ตอนที่ 47-4 ข่าวดีของทีม (4)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 47 ข่าวดีของทีม (4)

หลี่ฮ่าวถอนหายใจ “ลูกพี่ครับ ต่อให้พลังลี้ลับขายได้หรือไม่ผมก็ไม่กล้าขายหรอก ถ้าไม่มีเงิน…ทำอะไรก็ยาก! เมื่อคืนผมทำพื้นอิฐของอาจารย์ผมพัง อาจารย์ให้ผมซ่อม เช้าวันนี้ผมลองไปถามดูแล้ว ถ้าเปลี่ยนหมดต้องใช้เงินแสนกว่า!”

“…”

หลิวหลงหมดคำจะพูด นี่หยวนซั่วยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า

คุณให้ศิษย์เปลี่ยนพื้นอิฐใหม่ให้คุณเนี่ยนะ

หลิวหลงไม่รู้จะตอบอย่างไร หลี่ฮ่าวเลยยิ้มถามว่า “พี่ใหญ่ หรือว่าพี่ให้ผมยืมเงินสักหน่อยสิ”

“หืม”

หลิวหลงชะงักไปพักหนึ่ง ดูท่าทางอึดอัดหน่อยๆ “ผมก็ไม่มีเงิน!”

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

หลี่ฮ่าวมองเขาอย่างหมดคำจะพูด งกจริงๆ แค่นี้ก็ไม่ให้ยืม

อย่างน้อยก็เป็นถึงผู้บังคับการตรวจตรา เงินเดือนสูงลิ่วขนาดนั้น

จะไม่มีเงินได้อย่างไร

หลิวหลงก็ไม่อธิบายใดๆ เขาไม่มีจริงๆ เขาไม่เคยดูบัญชีเงินของตัวเองด้วยซ้ำเพราะให้คนอื่นไปหมด ตอนนี้เขาสนแค่เรื่องพลังลี้ลับ เรื่องอื่นเขาไม่สนใจแล้ว พอเงินเดือนออกก็แบ่งให้ครอบครัวพี่น้องที่เสียชีวิตไปจนเกลี้ยง

ความจริงคนอื่นๆ ในทีมก็ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่ได้มีความต้องการเรื่องเงินทองสูงนัก ทีมล่าปีศาจมีคนเสียชีวิตไปยี่สิบกว่าคน ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสถานะโสด พลังลี้ลับแบ่งให้ครอบครัวพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นเลยทำได้แค่ใช้เงินชดเชยให้แก่พวกเขา

ทุกคนแทบจะกินใช้ของทางการทั้งหมด แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดเครื่องแบบของกองตรวจการณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีท่าทีเพิกเฉยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องเงินกันมาก

หลี่ฮ่าวเห็นดังนั้นก็จำต้องล้มเลิกความคิดที่จะยืมเงินไป

พวกยาจก!

แม้ตอนนี้แต่ละคนจะได้รับแบ่งพลังลี้ลับไปไม่น้อย แต่ใช้เองยังถือว่าน้อยมากเลยไม่มีใครคิดจะขายมัน ขอแค่กินอิ่มท้องก็พอ ใครจะสนใจกันว่ามีเงินติดตัวหรือไม่

หลี่ฮ่าวไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่นานก็พูดว่า “พี่ใหญ่ เมื่อคืนผมกลับไปถามอาจารย์ผมมาว่าปรมาจารย์นักรบจะก้าวสู่ลำดับพันยุทธ์ได้ยังไง อาจารย์ผมไม่ได้ปกปิดเป็นความลับอะไร หลักๆ เขาพูดถึงสถานการณ์ของพี่ บอกว่าพี่อยู่ในขอบเขตทะลวงร้อยระดับสมบูรณ์! แม้ว่าพลังจะถึงขอบเขตแล้วแต่กลับสัมผัสพลังจิตวิญญาณไม่ได้ ฉะนั้นพี่ถึงไม่นับว่าเป็นทะลวงร้อยระดับสมบูรณ์จริงๆ”

หลิวหลงเกิดสนใจขึ้นมาทันตา คนอื่นๆ ก็รีบเงี่ยหูฟังไปด้วย

หลิวเยี่ยนที่เพิ่งก้าวสู่ขอบเขตทะลวงร้อยก็รีบดึงเสื้อเชิ้ตของหลี่ฮ่าวไว้ พวกเขาไม่สามารถก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้ ถ้ารู้ความลับเกี่ยวกับพันยุทธ์สักนิดก็ถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยวมามากทีเดียว

หลี่ฮ่าวพูดต่อ “ความหมายของอาจารย์ผมคือ หลักๆ เพราะพี่ยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของตำราเก้าหลอมแรงปราณ ตอนนั้นเพื่อที่เขาจะหยั่งถึงพลังจิตวิญญาณเลยขึ้นไปอยู่บนเขาเป็นเพื่อนเสือสิงโต ลองสัมผัสพลังจิตวิญญาณของเคล็ดวิชาห้าปาณภูตดู ซึ่งก็คืออานุภาพ!”

