ตอนที่ 214 สารภาพผิดทั้งหมด

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 214 สารภาพผิดทั้งหมด

อำเภอเล็กๆ อย่างถิงสุ่ยมีโรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียว ดังนั้นชื่อของโรงเตี๊ยมจึงเรียกว่าโรงเตี๊ยมถิงสุ่ยเสียเลย

ภายในโถงโรงเตี๊ยมถิงสุ่ยในเวลานี้ จอมยุทธ์ทุกคนวางใจลงแล้ว พลันวกกลับไปถามคำถามตู้เหิงต่อจากก่อนหน้านี้

หลี่ทงโจวยกสุราคารวะตู้เหิงครั้งหนึ่ง การคารวะครั้งนี้แฝงนับสอบถามชัดเจน

“น้องตู้ ท่านจี้ผู้นี้เป็นใครกันแน่ พวกเราเป็นตายร่วมกันหลายครั้ง เสี่ยงตายรอดพ้นหายนะมาด้วยกันหลายหน นับว่าเป็นเพื่อนตายกันได้แล้ว เล่าให้พวกข้าฟังหน่อยเถอะ!”

“ใช่แล้วจอมยุทธ์ตู้!”

“เห็นด้วยๆ จอมยุทธ์ตู้เล่าเถอะ ท่านจี้ทำเช่นนี้ ฟู่…”

ชายหนุ่มเสียงใหญ่คนหนึ่งเป่าลมเลียนแบบจี้หยวน เลียนแบบได้ไม่คล้ายเท่าไหร่ แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าหมายความว่าอย่างไร

“เป่าลมเช่นนี้แล้วทำให้ผีเด็กน่ากลัวเหล่านั้นกลายเป็นเถ้า ความสามารถนั้นยากนักจะจินตนาการได้! ท่านจี้ใช่เทพเซียนใดหรือไม่”

“ใช่ๆๆ ก่อนหน้านี้ท่านพ่อข้าบอกว่าจอมยุทธ์อย่างพวกเรานั้น เชื่อผีสางสิ่งงมงายใดก็มิสู้เชื่อดาบในมือ ข้าคิดมาตลอดว่าเรื่องแปลกพิสดารเหล่านั้นมีอยู่แค่ในเรื่องเล่า ครั้งนี้ได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่แล้วจริงๆ!”

“ถูกต้อง เหล่าชุ่ย รีบไปผัดผักที่หลังครัวอีกเถอะ เทสุราให้จอมยุทธ์ทุกคนด้วย”

หลงจู๊โรงเตี๊ยมเห็นด้วยเช่นกัน

ตู้เหิงก็ตื่นเต้นมาก ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ย่อมไม่อยากเลี่ยงแล้ว สหายกลุ่มนี้แตกต่างกับสหายกลุ่มที่ร่วมเอาชนะเสือด้วยกันในปีนั้นมาก แม้อยู่ร่วมกันไม่นับว่านาน แต่หลายปีมานี้ขึ้นเหนือล่องใต้ร่วมกัน เอาชนะโจรภูเขา จับอันธพาลชั่ว ถึงขนาดปลอมตัวกำจัดขุนนางโลภมาก ครั้งนี้ร่วมแรงกันต้านปีศาจร้ายไม่ยอมแยกจาก เป็นมิตรภาพเป็นตายของแท้แล้ว

ถึงเล่าเรื่องส่วนตัวของจี้หยวนมากเกินไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนรู้เป็นสิ่งที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก ตู้เหิงกลับรู้สึกว่าชี้ทางสว่างได้ และดูจากการกระทำของจี้หยวนก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังให้มากแล้ว

“ได้สิ ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังตั้งแต่ต้น เรื่องบางเรื่องเล่าแล้วอาจทำให้ท่านจี้ไม่ชอบใจ เช่นนั้นข้าจะไม่พูดมากความ ส่วนเรื่องที่เล่าได้ก็จะเล่าให้พวกเจ้าฟังแล้ว!”

“เยี่ยม!”

