ตอนที่ 55 จุดที่เหมือนกันของปรมาจารย์นักรบ (3)
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “ลูกพี่เชื่อถือได้! ในเมืองหยินผมเชื่อใจอาจารย์มากที่สุด รองลงมาก็ลูกพี่นี่แหละครับ”
“เหอะๆ!”
หลิวหลงยิ้มเย็นชาเอ่ย “ช่างเถอะ ผมไม่ต้องการ คุณเล่นของคุณไปเองเถอะ อย่าดึงผมไปตายด้วยเลย ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปี ผมมีความสามารถแค่ไหน ก็แค่ทะลวงร้อย! หากไตรสุริยาคนเดียวยังพอว่า แต่นี่ยังมีสุริยะพรายอีกสามคน…หลี่ฮ่าว คุณบ้าไปแล้วเหรอ”
บ้าไปแล้วจริงๆ!
ฆ่ากันเอง?
คาดหวังจะให้ฉันร่วมมือกับอาจารย์นายอย่างนั้นเหรอ
ถุย!
แค่ฉันบุกใส่ก็ถูกเขาฆ่าตายแล้ว
หลี่ฮ่าวขบคิดแล้วเอ่ย “ใช้ระเบิดถล่ม! ระเบิดภูเขาเหมืองแร่นอกเมืองคงไม่ส่งผลกระทบเท่าไร ดังนั้นปัญหาของสุริยะพรายทั้งสามคนผมลองไตร่ตรองดูแล้วครับ ขอแค่มีความกล้า พวกเราใช้อาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงหน่อยก็พอ!”
หลี่ฮ่าวเอ่ยหัวเราะคิกคัก “ส่วนเบื้องหน้าก็ง่ายมาก บอกแค่ว่าสมรู้ร่วมคิดกับชาดจันทรา…ไม่ต้องพูดถึงยมราชเลย! ไม่ต้องเปรยถึงด้วย ถึงอย่างไรเราก็ล่วงเกินชาดจันทราไปแล้วคงไม่ต้องกลัวหากจะล่วงเกินอีกสักครั้ง ยมราชเองก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายยอมรับเองแน่นอน พวกเขาวางคนไว้ในเมืองหยินแล้ว เพียงแค่ต้องยอมกล้ำกลืนความเสียเปรียบไปก็เท่านั้น”
“ลูกพี่ครับ อาวุธปืนไฟสามารถใช้ฆ่าสุริยะพรายได้ไหมครับ”
หลิวหลงตกอยู่ในห้วงความคิด ผ่านไปนานถึงเอ่ยว่า “หากไม่เหนือการคาดเดาคิดว่าอาจจะมีบ้าง แต่ความจริงสุริยะพรายก็มีอานุภาพบางส่วน และเจ้าอานุภาพนี้ยากที่จะพูดได้ ประสาทสัมผัสยามเผชิญอันตรายน่าจะมีอยู่บ้าง”
“พวกเขามีความเร็วที่ว่องไวเกินไป หากถนัดพลังเหนือธรรมชาติอื่นๆ อย่างเช่นดำดินอะไรทำนองนั้นก็คงหนีไปได้ชั่วพริบตาเดียว แต่ประสิทธิภาพของระเบิดมีจำกัด”
“แน่นอน หากถูกระเบิดกระหน่ำใส่ซึ่งๆ หน้า สุริยะพรายอาจจะไม่ตายแต่ก็คงหนีอาการบาดเจ็บสาหัสไม่พ้น…”
ประสาทสัมผัสในการรับรู้ของสุริยะพรายก็แข็งแกร่งไม่เบาเช่นกัน
กระสุนระเบิดที่มีความเร็วว่องไวที่สุดกลับไม่ได้ดีไปกว่าการหลบหนีของสุริยะพรายเลย
นี่คือข้อจำกัดของอาวุธปืนไฟบางส่วน
แน่นอนว่าหากเอาอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงวางครอบคลุมโดยรอบราวๆ สิบลี้ แบบนี้แม้แต่สุริยะพรายก็ยากจะหนีเอาตัวรอดไปได้ในทันที
เว้นแต่อาวุธประเภทนี้จะสร้างความเสียหายกันทั้งสองฝ่ายและปลิดชีวิตไปพร้อมกันในสงคราม
มิเช่นนั้นใครก็ยากจะรับมือได้ทั้งสิ้น
อย่างเช่นพื้นที่ภาคกลางก็เคยปะทุสงครามเช่นนี้เหมือนกัน ผู้พิทักษ์รัตติกาลใช้อาวุธระดับกวาดล้างฆ่าคนทั้งเมือง กระทั่งทำเอาภูเขาตระหง่านสูงแห่งหนึ่งถล่มลงเป็นที่ราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรดูภูมิศาสตร์ให้เหมาะสมก่อน มิเช่นนั้นหากจุดประกายสงครามกันในเมืองคงทำให้คนตายนับไม่ถ้วน
หลี่ฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ย “ลูกพี่ หากลูกพี่เลื่อนขึ้นเป็นพันยุทธ์แล้ว ลูกพี่มั่นใจว่าจะต่อกรกับสุริยะพรายสามคนนั้นได้ไหม”
“ต้องดูความสามารถของพวกเขาด้วยว่าอยู่ในระดับกลางหรือระดับไหน…หากปรมาจารย์นักรบแข็งแกร่งเหมือนอาจารย์ของคุณคงไม่มีปัญหา ย่อมได้แน่นอนอยู่แล้ว สิ่งสำคัญก็คือไม่ใช่ว่าใครก็เหมือนอาจารย์ของคุณเสียทุกคน”
