ตอนที่ 247 สายสืบหัวล้าน

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 247 สายสืบหัวล้าน

ภิกษุฮุ่ยถงนับเป็นพระระดับสูง แม้วิชาที่ฝึกปรือแตกต่างออกไป พูดถึงมรรควิถีแล้วเทียบกับผู้สูงส่งมากมายในตำหนักใหญ่ไม่ได้ ทว่าอย่างน้อยจิตวิญญาณการตอบสนองว่องไว รู้ว่าผู้สูงส่งเหล่านี้ไม่มีทางถือเรื่องพรรค์นี้เป็นเรื่องล้อเล่น

“ทว่าเหนืออาณาจักรเทียนเป่าผาสุก มีบางสถานที่เป็นแหล่งกำเนิดเผ่าพันธุ์ปีศาจ ยังไม่ต้องพูดถึงตำนานเทพในหมู่ชาวบ้าน ไม่ว่าป่าเขา เมือง บ่อน้ำภายในอาณาจักรล้วนมีผู้สูงส่ง…”

ถึงแม้ภิกษุรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริง ก็ยังอดไม่ได้พูดออกมาหลายคำ ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่หวังว่าจะได้รับคำตอบจากผู้สูงส่งมากมายที่นี่

“ใช่ แม้ข้าอาศัยอยู่ที่ต้าเจินมานาน แต่ก็เคยได้ยินชื่ออาณาจักรเทียนเป่าเช่นกัน นับเป็นอาณาจักใหญ่ไม่กี่แห่งบนเกาะเมฆาบูรพา บอกว่าชักจูงขุมอำนาจมนุษย์บนเกาะเมฆาได้ก็ไม่นับว่าเกินไป ตอนนี้แม้คำนวณดูกลับไม่ชัดเจน หากไม่ใช่ในอาณาจักรเกิดเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่ ก็มีคนใช้วิชามารแล้ว!”

คำพูดของมังกรเฒ่าทำให้จี้หยวนทอดถอนใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

หากใช้คำพูดของเมื่อชาติก่อน ผู้ฝึกปราณบนแผ่นดินต้าเจินนี้ถือว่า ‘สันโดษ’ ทีเดียว หรือเรียกได้ว่าความจริงผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่บนโลกก็ค่อนข้างสันโดษอยู่แล้ว ทว่าที่ต้าเจินสันโดษอย่างชัดเจนยิ่งกว่า

วาจาของภิกษุทำให้คนรอบข้างเกิดการคาดเดา จากผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกไปจนถึงมังกรเจียวแปลงกายล้วนมีความคิดเห็น ถึงขนาดที่ทั้งสองฝ่ายยึดโยงถึงสถานการณ์ที่แต่ละคนพบเจอก่อนหน้านี้

เมื่อการพูดคุยภายในตำหนักเบาเสียงลงบ้าง เทพหลักเมืองจังหวัดจิงจีถึงสะบัดแขนเสื้อ ดันไอหมอกภายในตำหนักไปด้านข้าง เปิดพื้นที่ว่างให้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นมองภิกษุฮุ่ยถงก่อนมองไปทางซ้ายและขวา

“จากคำพูดของภิกษุฮุ่ยถงและสหายทุกท่าน ไม่แน่ใจว่าคาดเดาสถานการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่ อาณาจักรเทียนเป่ารวมถึงบนพื้นที่เกาะนภาเกิดเรื่องผิดปกตินี้มาสิบกว่าปีแล้ว หรืออย่างน้อยไม่เคยปรากฏอะไรเลยแม้สักนิดก่อนสิบกว่าปีนี้”

จูหยวนจื่อผู้มีมรรควิถีสูงส่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกมุ่นคิ้วเอ่ยปาก

“ผู้ฝึกมารใช้วิชาชั่วช้าจิตใจก็ชั่วช้า ยากจะพูดได้ว่าอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรวมกลุ่มกันเลย”

“เซียนจูหยวนจื่อพูดถูกต้อง ผู้ฝึกมารส่วนใหญ่จิตใจชั่วช้า เกิดใจอำมหิตได้ง่าย จิตใจและนิสัยแม้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ทว่าไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบถึงกัน จิตใจมารชั่วช้าจะส่งผลกระทบต่อหนทางมรรค ทว่าไม่จำเป็นต้องกดกลั้นอารมณ์ไว้ และเรื่องนี้ไม่ธรรมดาไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน สิ่งชั่วร้ายกลุ่มนี้ที่มาเยือนต้าเจินเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมวารีปฐพีคงต้องก่อปัญหาระหว่างนี้”

