ตอนที่ 199 มีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 199 มีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร

ตอนนี้หูอวิ๋นตกใจจนตัวแข็ง เต่าเฒ่าตรงหน้าเปลี่ยนจากอ่อนโยนอัธยาศัยดีเช่นเมื่อครู่ เป็นเต่าเฒ่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าภูเขาลู่ในความทรงจำ สำคัญคือพลังปราณน่าครั่นคร้ามนั้นพุ่งมาใส่ตนเองอีกต่างหาก

สมองคิดทบทวนอยู่หลายตลบแล้วก็ไม่เห็นจำได้ว่าตนเองไปทำผิดต่อเต่าเฒ่าตัวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

‘หรือว่าท่านจี้จะผิดใจกับเขา’

ด้วยการวิเคราะห์ของหูอวิ๋นเป็นไปได้ว่าจะมีเรื่องพรรค์นี้ อย่างไรเสียเขาก็เกิดบนเขาโคเทพ ไม่เคยผูกความแค้นกับใครมาก่อน อีกทั้งเต่าเฒ่าเปลี่ยนอารมณ์ทันควันหลังจากพูดเรื่องที่เกี่ยวกับจี้หยวนจำนวนหนึ่ง

‘ท่านจี้ ท่านทำให้ข้าลำบากแล้ว!’

หูอวิ๋นอกสั่นขวัญแขวน พูดจาติดขัด อุ้งเท้าหน้าประสานเข้าด้วยกัน อ้อนวอนแสดงความจำนนต่อเต่าเฒ่าที่อยู่ใกล้แค่คืบ

“ตะ ท่านเต่าเฒ่า ข้า ข้าเป็นเพียงจิ้งจอกตัวเล็กๆ…ท่านจี้ผิดใจกับท่าน น่ะ นั่นไม่ใช่เรื่องของข้า…!”

จี้หยวนที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้งได้ยินแล้วเกิดความรู้สึกแทบจะกระอักเลือด เต่าเฒ่าที่อยู่เหนือผิวแม่น้ำก็ชะงักไปเช่นกัน

“จิ๊ๆๆๆ…จิ้งจอกตัวนี้ ไยเจ้าโชคดีปานนี้นะ…แกรกๆ…”

เสียงสุดท้ายเป็นต้นหลิวและเปลือกไม้ที่เหลือในปากเต่าเฒ่าถูกบดเป็นผง แม้เต่าเฒ่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าฟัน แต่กลับอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างเห็นภาพ

เมื่อเต่าเฒ่าพูดออกมาแล้ว หูอวิ๋นตระหนักได้ว่าปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากท่านจี้ ทว่าเป็นตัวมันเอง

สัตว์อย่างเต่าเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง อัตราลมหายใจต่ำมากเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเต่าเฒ่าที่เกิดปัญญาแล้ว ตอนนี้เต่าเฒ่าตัวนี้หอบหายใจไม่เพียงถี่กระชั้นทว่าหนาหนักมาก ดวงตาคู่หนึ่งของสัตว์เลือดเย็นเต็มไปด้วยเส้นเลือดอยู่บ้าง

ปราณปีศาจที่น่าหวั่นกลัวสุดขีสำหรับหูอวิ๋นค่อยๆ เพิ่มขึ้น แม้เจ้าภูเขาลู่ก่อนหน้านี้ก็น่ากลัวมากเช่นกัน แต่กลับไม่เคยเผยด้านนี้ออกมาต่อหน้าจิ้งจอกแดงสักครั้ง

โชคดีที่ปราณปีศาจของเต่าเฒ่ายังคงอยู่บริเวณผิวแม่น้ำ ไม่เช่นนั้นอาจดึงดูดความสนใจของผู้ลาดตระเวนราตรีจากศาลมืด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็น่ากลัวพอสำหรับหูอวิ๋นแล้ว ถึงขนาดคิดไปเองว่าแม้จี้หยวนมาถึงแล้วก็ทำอะไรปีศาจเต่าตัวนี้ไม่ได้