“ดีเลยๆ!”

“ไม่เลว!”

“ไอ้หยา จอมยุทธ์ตู้เล่าเร็ว ข้าจะรินสุราให้ท่านเอง!”

“อะแฮ่ม…”

ตู้เหิงกระแอม จากนั้นก้มตัวลงกล่าว

“พวกเจ้าล้วนรู้ว่าก่อนเข้าฤดูหนาวข้าเคยส่งจดหมายเล่าสถานการณ์แปลกประหลาดของที่นี่ให้ท่านจี้รู้ใช่หรือไม่”

ทุกคนพากันพยักหน้า สมาชิกโรงเตี๊ยมที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็จับประเด็นตามโดยสัญชาตญาณ

“เช่นนั้นพวกเจ้าลองคิดดูเถอะ จดหมายจากรัฐจินถึงรัฐจีใช้เวลานานเท่าไหร่ จังหวัดเต๋อเซิ่งแห่งรัฐจีเชียว!”

“รัฐจี?”

“จิ๊ๆ นั่นต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยกระมัง!”

หลงจู๊โรงเตี๊ยมก็เอ่ยขึ้นอย่างเกินจริงเช่นกัน

“มีครั้งหนึ่งข้าเขียนจดหมายให้พ่อค้าที่อยู่ในจังหวัดจิงจี ตั้งครึ่งปีกว่าจะถึงแน่ะ!”

ตู้เหิงหัวเราะ

“ข้ารู้สึกว่าจดหมายอาจเพิ่งถึงรัฐจีเมื่อหลายวันก่อน และท่านจี้ได้อ่านมันแล้ว”

ชายหนุ่มเสียงใหญ่คนนั้นมองซ้ายขวา อดพูดขึ้นไม่ได้

“ระยะทางไกลขนาดนี้ท่านจี้มาถึงเลยทันทีหรือ นั่นต้องบินมาไม่ใช่หรือไร!”

“แค่กๆ…นั่นเจ้าพูดเองนะ ข้าไม่ได้พูด!”

ตู้เหิงไอพลางตอบอย่างมีเลศนัย คนข้างๆ ก็เข้าใจในทันทีเช่นกัน กอปรกับประสบการณ์เมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้ นั่นยืนยันการคาดเดาบางอย่างแล้ว

แต่น่าเสียดายที่คืนนี้แม้ตู้เหิงจะเล่าเรื่องมากมาย แต่ไม่ได้ตอบคำถามที่ว่าจี้หยวนพักอยู่ที่ใด คนอื่นก็ลำบากใจที่จะถามเช่นกัน

ในฐานะที่ถูกกล่าวถึง จี้หยวนกลับไม่คิดเช่นนั้น บัดนี้เตรียมจัดการศิษย์อาจารย์ฝึกมารสองคนนี้แล้ว จากนั้นค่อยตั้งอกตั้งใจทำความเข้าใจกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้อย่างละเอียด

คันเบ็ดตกปลาบนไหล่จี้หยวนไม่ได้มีอะไรพิเศษจริงๆ แต่ด้วยนิสัยของเขาค่อนข้างชอบใช้ของเก่าที่คุ้นมือแล้ว

ดังนั้นหลังจากทำเบ็ดตกปลาอีกอันหนึ่งก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็เขียนตัวอักษรสองสามตัวและใช้วิธีการบางอย่าง ทำให้เอ็นของคันเบ็ดตกปลาเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อย่างเช่นคันเบ็ดตกปลาม้วนเป็นวงกลมเหมือนม้วนไหมพรมเก็บไว้ในแขนเสื้อได้

ด้วยข้ออ้างว่าพกติดตัวไม่สะดวก เพื่อให้เต่าเฒ่าคอยเฝ้าดูคันเบ็ดตกปลาที่ริมแม่น้ำวสันต์รออยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้จี้หยวนหิวคนฝึกมารทั้งสองขึ้น แน่นอนว่าไม่อาจกลับอำเภอหนิงอัน เพราะเขากลัวว่าจะทำให้อาณาเขตของตนเองแปดเปื้อน จะรับมือกับสองคนนี้ควรมอบให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการ หรือเรียกว่าภูตผีที่เชี่ยวชาญก็ได้

