดนี้มากพอจะทำให้พวกเขามองข้ามทุกอย่างได้!”

“ขอบคุณผู้อำนวยการที่เตือนครับ!”

หลี่ฮ่าวพูดขอบคุณก่อนจะหิ้วถุงสีดำเล็กๆ เดินออกไปในสภาพหน้าซีด

……

รอพักหนึ่งหลี่ฮ่าวก็หายไปจากหน้าประตูโกดัง

อีกสักพักหลิวเยี่ยนก็มา

พอเจอมู่เซินก็พยักหน้าน้อยๆ มู่เซินก็หัวเราะทีหนึ่ง นึกๆ แล้วก็พูดไปว่า “เมื่อกี้เจ้าหลี่ฮ่าวมาเอาส่วนของเขากลับไปแล้ว ทีมล่าปีศาจของพวกเธอช่วยฝึกฝนเขาในปริมาณที่เหมาะสมหน่อยก็ดีนะ! ในเมื่อเข้ามาพัวพันในขอบเขตนี้แล้วก็ควรได้เปิดหูเปิดตาเยอะๆ เขาขี้กลัวเกินไป เมื่อกี้กระดูกมนุษย์แค่ชิ้นเดียวก็ทำเอาหน้าซีดแล้ว ถ้าฉันยังไม่ปล่อยให้เขากลับไปคงฉี่ราดรดกางเกงแหง…”

หลิวเยี่ยนแววตาดูแปลกพิกล

หล่อนมองมู่เซินแวบหนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ถึงพยักหน้าตอบรับอย่างยากลำบาก “ค่ะ! เขาเป็นคนมีการศึกษา เป็นพวกหนอนหนังสือ ไม่เคยเห็นเลือดอะไรมาก่อน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว!”

ในใจกลับกระแนะกระแหนไม่หยุด!

เจ้านั่นไม่ใช่คนดี!

โกหกกันอีกแล้ว!

เห็นกระดูกมนุษย์แล้วฉี่ราดหรือ

ฉันต่างหากที่เกือบจะฉี่ราดเพราะเขา ก่อนหน้านี้ตอนฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายน้ำ เขาฆ่าได้…ทำเอาพูดไม่ออกเลย

แค่เจ้านี้อะนะ?

ตกใจจนเข่าอ่อนเพราะกระดูกมนุษย์หรือ

หลอกใครกัน!

เมื่อก่อนดูไม่ออกแต่ตอนนี้หลิวเยี่ยนรู้แล้ว นี่คือหน้ากากของหลี่ฮ่าว เจ้าหมอนั่นทั้งร้ายกาจทั้งใจกล้า แถมยังเลือดเย็นโรคจิตวิปริตด้วย หากใครหลงเชื่อเขา คนๆ นั้นก็ต้องตายอย่างอนาถที่สุด!

เธอไม่พล่ามอะไรกับมู่เซินมาก ถือเป็นเรื่องดี

เพราะไม่มีใครรู้ดีที่สุด!

ถ้ารู้กันหมดว่าหลี่ฮ่าวชั่วร้ายและเป็นโรคจิต ครั้งนี้พวกเขาคงไม่มีทางรอดกลับมาได้แล้ว เพราะเจ้าหมอนั่นร้ายกาจตีสองหน้าแบบนี้ไงถึงหลอกฆ่าคนพวกนั้นไปได้ตั้งสองคน

“หนอนหนังสือเหรอ!”

มู่เซินเอ่ย “หยวนซั่วเป็นหนอนหนังสือตัวปลอมแต่กลับสอนลูกศิษย์ที่เป็นหนอนหนังสือตัวจริงออกมาได้! ไม่รู้ว่าตอนนี้หลี่ฮ่าวจะมองเข้ายังไงบ้าง ศาสตราจารย์ที่อ่อนแอในอดีตกลับกลายเป็นจอมมารฆ่าคนโดยไม่สะทกสะท้านสักนิด!”

เขายังแอบกลัวแทนหลี่ฮ่าวด้วยซ้ำ

หลิวเยี่ยนฝืนยิ้มทีหนึ่ง ไม่นานก็พูดเบี่ยงประเด็นว่า “ผู้อำนวยการ ฉันมาเอาของค่ะ!”

อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย!

หลี่ฮ่าวจะมองอย่างไรงั้นหรือ

อย่าห่วงเขาเลย!

เธอยังแอบกังวลด้วยซ้ำว่าหยวนซั่วจะรับไม่ได้ที่ลูกศิษย์ตัวเองเป็นนักฆ่าเลือดเย็นคนหนึ่ง!