“ข้าขอถามเจ้า ตั้งแต่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนอีก จนถึงตอนนี้ผ่านไปกี่ปีแล้ว”

เสียงเต่าเฒ่าแหบพร่าและเย็นชาอยู่บ้างอย่างชัดเจน แต่ดีเลวอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงความสงบนิ่งไม่น้อย ทำให้หูอวิ๋นลอบถอนใจโล่งอกครั้งหนึ่ง

“ข้าไม่แปดเปื้อนมาประมาณสิบห้าปีแล้ว…”

“สิบห้าปี? เพิ่งสิบห้าปี! ฮ่าๆๆๆๆๆ…เพิ่งสิบห้าปี…ข้าเดาว่าเก้าปีก่อนเจ้าก็ไม่แปดเปื้อนอีก ชีวิตที่ผ่านมาคล้ายคลึงกับจิ้งจอกธรรมดากระมัง”

เต่าเฒ่าหัวเราะเสียงดัง สายตาจ้องมองจิ้งจอกแดงเขม็ง ทำให้ฝ่ายหลังไม่กล้าสบตา อยากหลบลี้ไปตามสัญชาตญาณ

“ท่านรู้ได้อย่างไร”

เต่าเฒ่าหัวเราะเสียงเย็นอีกเสียง

“หกปี หกปีหลอมกระดูกแล้ว แม้ปราณวิญญาณปราณปีศาจบนร่างหรือวิชายังคงน้อยนิดไม่ชัดเจน แต่หกปีหลอมกระดูกได้ สมกับที่มีเซียนชี้แนะจริงๆ! จิ้งจอก เจ้าเดาสิว่าข้าเต่าเฒ่าหลอมกระดูกนานเท่าไหร่ถึงอ้าปากพูดได้”

หูอวิ๋นไม่โง่ ดูจากท่าทางของเต่าเฒ่าแล้ว เกรงว่าคงเสียเวลาไปไม่น้อย และแม้เจ้าภูเขาลู่ไม่เคยพูด แต่หูอวิ๋นหลอมกระดูกแล้วเห็นเจ้าภูเขาลู่เป็นครั้งแรกก็รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของเสือขนาดใหญ่ในตอนนั้น

“ท่านน่าจะใช้เวลาประมาณ…หลายสิบปี?”

“ฮ่าๆ ขอบคุณเจ้าที่ประเมินข้าสูงหน่อย แต่การฝึกปราณของเต่าอย่างข้ายากยิ่งนัก อีกทั้งลำบากไร้ที่พึ่ง ตอนนั้นข้าหลอมกระดูกใช้เวลาไปทั้งหมดสองร้อยสามสิบปี ไม่อาจเทียบกับหกปีของ ‘ผู้มีพรสวรรค์’ อย่างเจ้าได้เลย”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายใจดังขึ้น แม้แต่ปลาชิงฮื้อที่ถูกขังอยู่ในคลื่นน้ำล้วนสงบลงแล้ว หากจะพูดกันจริงๆ มันเองก็ฝึกปราณมาหลายสิบปีแล้วเช่นกัน

หูอวิ๋นตะลึงงันอีกครั้ง เวลานี้ยาวนานเกินไปจริงๆ นานเสียจนหูอวิ๋นไม่กล้าจินตนาการ เจ้าภูเขาลู่ก็ไม่ได้ใช้เวลานานถึงสองร้อยปีนะ

“ได้รับการชี้แนะจากท่านเซียน ถูกขนานนามว่าหูอวิ๋น เกรงว่าตอนเจ้ารักษาตัวตอนนั้นได้รับประโยชน์มากมายโดยไม่รู้ตัว เป็นจิ้งจอกที่ได้รับการเลื่อนขั้นอย่างแท้จริง ฮ่าๆๆ…”

