ตอนที่ 171 จิ้งจอกนามหูอวิ๋น

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 171 จิ้งจอกนามหูอวิ๋น

ต้นพุทราใหญ่ในวันนี้รู้จักเก็บงำแล้ว ผลพุทราส่วนใหญ่บนต้นล้วนซ่อนอยู่ใต้กิ่งก้านใบที่กำลังเขียวชอุ่ม ต่อให้มองอย่างตั้งใจก็มองเห็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ความจริงแล้วก็มีจำนวนไม่มาก ทุกครั้งอิ๋นชิงล้วนปีนขึ้นไปนับ

ครั้งหนึ่งลงมาพร้อมผลพุทราห้าผล เทียบกับจำนวนทั้งหมดของผลพุทราแล้วไม่น้อยเลย ยิ่งผิวพุทราสองผลในนั้นมีสีแดงเพลิงเล็กน้อย เป็นพุทราเพลิงอ่อนโดยสิ้นเชิง

ทว่าหลังจากบ่นด้วยโทสะแล้วประโยคหนึ่ง อารมณ์ของอิ๋นชิงก็ถูกแทนที่ด้วยความปีติ มองไปยังจิ้งจอกแดงที่ใช้อุ้งเท้าถูจมูกและศีรษะอีกครั้ง

“จิ้งจอกน้อย หลายปีนี้เจ้าไม่มาเยี่ยมข้าได้อย่างไร ข้าคิดถึงเจ้านะ!”

อิ๋นชิงพูดพลางรีบช่วยจิ้งจอกแดงเก็บพุทราลูกใหญ่หลายลูกที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมา เพราะหากถูกหนูหรือแมวที่ไหนเดินผ่านมาแล้วคาบไปคงต้องปวดใจแย่

จิ้งจอกแดงมองต้นพุทราเหนือศีรษะด้วยความสงสัยและมึนงง จากนั้นขดตัวอยู่ข้างๆ พิจารณาอิ๋นชิงอย่างละเอียด ยังคงมองเค้าลางเด็กชายในปีนั้นได้ คราวนี้ถึงสบายใจขึ้นไม่น้อย

“เข้ามาๆ มาทางนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าชอบนอนฟุบบนโต๊ะหินที่สุดไม่ใช่หรือ”

อิ๋นชิงกวักมือเรียกจิ้งจอกแดง จากนั้นวางพุทราห้าผลลงบนโต๊ะ จิ้งจอกแดงลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และกระโจนตัว กระโดดขึ้นโต๊ะหิน

พุทราห้าผลบนโต๊ะเล็กใหญ่แตกต่างกันไม่มาก แต่ละผลมีขนาดใกล้เคียงกับผลผิงกั่วขนาดเล็ก สีแดงสดยั่วยวนใจ อิ๋นชิงมองผลพุทราแล้วกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง

จิ้งจอกน้อยเข้าไปดมผลพุทราเหล่านั้นใกล้ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะสองผลนั้นยิ่งพิเศษกว่า แม้บนผิวจะไม่มีกลิ่นใดๆ โชยออกมา แต่ก็มีความดึงดูดให้อยากกลืนลงไปในคราวเดียว

แซกๆๆ…แซกๆๆๆ…

กิ่งและใบของต้นพุทราส่ายไหวเบาๆ ไม่ได้มีลมจึงส่ายไหว ทว่าส่ายไหวจนเกิดลม

“หงิงๆ…”

จิ้งจอกแดงยื่นอุ้งเท้ากดผลพุทราที่สีสันแปลกตาที่สุดเอาไว้ จากนั้นดันผลที่เหลือไปทางอิ๋นชิง

ปรากฏว่าอิ๋นชิงคว้าผลพุทราไว้แล้วกลับนำไปวางไว้ที่เดิม

“ไม่ได้ ข้ากินไม่ได้! อึก…เจ้าต้องกิน เจ้าไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว หนึ่งปีหนึ่งผลสมเหตุสมผลพอดี!”