รัฐจีพื้นที่กว้างคนน้อย เขตอำเภอมากมายไม่มีศาลหลักเมืองที่เข้าท่าเข้าที แม้แต่มรรควิถีเทพหลักเมืองจังหวัดจำนวนหนึ่งต้องไม่ลึกซึ้งเท่าแถบต้าเจินแน่ และจี้หยวนไม่คุ้นเคยกับพวกเขา หิ้วคนไปเช่นนี้ย่อมนำมาซึ่งความสงสัยต่อการพิจารณาคดี อีกทั้งมีขั้นตอนกำจัดความเก้อเขินอีก ยุ่งยากอยู่บ้าง

จี้หยวนนึกถึงศาลมืดจังหวัดชุนฮุ่ยเป็นอันดับแรก ถึงอย่างไรเสียในข้อความของไม้หยินสื่อจิตก่อนหน้านี้ก็มีบันทึกพิจารณาคดีปีศาจงูอยู่ท่อนหนึ่ง จี้หยวนค่อนข้างแน่ใจในความสามารถพิเศษของพวกเขาอยู่

ดังนั้นหลังเดินออกจากอำเภอถิงสุ่ย จี้หยวนกระโจนตัวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที ขณะขี่เมฆก็คุมวายุแหวกกระแสอากาศและพายุหิมะรอบข้าง สร้างบรรยากาศไร้ลมให้กับตนเองชั่วคราว

จี้หยวนมองไก่ย่างและกาสุราในมือ ไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมาหลายวันมากแล้วจริงๆ

มือขวาประคองจาน ไก่ย่างที่เดิมทีเย็นชืดแล้วกลับมีสีสันร้อนระอุ หลังจากไม่กี่ลมหายใจก็ร้อนควันพวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง กลิ่นหอมเตะจมูกเช่นกัน

“ไม่เลวๆ ฝีมือเพิ่มความร้อนใช้ได้ ไม่ไหม้แล้ว”

ตอนจี้หยวนกินไก่ย่างและดื่มสุราดาบระอุเร่งเดินทางอยู่บนก้อนเมฆ มีเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเขาลานสารทก่อนหน้านี้ และมีคนตั้งอกตั้งใจแพร่ข่าวลือออกไป ในระดับหนึ่งก็เท่ากับยืนยันข่าวลือที่ว่ามารแท้คือพยัคฆ์หมอบ มังกรที่ซ่อนอยู่ภายในต้าเจินจริงๆ

หลังจากพระอาทิตย์ตกในวันต่อมา ข้างนอกศาลหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยดึกสงัดเงียบสงบ นอกจากคนเคาะบอกเวลาและผู้ลาดตระเวนแล้วไม่น่ามีใครเดินเล่นในยามค่ำคืน มีชายในชุดสีขาวใช้คันเบ็ดตกปลาโค้งงอเกินจริงหิ้วคนสองคนกำลังเข้าใกล้ศาลหลักเมือง ซึ่งก็คือจี้หยวนที่เพิ่งกลับจากรัฐจีนั่นเอง

ตอนเข้าใกล้หน้าศาลหลักเมืองได้ระยะหนึ่ง จี้หยวนโคจรพลังเปลี่ยนผันเป็นหยินหยาง ก้าวผ่านขอบเขตระหว่างโลกคนเป็นและคนตาย ก่อนที่ตรงหน้าจะปรากฏภาพของประตูผี

เห็นชายชุดขาวคนหนึ่งหิ้วสองคนมาเช่นนี้ ยมทูตดำหลายคนที่อยู่หน้าประตูผีก้าวเข้าไปสอบถามทันที

“ผู้มาเยือนเป็นใคร บุกอาณาเขตศาลมืดจังหวัดชุนฮุ่ยด้วยธุระใด”