เต่าเฒ่ามองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ทอดถอนใจอยู่หลายคำพลันถลึงตามองหูอวิ๋นอีกครั้ง ทำให้จิ้งจอกแดงสั่นกลัวในทันที

“หากเป็นเช่นนั้นก็ช่างเถอะ ปีศาจทั้งหลายมีปณิธานและโชคชะตาเป็นของตนเอง แต่จิ้งจอกเจ้าในใจรู้ดีแท้ๆ ว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ทว่าก็ยังคงวิ่งหนี เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีปีศาจทนทุกข์ฝึกปราณหลายร้อยปีแล้วก็ยังไม่มีโอกาสสำเร็จเช่นเจ้าตั้งมากมายเท่าไหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีปีศาจฝึกปราณคิดว่าจะขอคำชี้แนะจากเซียนได้แต่กลับถูกเซียนฆ่าตายตั้งมากมายเท่าไหร่ เจ้ามีวาสนาได้พบผู้สูงส่งในมรรค แต่กลับ…เฮ้อ…”

พูดถึงตรงนี้แล้ว เต่าเฒ่าถอนหายใจแรงๆ เสียงหนึ่ง

“มาพูดตอนนี้สายไปอยู่บ้าง เจ้าปล่อยวางวาสนาเอง หลังจากนี้อยากพบเจออีกก็ยากแล้ว แต่ดีเลวอย่างไรเจ้าก็ได้ชื่อหูอวิ๋นแล้ว นับว่าเป็นตราประทับชั้นดี หากเป็นเป็นข้าเมื่อร้อยปีก่อน ด้วยโทสะแล้วเมื่อครู่นี้ต้องกัดศีรษะเจ้าขาดเป็นแน่!”

“เป็น…เช่นนั้นเลยหรือ…”

หูอวิ๋นพึมพำด้วยความตะลึงลาน ในใจเกิดความรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

“หึๆ การฝึกปราณของเจ้าราบรื่นถึงเพียงนั้นเลยกระมัง จริงสิ แผ่นป้ายไม้หยินของเจ้าเป็นท่านจี้มอบให้ใช่หรือไม่”

“อืม…ใช่ เมื่อ…ปีก่อนนั้นท่านจี้…”

ตอนนี้หูหวิ๋นว้าวุ่นใจอยู่บ้าง เกือบจะพูดโพล่งออกไปในชั่วขณะหนึ่ง แต่เพียงคำเดียวกลับทำให้เต่าเฒ่าฟังแล้วรู้สึกแปลก

“หืม!?”

เต่าเฒ่าส่งเสียงขึ้นจมูก

“เมื่อครู่เจ้าจะพูดว่าเมื่อวานหรือ”

จิ้งจอกแดงเหงื่อออกทีหลังหู พลันชี้ไปยังผิวน้ำร้องขึ้นว่า “ท่านจี้!”

ตอนที่เต่าเฒ่าหันไปมองตามจิตใต้สำนึก หูอวิ๋นเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นฝั่ง ปรากฏว่าเจอกับคลื่นน้ำสายหนึ่ง

ครืน

คลื่นน้ำกว้างสองจั้งสูงจากฝั่งหนึ่งจั้ง ยังไม่ทันพ้นส่วนลำต้นของต้นหลิว จิ้งจอกแดงก็เจอกับกำแพงคลื่นเสียแล้ว ทำให้มันตกลงน้ำโดยตรง

ซ่า…ซ่า…

ตอนนี้หูอวิ๋นติดอยู่ในกระแสน้ำข้างๆ เต่าเฒ่าร่วมกับปลาชิงฮื้อแล้ว ศีรษะเต่าขนาดใหญ่แทบจะแนบชิดอยู่กับศีรษะจิ้งจอก ห่างกันไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