จี้หยวนกล่าวสนับสนุนก่อนค่อยพูดมุมมองของตนเอง

ผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกยังคงมีมุมมองของจวนเซียนดั้งเดิม ภาษาชาวบ้านก็คือเหยียดหยามพวกมารและปีศาจโดยธรรมชาติ ส่วนมองรังเกียจสัตว์ป่ามารประหลาดเหล่านั้น ผลของการมองคนผ่านแว่นตาดำคือการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปได้โดยง่าย

อย่างเช่นจูหยวนจื่อผู้นี้ ในมือจี้หยวนยังคงมีแท่งหยกและตำราของเขา พูดถึงมรรควิถีแล้วล้ำลึกอย่างแน่นอน เทียบกับขอทานชราอาจเหนือกว่าขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้ปฏิเสธกลโกงของปีศาจไม่ได้ กลับยังคงไม่อาจปกปิดความหมายที่ว่ามารยากเกิดปราณ แต่ความจริงแล้วผู้ที่รุนแรงดุร้ายอดทนได้นานกว่าเพราะมีเป้าหมายที่สูงยิ่งกว่า

“อืม เป็นเช่นนั้นจริง! แต่…”

จูหยวนจื่อพูดพลางมองไปยังเทพหลักเมืองจังหวัดจิงจี

“เทพที่คอยคุ้มครองทางนั้นเล่า”

คนส่วนใหญ่ในโลกของการฝึกเซียนไม่สนใจเรื่องทางโลก บางครั้งเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีคนเข้าออกจวนเซียนแห่งหนึ่งเลยตลอดหลายสิบปี เมื่อออกจากจวนเซียนทีไรก็จะมีฝีมือยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ แต่เทพทุกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับคนและสัตว์

ดังนั้นมีผู้ฝึกปราณเสนอว่าให้บินสำรวจอาณาจักรเทียนเป่ารอบหนึ่ง ทว่าจูหยวนจื่อปฏิเสธในทันที

“การคาดเดาของพวกเราไม่มีหลักการเกินไป แต่ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอนที่จะรีบเร่งไปยังอาณาจักรเทียนเป่า!”

“หึ รีบเร่งไปก็อาจไม่ได้ผลอะไร ก่อนหน้านี้มังกรเฒ่าออกไปสังหารคนไม่น้อย จำนวนเท่าไหร่กันแน่ขอไม่พูด เพราะความจริงแล้วไม่อาจสืบค้นอะไรได้ สิ่งชั่วร้ายมากมายเหล่านั้นเหมือนกับผุดออกมาจากพื้นดินอย่างไรอย่างนั้น!”

มังกรเฒ่ายังคงสงสัยเรื่องของผู้ลงมือกับโม่หรงที่สุดท้ายแล้วก็ยังหาไม่เจออยู่เสมอ แม้ก่อนหน้าโม่หรงตายจะพูดว่าไม่แน่ใจว่าสังหารไปหมดแล้วหรือไม่ แต่ความจริงแล้วมังกรเฒ่าก็รู้ว่าตนเองไม่ได้กำจัดทั้งหมดจนสิ้นซาก อย่างน้อยก็ตามหาเส้นเอ็นมังกรของโม่หรงกลับมาไม่ได้ ไม่อาจทำให้ร่างของโม่หรงสมบูรณ์ได้

เทพผีเซียนมารในตำหนักสนทนากันอีกครั้ง คล้ายกับตอนที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งเจอเรื่องยากอยู่บ้าง ทว่าขาดความรู้สึกเสียงดังอึกทึกเท่านั้นเอง

จี้หยวนได้ฟังและคิดอยู่นานแล้ว ถึงตอนนี้ถึงพิจารณาแล้วเอ่ยปากอีกครั้ง

“ครั้งนี้พวกเรามาต้าเจินเพื่อกวาดล้างปีศาจที่มายังงานชุมนุม หากกระทำการใหญ่อะไรทันที นั่นเท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น เป็นเช่นที่ผู้อาวุโสอิงกล่าว การใช้พลังปราบปรามอาจไม่เกิดผลลัพธ์ที่คิดไว้ อย่างไรก็ตามธุระระหว่างอาณาจักรถิงเลหียงและอาณาจักรเทียนเป่าก็ไม่ควรประมาท เจ้าหน้าที่จากสวรรค์ลาดตระเวนยังไม่สู้ส่งคนไปตรวจสอบสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวัง…”

“สาธุพระวิทยาราช อาตมาฮุ่ยถงยินดีรับผิดชอบเรื่องนี้!”