ต่อให้ยังกลืนน้ำลาย ทว่าอิ๋นชิงได้รับการสั่งสอนจากครอบครัวเป็นอย่างดี ได้รับอิทธิพลจากอิ๋นจ้าวเซียนและจี้หยวนลึกซึ้งมาก แม้อายุยังไม่มากก็มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่เข้มงวด

“รีบกินเถอะ ผลไม้วางทิ้งไว้นานจะไม่อร่อย รีบกินเสีย จิ้งจอกคงไม่ใช่ว่ากินผลไม้ไม่เป็นกระมัง”

อิ๋นชิงพยามไม่ให้ตนเองมองพุทรา จึงโน้มน้าวจิ้งจอกแดงอีก

แซกๆๆ…แซกๆๆๆ…

ต้นพุทราเหนือศีรษะสั่นไหวอยู่ช่วงหนึ่ง ราวกับกำลังหัวเราะ

ปึก…บนศีรษะของอิ๋นชิงถูกกระแทก เขายื่นมือไปอย่างคล่องแคล่ว รับพุทราผลใหญ่ที่ตกลงมาได้ผลหนึ่ง

อิ๋นชิงพลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ไม่สนใจคลึงศีรษะแล้ว หยิบผลพุทราเช็ดบนตัวแรงๆ

“ฮ่าๆๆๆ…ทีนี้ข้ากินได้แล้ว! ข้าจะกินให้เจ้าดู! กร้วม ซี้ด…อร่อยนัก!”

เขาพูดพลางคว้าพุทรากัดกินคำหนึ่ง

เสียงกัดเนื้อพุทรากรอบๆ ดังขึ้น ตามด้วยกลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งโชยออกมาจากปากอิ๋นชิง จมูกจิ้งจอกแดงขยับขยุกขยิกหลายครั้งก็ทนไม่ได้ ประคองพุทราผลใหญ่หนึ่งผลในนั้นกัดเสียงดังกร้วมๆ

ชั่วขณะนี้กลิ่นผลไม้โชยทั่วทั้งเรือนเล็ก ทว่าไม่ออกไปนอกกำแพง กลิ่นหอมที่ออกมาล้วนถูกกิ่งพุทราดูดกลับไปทั้งสิ้น

จิ้งจอกกินพุทราหมดเกลี้ยง มีเศษพุทราตกลงบนโต๊ะหินเป็นครั้งคราว โชคดีที่จิ้งจอกแดงรู้เช่นกันว่าสิ่งที่อยู่ในมือมีค่ามาก จึงเลียกินเศษที่หล่นลงจนหมดด้วย

พุทราห้าผลคงอยู่ได้ไม่นาน พริบตาเดียวถูกกินไม่เหลือ

กัดเนื้อพุทราคำสุดท้ายแล้ว ส่วนลึกในลำคอจิ้งจอกน้อยส่งเสียงเอิ้ก… เรอกลิ่นพุทราออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นฟุบหลับอยู่บนโต๊ะหินแล้ว

ในกายของจิ้งจอกตอนนี้อบอุ่นมาก ปราณวิญญาณที่กำลังไหลเวียนเทียบกับประสิทธิผลอันเกิดจากการดูดซับยามตะวันขึ้น ตกวันตก หรือข้างขึ้นข้างแรมบนภูเขาปลายปีมานี้ สรุปแล้วเกินจริงเป็นอย่างยิ่ง

อิ๋นชิงกินไปผลเดียว ทว่ากระปรี้กระเปร่ามาก เห็นจิ้งจอกแดงมีท่าทางเช่นนี้จึงนั่งลงตรงหน้าโต๊ะหินเงียบๆ ลูบขนจิ้งจอกอย่างระมัดระวังเป็นครั้งคราวด้วย

“จิ้งจอกน้อย ขนเจ้าสะอาดจริงๆ ทั้งหนาทั้งนุ่ม อย่าให้นักล่าสัตว์เหล่านั้นเห็นเชียว”

คำพูดนี้ทำให้จิ้งจอกแดงตัวสั่นโดยจิตใต้สำนึก อีกทั้งตั้งสติเพิ่มขึ้นไม่น้อย ขาและหางที่ใช้หนุนนอนบนโต๊ะหินตั้งขึ้น คล้ายกับจะลุกขึ้นยืนอย่างไรอย่างนั้น

“แง่งๆๆ…”

อุ้งเท้าจิ้งจอกชี้ไปยังห้องในเรือนสันติ อิ๋นชิงมองตามที่อุ้งเท้าจิ้งจอกชี้ไป รู้คร่าวๆ แล้วว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

“ท่านจี้ไม่อยู่บ้าน ออกไปหลายปีแล้ว ไม่กลับมาเลย…”

“หงิง…”

