ตอนที่ 53 ตระกูลเฉียว (2)
หวังหมิงเข้าใจอย่างถ่องแท้!
วิธีลับของทีมล่าปีศาจนี่เอง!
เพียงแต่…อีกฝ่ายมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ
เขาทำท่าไม่อยากจะเชื่อ เขามองหลี่ฮ่าวอีกทีพร้อมขมวดคิ้วมุ่น หลี่ฮ่าวเอ่ยเตือนว่า “ขับรถดีๆ!”
หวังหมิงรีบตั้งสติขับรถต่อไปแต่ยังรู้สึกอัศจรรย์อยู่บ้าง “คุณพูดจริงเหรอ หยินเหอกรุ๊ปมีปรมาจารย์จันทราทมิฬสามคนหลบซ่อนอยู่จริงเหรอ บอกตามตรงว่าตอนนี้ระดับจันทราทมิฬมีไม่น้อยก็จริง แต่หลักๆ มักรวมตัวกันอยู่ในองค์กรใหญ่ต่างๆ ส่วนที่กระจัดกระจายออกมายังมีไม่เยอะ ที่หนึ่งมีคนหนึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สามคน…กลับไม่ค่อยปกติแล้ว”
“เรื่องจริง!”
หลี่ฮ่าวคิดๆ แล้วก็กล่าวว่า “อีกอย่างหนึ่งในนั้นความสามารถพอๆ กับคุณ”
หลักๆ เพราะพลังแสงขนาดใกล้เคียงกัน
หลี่ฮ่าวค้นพบแล้วว่าขอแค่อยู่ระยะห่างไม่ไกลจากตนมาก ตนก็สามารถมองเห็นพลังแสงนั้นได้
แน่นอนว่าพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่ในระดับต่างกัน ระยะทางที่สามารถมองเห็นได้ก็ต่างกันไปด้วย
อย่างเช่นระดับไตรสุริยา ต่อให้อยู่ห่างกันหลายพันเมตรเขาก็มองเห็นอยู่ดี ตอนนี้เขายังจดจำพลังแสงขนาดใหญ่นั่นได้ดี
หากเป็นสุริยะพรายในระยะพันเมตรก็พอจะมองเห็น
จันทราทมิฬน้อยกว่าเยอะ ต้องห่างราวๆ ร้อยเมตรเขาถึงจะมองเห็นพลังแสงนั้นได้
ส่วนปรมาจารย์แสงดารา…เกรงว่าต่อให้เข้าไปใกล้หลี่ฮ่าวก็เห็นเพียงแสงริบหรี่ดั่งแสงดาวที่อ่อนมาก ดังนั้นพลังเหนือธรรมชาติทั่วไปปกปิดอะไรหลี่ฮ่าวไม่ได้
หยินเหอกรุ๊ปมีจันทราทมิฬสามคนจริงๆ หนำซ้ำหนึ่งในนั้นยังอยู่ในระดับจันทราเต็มดวงอีกด้วย
หวังหมิงขมวดคิ้วไม่หาย ณ ตอนนี้กลับไม่คิดว่าหลี่ฮ่าวกำลังหลอกเขาแล้ว เป็นไปได้จริงๆ ว่าหลี่ฮ่าวดึงดูดความสนใจของผู้อื่นเพื่อสร้างโอกาสให้คนที่สิบที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด
แต่เขายังไม่เข้าใจอยู่จุดหนึ่ง “คนนี้มีความสามารถระดับไหนถึงสามารถประเมินความสามารถอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวได้เช่นนี้กัน หรือว่าเป็นสายสืบสวนที่ถนัดตรวจสอบพลังเหนือธรรมชาติเหรอ งั้นอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับจันทราทมิฬหรือเปล่า!”
นี่เป็นเรื่องขั้นพื้นฐาน!