มู่เซินไม่พูดอะไรอีก ได้แต่หัวเราะคิกคักแล้วพาหลิวเยี่ยนเดินเข้าไปข้างใน เขาชอบพูดคุยสัพเพเหระกับสาวๆ ที่สุดแล้ว เสียดายที่หลิวเยี่ยนเป็นดั่งกุหลาบมีหนาม เขาเลยทำได้แค่พูดหยอดไปเท่านั้น หากอีกฝ่ายยอมเล่นด้วยจริงๆ เขายังไม่กล้าคิดเป็นจริงเป็นจังด้วยซ้ำ

……

ในขณะเดียวกัน

หลี่ฮ่าวไม่ได้กลับบ้านแต่เลือกมุ่งหน้าไปที่กู่ย่วนเมืองหยิน

เวลานี้บ้านอาจารย์ปลอดภัยกว่า

หากตอนดูดซับเกิดปัญหา บางทีอาจารย์อาจจะมีวิธีแก้ไขได้

……

ณ ลานบ้านกว้างของตระกูลหยวน

หยวนซั่วเองก็กลับมาแล้ว ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติละแวกเมืองหยินมีไม่มาก เขาไปตระเวนหาหนึ่งรอบแต่ฆ่าได้ไม่กี่คน ส่วนจะยังเหลืออยู่หรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ แต่ถึงจะยังหลงเหลืออยู่แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ข่าวการตายของคนอื่นๆ ก็คงหายตัวไปในอีกไม่ช้าหรอก

บัดนี้เขาไม่มีใครคอยปกป้องแล้ว เพราะไม่จำเป็น

พวกหูฮ่าวกับหลี่เมิ่งได้ตำราใหม่ห้าปาณภูตไป เวลานี้ใจคิดแต่จะรีบกลับไปลองฝึกเลยไม่มีเวลามาที่นี่อีก ยิ่งไปกว่านั้นหยวนซั่วก็ไม่ได้อยากให้ใครคอยจับตามองเขาด้วยจึงไล่กลับไปหมด

กระทั่งหลี่ฮ่าวมาถึง แต่ลานบ้านกลับเงียบเชียบไร้ผู้คน

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแต่ไฟยังสว่างโร่ สองวันนี้คนในเมืองหยินที่นอนหลับอย่างสบายใจมีไม่มากนัก

“อาจารย์!”

หลี่ฮ่าวเห็นหยวนซั่วอยู่ในห้องนั่งเล่น หยวนซั่วในตอนนี้กำลังกินอะไรบางอย่างอยู่ และจนถึงตอนนี้หลี่ฮ่าวถึงรู้สึกว่าตนหิว เพราะเหมือนจะไม่ได้กินข้าวมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว

“กินหน่อยไหม”

“ขอบคุณครับอาจารย์!”

หลี่ฮ่าวก็ไม่เกรงใจ เดินไปนั่งแล้วลงมือกินจนปากมันแผล่บ

ตอนหยวนซั่วกินข้าวก็ไม่ได้เรียบร้อยไปกว่ากันเท่าไร เขาหัวเราะมองหลี่ฮ่าวกินข้าวด้วยแววตาที่นานๆ ทีจะเผยให้เห็นความอ่อนโยน เขาแก่แล้วแถมยังบาดเจ็บอีก เตรียมจะวางมือใช้เวลาช่วงบั้นปลายของชีวิตอย่างเป็นทางการ ฝึกลูกศิษย์คนหนึ่งเพื่อสืบทอดวิชาความรู้ของเขาต่อไป

ในหัวของเขามีตำราโบราณมากเกินไป ซึ่งตำราเก่าแก่เหล่านั้นล้วนถูกเขาทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว

หากตายไปทั้งอย่างนี้ ตำราโบราณเหล่านั้นก็คงหายสาบสูญไปอย่างแท้จริง อย่างนั้นก็คงน่าเสียดายเกินไป

เดิมทีเขาคิดจะใช้เวลาหลายปีนี้สืบทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับหลี่ฮ่าว หลี่ฮ่าวไม่ใช่ผู้สืบทอดวิชายุทธ์ที่เขาเลือกเอาไว้ แต่เป็นผู้สืบทอดวิชาความรู้ของเขาต่างหาก

ตำราใหม่ห้าปาณภูตก็แค่ช่วยให้หลี่ฮ่าวมีสุขภาพร่างกายแข็งแกรงยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น

ใครจะรู้ได้ว่าสุดท้ายหลี่ฮ่าวกลับบังเอิญก้าวสู่เส้นทางปรมาจารย์นักรบ

ส่วนตนก็ยังมีความโชคดีในความโชคร้าย เพราะร่างกายที่บาดเจ็บจึงรับลูกศิษย์คนนี้มา แต่เขาดันก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์เสียได้

ความจริงเขาพึงพอใจต่อลูกศิษย์คนนี้อย่างมาก

แต่น่าเสียดายที่ต่อจากนี้ตนอาจจะยุ่งมาก ตำราโบราณที่มีอยู่เต็มหัวใช่ว่าจะมีเวลาเหลือเฟือถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์คนนี้แล้ว

พอหยวนซั่วคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเสียดาย

“เสี่ยวฮ่าว!”

“ครับ”

หลี่ฮ่าวแทะน่องไก่พลางเงยหน้ามองอาจารย์

หยวนซั่วยิ้มตาหยี “ช่วงนี้ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ต่อจากนี้ฉันอาจจะยุ่งเลยจะใช้เวลาตอนกลางคืนสอนอะไรเธอสักหน่อย ตอนนี้อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์แต่อนาคต…บางทีอาจจะมีประโยชน์มาก!”

………………………………………………………………