“รายละเอียดอาจารย์บอกว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เคล็ดวิชาลับก็ต่างกัน ฉะนั้นขึ้นอยู่กับการหยั่งถึงแก่นแท้ของเคล็ดวิชาลับนั้นๆ! แก่นแท้ของเคล็ดวิชาห้าปาณภูตก็คืออานุภาพตอนที่ห้าปาณภูตไล่ล่าฆ่าตามธรรมชาติ ส่วนตำราเก้าหลอมแรงปราณ…อาจารย์ไม่เคยฝึก เขาเลยพูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าหากลูกพี่ยังหยั่งถึงจุดนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้เลย!”

หลิวหลงจมอยู่ในห้วงความคิด

พลังจิตวิญญาณ!

อานุภาพ!

เขารู้ศัพท์พวกนี้แต่รายละเอียดที่ว่าควรหยั่งถึงอย่างไรเขาไม่รู้จริงๆ จุดนี้ต่อให้เป็นคุณพ่อเขาก็ไม่เคยบอก เพราะบางทีก่อนที่คุณพ่อจะจากไปก็ยังหยั่งถึงสิ่งเหล่าไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นพ่อของเขาไม่มีทางด้อยไปกว่าหยวนซั่วแน่นอน

แก่นแท้ของตำราเก้าหลอมแรงปราณหรือ

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคิดไม่ตก แต่อย่างน้อยก็รู้ทิศทางที่ควรมุ่งหน้าต่อแล้ว เขามองหลี่ฮ่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์คุณให้คุณมาบอกเหรอ”

“เปล่าครับ”

หลี่ฮ่าวยิ้มใสซื่อเอ่ย “อาจารย์บอกผมเอง ในเมื่อเกี่ยวกับลูกพี่ ผมก็ต้องมาบอกลูกพี่สิ!”

“ฮ่าๆ!”

หลิวหลงหัวเราะ ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่หยอก

หัวเราะอยู่สักพักเขาก็โบกมือ “เอาเถอะ! น้ำใจนี้ผมรับไว้แล้ว ถือว่าเป็นหนี้บุญคุณแล้วกัน ส่วนหยวนซั่ว…ผมไม่สนใจเขาแล้ว”

พูดจบก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “ถือโอกาสในช่วงไม่กี่วันนี้ หยวนซั่วได้กวาดล้างผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปบางส่วน เราเลยมีเวลาว่าง ใครที่ควรดูดซับพลังลี้ลับก็ดูดซับไป ใครที่ควรฝึกก็ฝึกต่อไป แต่ถ้าไม่มีอะไรทำจะไปช่วยภารกิจของหน่วยปฏิบัติการก็ได้เช่นกัน”

พูดจบก็มองหลี่ฮ่าวอีกที “คุณฝึกตำราเก้าหลอมแรงปราณ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามผมได้ แต่หลักๆ คุณฝึก ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ อย่าสับสนเรื่องสำคัญเชียว ตำราเก้าหลอมแรงปราณมีผลต่อร่างกาย ซึ่งสู้ตำราใหม่ห้าปาณภูตไม่ได้”

เขารู้เรื่องเกี่ยวกับสมบัติสืบทอดประจำตระกูลของเขาดี เพราะมันสามารถทำร้ายผู้อื่นและตัวเองได้ หลี่ฮ่าวฝึกได้ก็ฝึก ฝึกไม่ได้ก็ช่าง

ว่าถึงนี่พานนึกถึงอะไรเข้าก็ปริเสียงถามว่า “เจ้าเสือดำล่ะ”

ไม่เจอเจ้าเสือดำมาหลายวัน เขาแอบคิดถึงมันพอสมควร

หลี่ฮ่าวยิ้มตอบ “อยู่กับอาจารย์ครับ”

เจ้าหมอนี่แอบฝึกวิชาคายรับห้าปาณภูตไป เมื่อวานก็ได้ดูดซับพลังเงาโลหิตไปอีกส่วนหนึ่ง ตอนนี้เหมือนจะอยู่ในระยะการเปลี่ยนแปลง อาจารย์ถึงรั้งเจ้าเสือดำไว้ ส่วนจะสั่งสอนหรือทุบตีอย่างไรหลี่ฮ่าวไม่สนละ