ทว่าหลังจากหูอวิ๋นกลัวสุดขีดได้พริบตาหนึ่ง มันพลันพบว่าสีหน้าของเต่าเฒ่าไม่ได้ดุร้ายเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับมีความรู้สึกกระวนกระวายอย่างน่าประหลาด ระมัดระวังคำพูดมากยิ่งขึ้นด้วย

“เจ้า หลายวันมานี้เจ้าได้พบท่านจี้ใช่หรือไม่ แผ่นป้ายไม้นี้…เมื่อครู่นี้ข้า…ไม่ได้ทำให้เจ้าตกใจกระมัง”

เห็นตอนนี้เต่าเฒ่ามีท่าทีไม่เป็นสุข ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกลับเพิ่มความแรงกระแทกให้กับหูอวิ๋นยิ่งกว่าตอนกัดก้านต้นไม้เมื่อครู่นี้อีก ทำให้มันนึกสงสารอยู่บ้าง

ตอนไม่ได้ ‘บันดาลโทสะ’ ก่อนหน้านี้ ระหว่างสนทนากันเต่าเฒ่าเล่าประสบการณ์ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ฝึกปราณและ ‘ประสบการณ์ขอมรรค’ จำนวนหนึ่ง

ระหว่างนั้นใช้เวลาหลายปีทำอะไรบ้าง เมตตาช่วยเหลือมนุษย์แต่กลับไม่ได้ความดีความชอบอยู่หลายครั้ง ถูกทุบตีทำได้เพียงวิ่งหนีเพราะอยากเข้าใกล้ผู้ฝึกเซียนบ้างคน จนสุดท้ายก็ไม่กล้าขึ้นฝั่ง

ตอนนั้นหูอวิ๋นฟังแล้วทั้งรู้สึกตลกและสนุก เต่าเฒ่าก็หัวเราะเช่นกัน แต่ตอนนี้คิดดูแล้วพลันเข้าใจอะไรได้บ้าง นั่นเป็นความอ้างว้างแบบใดกันนะ

ความเข้าอกเข้าใจแบบนี้แปลกมาก ทว่าภายใต้ความรู้สึกและความตระหนักรู้ กลับทำให้หูอวิ๋นสัมผัสได้แจ่มชัดมาก

ในปากคล้ายกับมีคำพูดมากมาย แต่สุดท้ายหูอวิ๋นพูดออกมาเพียงคำเดียว

“อืม…”

ไกลออกไปเล็กน้อย จี้หยวนนอนอยู่บนลำต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ได้มองไปทางหูอวิ๋นและเต่าเฒ่าด้วย ทว่าสายตาจับจ้องแสงจันทร์สะท้อนผิวแม่น้ำพร้อมทั้งตกอยู่ในภวังค์ความคิด

‘บุปผาในกระจก จันทราในวารี…’

ทางนั้นหลังจากหูอวิ๋นตอบคำถาม เต่าเฒ่าตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

“เช่นนั้น…เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านจี้อยู่ที่ไหน อยู่ในเมืองใช่หรือไม่”

หูอวิ๋นมองกำแพงเมืองตามสัญชาตญาณ จากนั้นพยักหน้าให้เต่าเฒ่า

ซ่าๆ

ละอองน้ำหมุนวน หูอวิ๋นเพียงรู้สึกว่าตนเองค่อยๆ ลอยสูงขึ้น สุดท้ายถูกกระแสน้ำสายหนึ่งส่งขึ้นฝั่ง จากนั้นน้ำที่ชุ่มขนบนกายถอยกลับแม่น้ำพร้อมกับกระแสน้ำ ตัวจิ้งจอกกลับมาแห้งสนิทดังเดิม

ขณะเดียวกันปลาชิงฮื้อในน้ำก็ถูกปล่อยออกจากพันธนาการ ทำให้มันว่ายน้ำได้อย่างอิสระ

เต่าเฒ่าเดิมทีอยากขอร้องคำแนะนำจากหูอวิ๋น แต่รู้สึกว่าพูดไม่ออกอยู่บ้างในตอนนี้ จึงคิดจะสร้างความสนิทสนมเพิ่มขึ้นอีกขั้น