ทีมล่าปีศาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไร
สายสืบสวนนั้นสำคัญมาก มีหลายองค์กรมักเฟ้นหาตัวอยู่บ่อยๆ
ท่ามกลางผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายที่ถนัดการโจมตีนั้นไม่ค่อยได้รับความสำคัญเท่าไร ประเด็นเพราะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายโจมตีมากเกินไปจึงไม่จำเป็นต้องแย่งกัน ในทางกลับกันผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีพลังพิเศษจะได้รับความสนใจอย่างมาก
อย่างเช่นหลี่เมิ่งกับหูฮ่าวความจริงค่อนข้างได้รับความสนใจพอสมควร
อย่าเห็นว่าตำแหน่งสู้หวังหมิงไม่ได้ แต่ความจริงก็เป็นหนุ่มสาวมากความสามารถท่ามกลางผู้พิทักษ์รัตติกาลเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางส่งพวกเขามาปกป้องบุคคลสำคัญอย่างหยวนซั่วหรอก
หลี่เมิ่งมีดวงตาสวรรค์ เมื่อเปิดดวงตาที่สามก็จะสามารถมองเห็นหลายสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็นได้
หูฮ่าวบินได้ เขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายบิน หลังเลื่อนขั้นไปอยู่ระดับสุริยะพรายพลังจะถูกลดทอนลงอย่างมาก แต่ก่อนจะเลื่อนไปอยู่ขั้นสุริยะพรายกลับเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในด้านการรบ
เมื่อผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ในระดับสุริพราย โดยปกติก็จะสามารถบินได้
แน่นอนว่าบินได้ไม่ไกลเท่าไร
มีเพียงไตรสุริยาที่ถึงเวลานั้นพลังลี้ลับมีมากพอ การบินก็แทบไม่ใช่ความลำบากอีกต่อไป
ส่วนที่หลี่ฮ่าวบอกว่าทางเขามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติถนัดด้านการแฝงตัวหรือสืบสวน หวังหมิงย่อมให้ความสำคัญมาก นี่เป็นข้อมูลที่แม้แต่เบื้องบนยังไม่อาจรู้
ณ ตอนนี้เขาชักรู้สึกไม่ดีเท่าไร
หลี่ฮ่าว…ซื่อสัตย์จริงๆ กล้าพูดทุกอย่างจนหมดเปลือกเลย
ถ้าถูกหลิวหลงรู้เข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาไม่น้อย
แน่นอนว่าหวังหมิงก็ไม่ใช่คนปากสว่างอะไร
หลี่ฮ่าวพูดเสียงเบา “รายละเอียดผมบอกได้ไม่มาก ผมรู้แค่ว่าคนคนนี้หาข่าวมาให้เราได้มากก็พอ! เหล่าหวัง คุณก็อย่าถามเยอะเกินไป ผมเห็นแก่ที่เรารู้จักกันแถมคุณยังเป็นคนมีความเที่ยงธรรม ผมถึงบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้…ถ้าคุณแพร่งพรายออกไปต้องเกิดปัญหากับผมแน่”
“วางใจเถอะ!”
เขาพยักหน้ารับแต่ยังทำท่าไม่มั่นใจนัก “คุณมั่นใจนะว่าข้อมูลที่ได้รับถูกต้อง”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์!”
หวังหมิงสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง “ให้ตายเถอะ!”
ลำพังแค่หยินเหอกรุ๊ปที่เดียวก็มีจันทราทมิฬหลบซ่อนอยู่สามคนแล้ว แถมยังมีคนหนึ่งที่อยู่ในระยะจันทราเต็มดวงด้วย นี่มันบ้าอะไรกัน
ตอนหวงอวิ๋นให้ตนมาที่นี่ก็เคยเกริ่นไว้แล้วว่าทางนี้อาจจะมีปัญหาอยู่สักหน่อย…แต่ก่อนหน้านี้เขายังไม่ใส่ใจเท่าไร แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเมืองหยินไม่ปลอดภัยขึ้นมาแล้ว
“สุริยะพรายล้วนอยู่ระดับสูงในทุกกลุ่มอิทธิพล ไม่มีทางเสี่ยงง่ายๆ อยู่แล้ว! ส่วนจันทราทมิฬเดือนหงายต่างก็พยายามเพื่อจะเข้าสู่ขั้นสุริยะพราย ฉะนั้นผู้แข็งแกร่งที่กระตือรือร้นในปัจจุบัน โดยทั่วไปก็มักจำกัดถึงแค่ระยะจันทราเต็มดวง!”
เขาอธิบายเกร็ดความรู้แก่หลี่ฮ่าวเล็กน้อย รีบกล่าวว่า “ถ้ามีระยะจันทราเต็มดวงจริงๆ…เห็นทีหยินเหอกรุ๊ปจะมีจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์! ถ้าทำเพื่อปกป้องตัวเองอย่างเดียว มีจันทราทมิฬไว้แค่คนเดียวก็พอ ในสถานการณ์ทั่วไปคนอื่นไม่มีทางโจมตีบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้โดยพลการแน่นอน!”
หลี่ฮ่าวหยักหน้ารับ
ตอนนี้หวังหมิงกลับสงบลง
หลี่ฮ่าวก็ไม่พูดอะไรอีก
รถค่อยๆ เทียบจอด
ตอนนี้มาถึงสำนักงานใหญ่ของกิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปแล้ว
……
หน้าเคาน์เตอร์
ไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่อนุญาตให้พวกหลี่ฮ่าวเข้าไปแต่อย่างใด หน้าเคาน์เตอร์โทรเพียงกริ๊งเดียว ไม่นานเฉียวเผิงก็พาพนักงานไม่กี่คนเดินลงมาต้อนรับพวกหลี่ฮ่าวที่ชั้นล่างทันที
“ผู้บังคับการตรวจตราหลี่!”