เสียงของจิ้งจอกแดงเจือความผิดหวังอย่างชัดเจน หลายปีมานี้มันพัฒนาจากภูตจิ้งจอกที่มีปัญญาจนเข้าขั้นการฝึกปราณอย่างแท้จริง จึงอยากพบท่านจี้ก่อนจะหลอมกระดูก มันเริ่มลังเลจากปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า ‘เข้าสู่’ อำเภอหนิงอัน แต่กลับคว้าน้ำเหลว

“จิ้งจอกน้อย ตอนนี้เจ้าก็สุดยอดมากเช่นกันใช่หรือไม่ สุดยอดเหมือนกับต้นพุทรา”

อิ๋นชิงพูดกับจิ้งจอกแดงด้วยความตื่นเต้น ด้วยเข้าใจเป็นอย่างยิ่งนี้ไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดา

จิ้งจอกแดงย่อมฟังอิ๋นชิงเข้าใจ ทว่าตอนนี้มันมองต้นพุทรากลางลาน กลางร่มเงาขนาดใหญ่มีปราณวิญญาณค่อยๆ รวมกลุ่มกัน มองอย่างไรก็รู้สึกว่าตนเองและต้นพุทราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับโดยสิ้นเชิง อย่างไรเสียต้นพุทราก็อยู่ข้างกายท่านจี้ตลอด

“หงิง…” เสียงนี้ยิ่งผิดหวังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

จิ้งจอกแดงหมอบลงบนโต๊ะหิน ร่างแนบสนิทอยู่บนนั้น หางใหญ่หนานุ่มสีแดงเพลิงส่ายไปมาอยู่ข้างหลัง ดวงตามองจ้องพื้นที่ว่างหน้าโต๊ะ ท่านผู้รำกระบี่กลับไม่อยู่ตรงนั้น

ระหว่างส่ายหางไปมา จิ้งจอกแดงค่อยๆ หลับใหล

ขณะกำลังหลับฝัน จิ้งจอกแดงเกิดความคิดมากมายไม่มีสิ้นสุด ความนึกคิดในฝันหวนกลับสู่อดีต สัมผัสโต๊ะหินบนกายยังคงอยู่ แต่ตรงหน้ากลับมองเห็นเรือนสันติในตอนนั้นอยู่เลือนราง

ยอดเขาสีชาดบนเขาเมฆา ณ รัฐปิงที่อยู่ไกลออกไปพันลี้ จี้หยวนซึ่งกำลังหลับตานอนตะแคงพลันรู้สึกอะไรบางอย่าง สองตาลืมขึ้นเล็กน้อย บนนิ้วชี้ข้างขวาปรากฏหมากลวงตัวหนึ่ง มองเห็นจิ้งจอกแดงขนนุ่มหมอบหลับอยู่บนโต๊ะหิน

“ฮ่าๆๆ…”

หลังหัวเราะอยู่หลายเสียงแล้ว จี้หยวนหลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นตัวหมากหายไปจากมือ

ภายในภูผาธารากลางเขตแดน จี้หยวนที่ร่างกายคล้ายพระพุทธรูปขนาดใหญ่ถือหมากของจิ้งจอกแดงไว้ในมือ ราวกับตัวหมากกำลังอยู่ในจุดพลิกผันที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง เขาสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงและการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

หางเสียงของ ‘บัญชา’ ในภูผาธารายังคงดังก้องไม่หยุด ตามด้วยเสียงลมที่เบาบ้างดังบ้าง

ในปากจี้หยวนราวกับอนุญาตแล้ว ทว่ารวบรวมปราณโลกาสวรรค์ไม่ส่งเสียงใด ในใจราวกับรอคอยวินาทีนี้

จนกระทั่งความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างเกิดขึ้น ในใจจี้หยวนเกิดเสียง ‘วาสนามาถึง’ จึงค่อยพูดใส่ตัวหมากเสียงเบา

“หูอวิ๋น!”