“เล่าเรื่องที่พวกเจ้าพบกันอีกครั้งให้ข้าฟังได้หรือไม่ เรื่องภูตเสือที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ด้วย…”

จิ้งจอกแดงหมอบอยู่ริมแม่น้ำอย่างสงบ มองปลาชิงฮื้อแล้วมองเต่าเฒ่า คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยเอ่ยปาก

“ช่วงก่อนข้าลงเขาแล้วไปยังอำเภอหนิงอัน เพื่อไปดูว่าท่านจี้กลับมาแล้วหรือยัง…”

หูอวิ๋นเล่าเรื่องช่วงนั้นคร่าวๆ แต่ไม่เปิดเผยความสำคัญมากนัก แม้เล่าถึงความอัศจรรย์ของต้นพุทรา กระนั้นไม่ได้เล่าเรื่องพุทราเพลิง เล่าไปเรื่อยๆ จนถึงเรื่องที่จี้หยวนบรรยายมรรคบนแท่นจันทรา

เสียงลมหายใจของเต่าเฒ่าดังฟืดฟาดหนักๆ ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เท้าเต่าใต้ผิวแม่น้ำขยับเคลื่อนกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดละอองน้ำบริเวณนั้นหลายระลอก

ฟังหูอวิ๋นเล่าถึงแท่นจันทราบนเขาโคเทพ ท่านจี้นั่งอยู่ตรงนั้น ภูตเสือและตนเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย เต่าเฒ่าอยากรู้แทบทนไม่ไหวว่าท่านจี้พูดอะไรบ้าง

“จากนั้นเล่า จากนั้นเป็นอย่างไร พูดถึงอะไรบ้าง รีบบอกมาเร็วหน่อยสิ”

หูอวิ๋นหันมองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า หวนรำลึกอยู่พักหนึ่ง

“เหมือนกับพูดบทประพันธ์ที่แปลกมาก น่าจะมีชื่อว่า ‘ท่องเสรี”

เมื่อได้ยินคำว่าท่องเสรี สัญชาตญาณของเต่าเฒ่าบอกว่าไม่ธรรมดา และด้วยความร้อนใจที่ยากจะทนได้ มันไม่สนใจแล้วว่าควรหลีกเลี่ยงหรือไม่

“เนื้อหาเล่า เนื้อหาคืออะไร ขอสหายหูเล่าให้ละเอียดหน่อย พูดอีกสักหลายประโยคก็ได้!”

อุ้งเท้าจิ้งจอกของหูอวิ๋นเกาศีรษะตนเองอย่างแรง คิดไม่ตกอยู่นานจนสุดท้ายก็ปล่อยวางแล้ว

“ยากและยาวเกินไป ข้าลืมไปหมดแล้ว…”

“เจ้า! เจ้า! เจ้าๆๆๆ…อ๊าก…”

ครืน…

คลื่นให้ริมแม่น้ำม้วนขึ้นหูอวิ๋นพลันกระโจนตัวจากฝั่งออกไปไกลหลายครั้ง ปลาชิงฮื้อก็ว่ายไปยังที่ไกลแสนไกลในทันที

หนึ่งจิ้งจอกหนึ่งปลามองเต่าเฒ่าม้วนคลื่นคลั่งทั้งตะโกนร้องเสียงดังด้วยความหวาดกลัว รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

‘จิ้งจอกน่าตายตัวนี้ ปล่อยวาสนาจากสวรรค์ไปครั้งแล้วครั้งเล่า ยังมีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน!’

ร่างเต่าเฒ่ายิ่งอึดอัดจนแทบจะกระอักเลือดเพราะความรู้สึกขัดใจ