ผู้มาเยือนไม่ใช่ผีแน่นอน ในฐานะที่เป็นยมทูตดำจึงแยกแยะเรื่องนี้ได้จากความหนักของฝีเท้าและปราณเพลิงบนตัวอีกฝ่าย แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน

เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก จี้หยวนนำป้ายไม้หยินที่เก็บกลับมาจากหูอวิ๋นหลังกลับถึงอำเภอหนิงอันครั้งก่อนออกมา จากนั้นส่งให้ยมทูตดำดู

“นี่คือป้ายไม้ของใต้เท้าหลักเมืองจังหวัดชุยฮุ่ย รบกวนบอกกล่าวเขาทีว่าข้าจี้หยวนมาเยี่ยมเยียน!”

ครั้นป้ายไม้ถึงมือ ยมทูตดำรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความร้ายกาจของใต้เท้าหลักเมือง ทันใดนั้นไม่กล้ารีรอ กล่าวกับจี้หยวนว่า “ท่านโปรดรอสักครู่” ก่อนจะรีบร้อนเดินเข้าไปในศาลมืด

หลังจากเทพหลักเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยเห็นไม้หยิน เขาไม่รีรออะไรอีก รีบออกไปทักทายและทำความเข้าใจเรื่องราว ก่อนจะดึงวิญญาณหนึ่งชายชราหนึ่งหญิงสาวสองศิษย์อาจารย์ด้วยตนเอง เพื่อขังไว้ในส่วนลึกของคุกกรมลงทัณฑ์

ระหว่างนี้นอกจากหญิงสาวที่ถูกวิชาสะกดจุดแล้ว ชายชราผู้นั้นยังคงอยู่ในสภาวะหลับลึก

พอผ่านไปประมาณหนึ่งวันได้ อาบปราณหยินของศาลมืดจนชุ่มฉ่ำแล้ว ชายชราในร่างวิญญาณตื่นเต็มตาในที่สุด วินาทีที่สติกลับคืนก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นโดยรอบ อีกทั้งได้ยินเสียงร้องน่าเวทนามาจากที่ไกลอยู่เรื่อยๆ

สายตาและความทรงจำล้วนพร่าเลือนอยู่บ้าง เขาเปลืองแรงหวนรำลึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มีผู้สูงส่งตามฆ่ามาถึง เทพภูเขาไม่ต่อสู้ด้วย หลังจากนั้นเป็นอย่างไรก็จำไม่ได้แล้ว…

“ข้าตายแล้วใช่หรือไม่”

“หึๆ เจ้าพูดถูกต้อง ตอนนี้เจ้าไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที ทำเอาชายชราเงยหน้าขึ้นทันควัน สายตาแจ่มชัดขึ้นมาแล้ว เงาคนสูงใหญ่สวมชุดทางการใบหน้าดุร้ายกดดันคนยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง ทั่วทุกที่ล้วนเป็นเครื่องทรมาน ทั่วทุกที่ล้วนมีสัตว์ประหลาดหลากรูปร่างถูกจองจำไว้ อีกทั้งมีเสียงแส้ฟาดและเสียงร้องโหยหวนดังอยู่ตลอดเวลา

“ที่ไหนน่ะหรือ ฮ่าๆ เจ้าถามตัวเองสิว่าที่ไหน!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ…”

“ย๊าฮ่าๆๆๆ…”

“หุๆๆๆ…”

“วะฮะฮ่าๆๆ…”

รอบข้างล้วนเป็นเสียงหัวเราะแปลกๆ ท่ามกลางบรรยากาศน่ากลัว บ้างมาจากคนแปลกที่หน้าตาเหมือนขุนนาง บ้างมาจากสัตว์ประหลากที่ถูกจองจำเหล่านั้น แม้เป็นผู้ฝึกปราณ ชายชราก็รู้สึกถึงความชั่วร้ายและปราณพยาบาทที่ถาโถมเข้ามาทันที

“ฮ่าๆๆๆ อ๊าก…ฮ่าๆ…อ๊าก…”

สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเมื่อครู่ยังหัวเราะอยู่เลย แต่ครู่ต่อมาถูกกดลงในหม้อน้ำมัน เสียงปุดๆ ดังขึ้นแล้ว มันส่งเสียงร้องปวดร้าวน่าสงสารทันที แต่ต่อให้ร้องเพราะเจ็บแค่ไหนก็ยังคงหัวเราะให้ชายชราอยู่ดี

ผีร้ายและสัตว์ประหลาดทั้งหมดรอบๆ ล้วนกำลังหัวเราะ พวกมันล้วนรู้ดีว่าชายชราทำผิดมหันต์ เพราะถูกจองจำอยู่บนเสาสำริดบนแท่นมาร และเพราะเมฆดำโสมมเหนือศีรษะหนาแน่นขนาดนั้น ทั้งผีและปีศาจที่ตัวอยู่ในคุกอยากเห็นคนที่ทุกข์ยากเหมือนพวกมันเป็นที่สุด ทุกข์ยากยิ่งกว่าพวกมันได้ยิ่งดี

ชายในชุดขุนนางคนนั้นมองชายชราด้วยสีหน้าเย็นชา

“เจ้าว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”

ชายชราขนหัวลุก นี่เกรงว่าจะเป็นคุกศาลมืดในตำนาน ตอ่ให้เป็นผู้ฝึกปราณก็ไม่มีทางมีใครยินดีมา

เสียงหัวเราะน่ากลัวรอบข้างเสียดหูยิ่งขึ้น สัตว์ประหลาดที่ดูแปลกตามากมายที่จริงแล้วเคยเป็นคนมาก่อน แต่ได้รับทัณฑ์ทรมานในคุกจนหมดสิ้นสภาพคนแล้ว เรื่องเล่าเหล่านี้ชายชราล้วนเคยได้ยิน ดังนั้นเมื่อเห็นแล้วจึงนึกเชื่อมโยงทันที

“พวกเขา…เหตุใดถึงหัวเราะข้า”

ชายชราถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“หึๆๆๆ นั่นย่อมเป็นเพราะได้เห็นคนที่น่าเวทนายิ่งกว่าพวกมัน ผู้ฝึกมารอย่างเจ้าไม่รู้เหมือนกันว่าทำความผิดบาปมามากมายเท่าไหร่ หลังจากท่านเซียนถอดยันต์ป้องกันบนตัวเจ้าออก ปราณชั่วร้ายก็อบอวลเชียวล่ะ…”

เพชรฆาต ผู้ที่ร้ายกาจที่สุดในกรมลงทัณฑ์จังหวัดชุนฮุ่ยมองเขาพลางกล่าว

“กรมลงทัณฑ์ไม่คิดพิจารณาคดีเจ้า ใต้เท้าบอกไว้ว่ามารร้ายอย่างเจ้าน่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก รับทัณฑ์ร้อยพันโดยตรงเป็นอันใช้ได้ อีกทั้งจิตใจผู้ฝึกปราณมั่นคงเข้มแข็ง ยิ่งไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก พวกข้ากรมลงทัณฑ์มีคำกล่าวว่า ‘การตายโดยเร็วถือเป็นความสุขยิ่ง’ ฮ่าๆๆๆ…อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจแล้ว!”

ระหว่างที่พูดอยู่นั้น แท่นมารเหมือนจะขยับแล้ว สีแดงคล้ำตรงหน้าปรากฏชัด ผีดุลิ้นยาวกระดูกแห้งกรังนับไม่ถ้วนส่งเสียงโหยหวนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ…

หลังจากนั้นเพียงครึ่งวัน ส่วนลึกของคุกกรมลงทัณฑ์นอกจากเสียงร้องน่าสมเพชแทบขาดใจของชายชราแล้ว สิ่งอื่นเหลือเพียงคำพูดเดียว

“อ๊าก…ข้าสารภาพแล้ว ใครบอกว่าข้าไม่สารภาพ ข้าจะสารภาพทั้งหมด!”