ภายในเรือนสันติ อิ๋นชิงที่อ่านตำราอยู่หน้าโต๊ะหินไม่รู้เรื่องอะไร ทว่าจิ้งจอกแดงตรงหน้ากำลังหวนรำลึกถึงทุกอย่างในตอนนั้นอยู่ในความฝัน

ความฝันนี้จี้หยวนมองเห็นทั้งหมด ทว่าไม่ได้รุนแรงขึ้นเพราะจี้หยวน เขาไม่ได้มีพลังกล้าแข็งขนาดนั้น นับว่าเป็นจิ้งจอกแดงที่กลับสู่อดีต คิดถึงและฝันถึงเท่านั้น

อิ๋นชิงในความฝันยังคงเป็นเด็กชายที่ตัวไม่สูงเท่าไหร่นัก จิ้งจอกแดงที่พักรักษาตัวอยู่ในเรือนเล็กพักหนึ่งแล้วมองภูเขาใหญ่เหม่อลอย จี้หยวนจึงพาอิ๋นชิงและมันไปที่ตีนเขาโคเทพ

ในความฝันนั้นจิ้งจอกแดงกระโดดอยู่ข้างหน้าบ้าง รั้งท้ายตามสองคนอยู่ข้างหลังบ้าง หลายครั้งอยากมองใบหน้าของจี้หยวนให้ชัดๆ แต่กลับพร่าเลือนไปเสียหมด

จนกระทั่งขึ้นเขาแล้ว จิ้งจอกแดงนั่งยองอยู่บนก้อนหินมองสองคนกำลังจะจากไป แม้จะเป็นในความฝัน จิ้งจอกแดงล้วนคิดตามไปอย่างสุดชีวิต แต่ร่างกายตนเองในความฝันราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยเหล็ก ขยับอย่างไรก็ขยับไม่ได้

ในเรือนสันตินอกห้วงฝัน อิ๋นชิงมองจิ้งจอกแดง พบว่าจิ้งจอกน้อยตัวสั่นงันงก คล้ายกำลังดิ้นรนต่อสู้ คล้ายกำลังฝันร้ายอยู่ในที

ภายในกายจิ้งจอกตอนนี้ปราณวิญญาณไหลเวียนเร็วมาก อุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปราณปีศาจเจือจางสายหนึ่งเริ่มแผ่ออกจากผิวกาย

ครืน…

เสียงฟ้าร้องที่ไม่นับว่ากังวานมากดังมา

อิ๋นชิงที่อยู่ใต้เงาต้นไม้ตลอดเดินออกไปหลายก้าวจนถึงตำแหน่งที่เหมาะสม ดูจากสีท้องฟ้าแล้วมีเมฆดำก่อตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ไม่ใช่ว่าฝนจะตกแล้วกระมัง”

จิ้งจอกแดงดิ้นรนในความฝันอย่างไม่หยุดยั้ง อยากส่งเสียงคำรามออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำไม่ได้ ร่างกายที่หมอบอยู่บนโต๊ะหินนั้น อุ้งเท้าสี่ข้างคว้าผิวโต๊ะหินแน่นขนัด

ทว่าตอนนี้เอง คนในความฝันพลันหยุดท่าร่าง

ใบหน้าของท่านในความทรงจำผู้นั้นพลันชัดเจนขึ้นมา หมุนกายกลับมายิ้มให้จิ้งจอกแดงที่อยู่บนก้อนหิน

“ในเมื่อรู้จักกันครั้งหนึ่ง ข้าคนแซ่จี้จะมอบของขวัญให้เจ้าแล้วกัน…”

ท่านผู้นั้นมองก้อนเมฆบนท้องฟ้า จากนั้นกล่าวกับจิ้งจอกแดงต่อ

“เจ้าก้าวสู่หนทางการฝึกปราณ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานไร้ความรู้อีก อะไรล้วนขาดได้ แต่กลับขาดชื่อไม่ได้ หากไม่รังเกียจล่ะก็ ต่อจากนี้เจ้าใช้ชื่อว่าหูอวิ๋นเถอะ!”

‘หูอวิ๋น’ สองพยางค์ดังสะท้อนอยู่ในห้วงฝัน ราวกับสีท้องฟ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว

นอกห้วงฝัน อิ๋นชิงเพิ่งมองเห็นเมฆดำบนท้องฟ้า ทว่าผ่านไปไม่ทันไรก้อนเมฆคล้ายกับกำลังกระจายตัวกัน เผยให้เห็นมุมหนึ่งของดวงตะวันแล้ว เขาถอนใจโล่งอก ไม่ต้องเก็บเสื้อผ้าแล้ว

“แค่ก…แค่กๆๆ…”

ข้างโต๊ะหินมีเสียงไอแปลกๆ ดังมา ทำให้อิ๋นชิงต้องถอนสายตากลับไปมอง