หลิวหลงพยักหน้านิดๆ และไม่ถามอะไรอีก ในเมื่ออยู่กับหยวนซั่วเขาก็ไม่ควรถามอะไรไปมากกว่านี้

ส่วนหลี่ฮ่าวเห็นเขาจะไปก็โพล่งว่า “ลูกพี่ ผมออกไปเดินเล่นหน่อยนะ”

“ตอนนี้น่ะเหรอ”

“ครับ ผมอยากไปที่สุสานเสี่ยวหยวนสักหน่อย”

“อ้อ!”

หลิวหลงนึกถึงเรื่องนี้ก็พยักหน้า “ไปเถอะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรหรอก อาจารย์คุณกับหัวหน้าเฮ่อต่างก็อยู่คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่อย่าออกนอกเมืองเด็ดขาด ระวังเจอคนของชาดจันทรา”

เขาพูดกำชับไปไม่กี่ประโยคก็อ้างว่ามีธุระแล้วขอตัวไปก่อนโดยไม่พูดพล่ามอะไรอีก

พอเขาจะไปหลิวเยี่ยนก็เปิดปากเอ่ย “เสี่ยวฮ่าวฮ่าว ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่ต้องหรอกครั้บ ผมไปเองก็พอ”

เพราะเป็นสุสานหลิวเยี่ยนจึงไม่ฝืนใจ

รอกระทั่งหลี่ฮ่าวออกไปจากห้องชั้นใต้ดินแล้ว หลิวเยี่ยนก็เผยท่าทีกับสายตาแปลกๆ เมื่อกี้…ตอนที่เจ้าหมอนี่พิงตัวหล่อน หลิวเยี่ยนสัมผัสได้ชัดเจนกว่าคนอื่นมากโข

เขาเลือดไหลเวียนเร็วมาก!

ทีแรกเธอนึกว่าหมอนี่เลือดไหวเวียนเร็วเพราะตื่นเต้นที่ตนซบ

สุดท้ายพอลองสังเกตคร่าวๆ แล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิด

เพราะรักษาระดับความเร็วประมาณนี้อยู่ตลอด!

‘เลือดไหลเร็วขนาดนี้เชียว…’

เธอมองไปยังทิศทางที่หลี่ฮ่าวเดินจากไป พลันก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา

หมอนี่คงพัฒนาขึ้นอีกแล้วสินะ

หากเป็นอย่างนี้แต่เขาไม่เอ่ยถึงเลย เห็นทีเตรียมจะหลอกคนให้ถึงที่สุดเลยสิท่า

จากนั้นก็หันกลับมาคิดถึงตัวเอง เมื่อคืนก้าวสู่ขอบเขตทะลวงร้อย…ความจริงเธอไม่ได้ดีใจอย่างที่แสดงออกไปเลยสักนิด เนื่องจากเข้าสู่ขอบเขตทะลวงร้อย การคิดจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็ยากขึ้นไปอีก ฉะนั้นเมื่อคืนเธอเลยร้องไห้ปล่อยโฮอย่างเจ็บใจ

สุดท้ายก็ปรับสภาพจิตใจแล้วมาประกาศเป็นข่าวดีในวันนี้

ณ ตอนนี้พอนึกถึงหลี่ฮ่าวอีกทีก็ถอนหายใจเงียบๆ อย่ามาหมกมุ่นอยู่กับสายทางปรมาจารย์นักรบเลย ปรมาจารย์นักรบไม่มีอนาคตหรอก ครั้นนึกถึงเหล่าผู้พิทักษ์รัตติกาลที่มีพวกวัยรุ่นเป็นจันทราทมิฬตั้งแต่อายุยังน้อย หลิวเยี่ยนก็ทั้งอิจฉาทั้งริษยา

เธอหวังว่าหลี่ฮ่าวจะรีบก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่พัฒนามาอยู่ในสายทางปรมาจารย์นักรบ

“ทำความสะอาดสุสาน…”

หลี่ฮ่าวไปทำความสะอาดสุสาน บางทีหล่อนก็ควรไปเยี่ยมเจ้าบ้านั่นหน่อยเหมือนกัน

ไม่ได้ไปทำความสะอาดสุสานนานแล้ว!

บัดนี้ก้าวสู่ขอบเขตทะลวงร้อย ความหวังที่จะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจึงแตกสลาย บางทีตนควรจะไปเยี่ยมหาเขาสักหน่อยแล้ว

……………………………………………………………………