ถึงแม้เขาจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นพันยุทธ์แล้ว เขาก็ไม่ได้คิดว่าตนจะแข็งแกร่งไปกว่าหยวนซั่วเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็หมดหนทางจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นพันยุทธ์แล้วด้วย
“ลูกพี่ ลูกพี่หยั่งถึงอานุภาพหรือยังครับ”
หลิวหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่นะ…แต่ก็พอสัมผัสได้รำไร! ครั้งก่อนปล่อยพลังรุนแรงเกินไป แขนทั้งสองข้างเลยได้รับบาดเจ็บหนักเลยไม่มีโอกาสลองสักที อีกอย่างกำลังภายในกับเลือดก็เสียหายไม่น้อย…เกรงว่าคงต้องใช้เวลารักษาตัวอีกสักระยะถึงจะพอไหว”
ก่อนหน้านี้เพื่อต่อกรกับชาดจันทรา กำลังภายในและเลือดเลยเดือดพลุ่งพล่านตลอด เขาเองก็อาศัยความสามารถของทะลวงร้อยถึงยื้อมาได้โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มิเช่นนั้นเขาคงพิการไปนานแล้ว
ความจริงหลี่ฮ่าวไม่รู้เลยว่าเขาบาดเจ็บสาหัส เพราะหลิวหลงไม่แสดงท่าทีใดออกมาเลย
เวลานี้หลิวหลงเห็นว่าหลี่ฮ่าวมีความคิดอยากให้เขาออกโรงถึงได้บอกอาการให้รับรู้ เพื่อไม่ให้หลี่ฮ่าวเข้าใจผิด นั่นต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่ ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้หากต่อกรกับทะลวงร้อยยังพอไหว แต่หากต่อกรกับจันทราทมิฬระยะเต็มดวงกับระยะเดือนหงายละก็ แปดถึงเก้าในสิบส่วนคงเอาชนะไม่ได้แน่นอน
“รู้สึกรำไรแล้วเหรอครับ”
หลี่ฮ่าวไม่ได้สนใจเรื่องอาการบาดเจ็บ แต่รีบโพล่งถามขึ้นประโยคหนึ่งแทน
หลิวหลงพยักหน้าเล็กน้อย “เก้าหลอมแรงปราณ ผมเคยหาข้อมูลมาก่อน พลังของเก้าหลอมแรงปราณจะขึ้นอยู่กับการปล่อยพลังซ้อนในแต่ละครั้งที่แข็งแกร่งกว่า! ความจริงรู้ที่มาชัดเจนดีว่ามันคือคลื่น!”
เพราะหลิวหลงถ่ายทอดเก้าหลอมแรงปราณให้หลี่ฮ่าวเลยบอกหมดเปลือกว่า “คุณเคยเห็นทะเลไหม”
หลี่ฮ่าวส่ายศีรษะ
เพราะเมืองหยินไม่มีทะเล
“งั้นคุณก็ต้องไปเห็นมันหน่อย ละแวกเมืองไป๋เยวี่ยมี ผมเคยเห็นมาก่อน”
หลิวหลงนึกย้อนกลับไปแล้วเอ่ย “คลื่นทะเลที่ซัดสาดริมชายหาด คลื่นเล็กพัดพาน้ำมาก่อนที่ระลอกคลื่นใหญ่จะซัดสาดดันขึ้นมา ความจริงระลอกคลื่นในแต่ละครั้งไม่ต่างกันเลย เพียงแต่คลื่นทะเลสองระลอกที่ซัดทับซ้อนกันจะปะทุพลังทำลายล้างแข็งแกร่งกว่า! ยามที่คลื่นหลายระลอกทับซ้อนกัน กระทั่งเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวใต้น้ำ…นั่นคืออำนาจจากเบื้องบน!”
พอหลิวหลงนึกขึ้นได้ก็หวาดกลัวอยู่บ้าง “เมื่อก่อนผมเคยเห็นครั้งหนึ่ง คลื่นขนาดมหึมาสูงกว่าร้อยเมตร! เดิมทีก็เป็นเพียงคลื่นทะเลธรรมดาบวกกับแรงดันจากลมเหมือนกับเลือดที่สูบฉีดไหลเวียนของเรา กำลังภายในที่ทับซ้อน พอรวมกับระลอกคลื่นทับซ้อนที่ซัดมาเป็นพรวน…ครั้งนั้นผมแยกคลื่นทะเลขนาดสูงกว่าร้อยเมตรได้ จนกระทั่งซัดหินก้อนใหญ่หนึ่งแหลกละเอียดกระจัดกระจายไปทั่วริมชายหาด”
“ตอนนั้นผมยังเป็นแค่สิบสังหาร แต่ผมรู้สึกว่าผมไร้หนทางจะมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้”
หลิวหลงเอ่ยอย่างถอดถอนใจ “จากอานุภาพที่อาจารย์คุณบอก ผมเลยนึกถึงอานุภาพที่เกิดขึ้นในวันนั้น! ใช่แล้ว อานุภาพที่ทำลายคลื่นมหันตภัยนั้นทั้งหมด! ผมตั้งใจเลียนแบบระลอกคลื่นที่ซ้อนกัน อานุภาพที่ยิ่งใหญ่และรวดเร็ว…แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของผมไม่อนุญาตให้ผมทำเช่นนั้นอีก!”