ดูท่าทางเฉียวเผิงจะอายุราวๆ สามสิบกว่าปี ยังถือว่าหนุ่มมาก
หากมองข้ามสภาพอนาถาที่ถูกหลิวเยี่ยนจับล็อกกุญแจมือเมื่อวาน ความจริงดูแล้วก็เป็นหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ณ ตอนนี้เฉียวเผิงสวมชุดทางการ รูปร่างถือว่าสูงชะรูดพอตัว ใบหน้าจุดยิ้มทักทายหลี่ฮ่าวแล้วมองไปทางหวังหมิงที่ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าท่านนี้ชื่ออะไรครับ”
หลี่ฮ่าวไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรเหมือนก่อนหน้านี้ ตอบอย่างไม่เกรงใจเท่าไรว่า “รองหัวหน้าหวัง! คนใหญ่คนโตจากเมืองไป๋เยวี่ย! ประธานเฉียว บริษัทของคุณส่งข่าวไวคงไม่มีทางไม่รู้หรอกใช่ไหม”
หวังหมิงค่อนข้างเหนือคาดเล็กน้อย หลี่ฮ่าวเป็นคนที่เป็นมิตรมากพอตัวและแสดงท่าทีเกรงอกเกรงใจกับคนก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ต่อให้หยินเหอกรุ๊ปจะปกปิดข้อมูลเขา แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไร พอมาถึงนี่ทำไมถึงหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะ
เฉียวเผิงก็ไม่ใส่ใจ ยิ้มตอบว่า “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่ กิจการเหมืองแร่ของตระกูลเฉียวผมมีรากฐานอยู่แค่เมืองหยิน เมืองไป๋เยวี่ยเป็นเมืองใหญ่ กิจการเหมืองแร่ของเราเป็นเพียงธุรกิจขนาดธรรมดาที่นู้น…เราจะรู้อะไรได้มากไปกว่าองค์กรพลังเหนือธรรมชาติอย่างผู้พิทักษ์รัตติกาลได้ล่ะครับ คุณประเมินผมสูงเกินไปแล้ว”
ว่าแล้วพอเห็นท่าทางงุนงงของหวังหมิงเขาก็รีบอธิบายว่า “ระหว่างผมกับผู้บังคับการตรวจตราหลี่มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย หลักๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรองหัวหน้าหลิว ผมอายุสามสิบกว่าแล้ว คุณพ่อเร่งเร้าให้ผมหาคู่แต่งงานมาตลอด แววตาของผม…ค่อนข้างช่างเลือกน่ะครับ เมืองหยินตั้งกว้างใหญ่แต่บอกตามตรงก็มีแค่เธอที่เข้าตาผม แต่เสียดายที่เจ้าตัวไม่มีใจให้! เมื่อวานเธอไม่ค่อยพอใจผม ถูกผู้บังคับการตรวจตราหลี่เห็นเข้า อาจจะคิดว่าผมเอาแต่ตามตื๊อครับ น่าอายจริงๆ”
เขาบอกไปตามตรง หวังหมิงฟังแล้วก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
หลิวเยี่ยนกับหลี่ฮ่าว…อย่างไรเสียเมื่อช่วงเวลาทานข้าวเมื่อวาน ระหว่างหลิวเยี่ยนกับหลี่ฮ่าวเหมือนมีอะไรผิดแปลกไป คำพูดของหลิวเยี่ยนมักจะชวนให้คนคิดลึกได้ง่าย
ทีนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมหลี่ฮ่าวถึงไม่พอใจ
จากนั้นก็ลอบขำในใจว่าหลี่ฮ่าวเอ๋ยหลี่ฮ่าว นายนี่นา…หลิวเยี่ยนอายุน่าจะปาไปสามสิบแล้ว นายเพิ่งจะยี่สิบ นายก็เอาได้ลงจริงๆ…ก็ถูก ผู้ชายมักชอบสไตล์นี้กันทั้งนั้น หญิงสาวที่แต่งงานแล้วดีที่สุด
เหมือนเขาจะรู้เรื่องสำคัญเข้าเลยฉีกยิ้ม “ประธานเฉียว ไม่เป็นไร! ขอแค่เป็นการจีบที่ถูกต้องสมเหตุสมผล…แน่นอนว่าผมเชื่อว่าประธานเฉียวจะไม่มีวันทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม รองหัวหน้าหลิวเป็นถึงดาวประจำกองตรวจการณ์ของผมเชียว ถ้าทำเกินไปจริงๆ เราก็คงไม่ยอมง่ายๆ!”
ว่าแล้วก็ผลักหลี่ฮ่าวเบาๆ สื่อว่าเอาให้พอดีเถอะ
หลี่ฮ่าวทำหน้าไม่สบอารมณ์หน่อยๆ แต่ไม่พูดอะไรมาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พอได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างคุณกับพี่หลิว ผมไม่อยากยุ่งด้วย! แต่ผมขอเตือนคุณไว้เลย อย่าคิดว่าตัวเองเป็นรองประธานกิจการเหมืองแร่ของตระกูลเฉียวแล้วจะทำอะไรก็ได้! ตอนนี้มีบางอย่างที่พวกคุณรู้ดี ไม่ใช่ยุคสมัยที่เงินคือทุกสิ่ง คุณทำตัวให้ดีหน่อย!”
……………………………………………………………………………………..