เขาส่ายศีรษะกล่าว “ผมไม่เคยใช้เก้าพลังซ้อนเลยเพราะร่างกายไม่ค่อยเป็นใจ แต่พอตอนนี้ผมลองขบคิดดูว่าถ้าปล่อยเก้าพลังซ้อนแล้วจะหยั่งถึงอานุภาพของเก้าหลอมแรงปราณได้หรือเปล่า น่าเสียดายที่ผมตระหนักช้าไปหน่อย”
เขาเอ่ยอย่างเศร้าใจ “แต่ผมก็อยากลอง รอพักรักษาตัวสักระยะก่อน บางทีอาจหยิบยืมพลังลี้ลับช่วยฟื้นฟูได้ หลี่ฮ่าว คุณจำไว้ให้ดีนะ รอวันที่คุณปล่อยเก้าพลังซ้อนได้แล้วทางที่ดีลองไปทะเล ไปดูคลื่นทะเลที่แท้จริงแล้วกัน!”
พอพูดถึงตรงนี้เขาก็ถามว่า “ตอนนี้คุณปล่อยสองพลังซ้อนได้หรือยัง”
เขาไม่เคยถามเลยและไม่ได้รู้สึกคาดหวังขนาดนั้น เพราะหลี่ฮ่าวเพิ่งศึกษาเก้าหลอมแรงปราณได้ไม่นาน
หลี่ฮ่าวยิ้มยิงฟันกล่าว “ได้แล้วครับ!”
หลิวหลงผงะไป “ได้แล้วเหรอ”
หลี่ฮ่าวไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วก็ปล่อยหมัดออกไปทีหนึ่ง กำลังภายในทับซ้อนกัน เหมือนชั่วพริบตานั้นพลังซ้อนสองก็ปะทุขึ้นแต่ไม่ได้ปะทุกำลังภายในออกมาเสียงทีเดียว แต่เขาแค่ปล่อยหมัดธรรมดาๆ เท่านั้น
พลั่ก!
ต่อมาก็เกิดเสียงเบาหนึ่งขึ้น หลิวหลงจัดการคว้าหมัดเขาไว้ในคราวเดียวแต่กลับสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นร่างกายก็โงนเงนอยู่พักหนึ่ง
เขาเอ่ยอย่างตกตะลึง “ทำเป็นแล้วเหรอ”
ปล่อยสองพลังซ้อนได้แล้วจริงๆ เหรอ
เร็วเกินไปมั้ง!
ส่วนหมาตัวนั้นใกล้จะปล่อยสามพลังซ้อนได้แล้ว ทว่าหลิวหลงไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะหากหมาจะกลายเป็นภูตจริง การเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าสมควร
แต่หลี่ฮ่าวเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ!
เรียนรู้เร็วขนาดนั้นเชียว
หลี่ฮ่าวฉีกยิ้ม อยากให้ผมลองปล่อยสามพลังซ้อนให้คุณดูหน่อยไหมล่ะ
ช่างเถอะ กลัวจะทำหัวหน้าตกใจตายเสียก่อน
เวลานี้หากมีทะลวงร้อยและสามารถปล่อยสามพลังซ้อนได้เพิ่มมาคนหนึ่งกลับไม่ได้ส่งผลอะไรกับการทำสงครามเลย มิเช่นนั้นหลี่ฮ่าวคงบอกไปแล้ว
แต่เพราะส่งผลไม่มาก…จะพูดหรือไม่คงไม่สำคัญ
“อัจฉริยะ!”
ครั้งนี้หลิวหลงกล่าวชื่นชมจากใจจริง “คิดไม่ถึงว่าคุณจะปล่อยสองพลังซ้อนได้แล้ว หากกล่าวเช่นนี้…คุณคงถึงระดับกลางหรือปลายของสิบสังหารแล้ว…นี่…จะเร็วเกินไปแล้ว!”
สิบสังหาร สูงสุดสามารถปล่อยสามพลังซ้อนได้
หลี่ฮ่าวปล่อยสองพลังซ้อนได้โดยไม่ได้มีแรงกดดันมากนัก เห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะเข้าสู่ระดับกลางหรือปลายแล้ว
“ลูกพี่ครับ เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอก”
“สำคัญมาก!”
“ไม่สำคัญจริงๆ ครับ”
…………………………………………………………………………