ภิกษุฮุ่ยถงที่เหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้พลันเอ่ยปากขึ้น จี้หยวนคล้ายกับคาดเดาไว้อยู่แล้ว จึงมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวอย่างเรียบสงบ

“ไต้ซือ แม้ท่านแตกฉานในพุทธศาสนา อีกทั้งได้อานิสงส์จากการร่วมขจัดภัยและอธิษฐานขอพรอยู่เสมอ ทว่ามารปีศาจนอกรีตที่ได้ปราณแล้วเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่พุทธศาสนาจะกำจัดได้ แม้ว่าท่านเชี่ยวชาญวิชาของพระวิทยาราช แต่ก็ยากจะรับรองว่ามีโอกาสใช้พลังของพระวิทยาราชนะ”

“สาธุพระวิทยาราช…”

ภิกษุฮุ่ยถงเอ่ยขึ้น คารวะเทพเซียนมารโดยรอบครั้งหนึ่ง

“อามาตเป็นพระวัดต้าเหลียง อยู่ห่างจากชายแดนอาณาจักรเทียนเป่าไม่ไกล อีกทั้งออกธุดงค์อยู่นานหลายปี ครั้งนี้เข้าร่วมงานชุมนุมที่ต้าเจิน ถึงเวลากลับอาณาจักรถิงเหลียงพอดี หรือจะธุดงค์ไปทางเหนือแล้วพำนักที่วัดต้าหลุนแห่งอาณาจักรเทียนเป่าก็ได้ ฮ่าๆ…ไม่ถือว่าลำบากอะไร อย่างไรอาตมาก็คิดจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว”

แต่มีเรื่องนี้แล้วยังคิดทำเช่นนี้อีกก็แตกต่างออกไป

จี้หยวนเผยสีหน้าเลื่อมใส

“ไต้ซือคุณธรรมสูงส่ง ต่อไปต้องได้เป็นศิษย์พระวิทยาราชแน่!”

“ภิกษุรูปนี้ไม่เลวเลยจริงๆ เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าถูกเปิดเผยแล้ว”

มังกรเฒ่าเอ่ยเย้าคำหนึ่ง ได้รับความเข้าใจใหม่จากภิกษุรูปนี้ ส่วนคนอื่นต้องมองภิกษุหนุ่มรูปนี้ใหม่ไม่มากก็น้อย

แต่ข้อเสนอของภิกษุฮุ่ยถงนับว่าเป็นการเตรียมพร้อมอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจมอบความหวังให้ทั้งหมด ยังต้องเสาะหาหนทางอื่นด้วย

แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาคิดมากไปเอง สุดท้ายแล้วเป็นแค่ความบังเอิญบางอย่าง อย่างไรเสียเรื่องข่าวลือหอความลับสวรรค์ก็กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ดึงดูดมารได้ปราณจำนวนหนึ่งจากพื้นที่อาณาจักรเทียนเป่ามาได้พอดี ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เลย

ภิกษุรูปนี้ไม่เป็นวิชาเหาะเหิน เมื่อคืนย่อมไม่อาจอยู่ที่จังหวัดจิงจี แล้ววันนี้ก็มาถึงรัฐจิน ดังนั้นทำได้เพียงถูกพาตัวมาส่ง

ตอนนี้ข้างเขาลานสารททางเหนือของรัฐจิน ภิกษุฮุ่ยถง จี้หยวน และมังกรเฒ่าร่อนลงจากก้อนเมฆด้วยกัน

“ไต้ซือฮุ่ยถง ข้ามเขาลูกนี้ไปก็เป็นอาณาจักรถิงเหลียงแล้ว ที่พวกเราสนทนากันมากก่อนหน้านี้คืออาณาจักรเทียนเป่าหรือสถานที่ทางตอนเหนือของเกาะเมฆา ทว่าถิงเหลียงเองก็อาจจะไม่ปลอดภัย ข้ามเขาลูกนี้ไปท่านต้องเริ่มระแวดระวัง แน่นอนว่าตอนนี้มีความน่าเกรงขามของมังกรแท้ตัวหนึ่ง มากกว่าครึ่งหนึ่งทางตอนใต้ของอาณาจักรถิงเหลียงไม่มีทางเกิดเรื่องอะไร”

จี้หยวนพูดตรงนี้แล้วมองไปข้างหน้า จากนั้นพูดต่อ

“คนที่จะรับท่านไปมาแล้ว”

ภิกษุฮุ่ยถงและมังกรเฒ่ามองเห็นแล้วเช่นกัน ริมตีนเขาไม่ไกลมีคนผู้หนึ่งสีหน้าเดียวกับหินผาปรากฏตัวขึ้นหลังจากควันสีเหลืองจางหาย กำลังเดินมุ่งหน้ามาหาทั้งสามคน

“เทพภูเขาหงเซิ่งถิงแห่งเขาลานสารทขอคารวะท่านจี้ คารวะประมุขมังกร และคารวะไต้ซือ!”

“เทพภูเขาหงสวัสดี!”

“เทพภูเขามากพิธีแล้ว!”

“อาตมาคารวะใต้เท้าเทพภูเขา!”

จี้หยวน มังกรเฒ่า และไต้ซือฮุ่ยถงคารวะตอบเทพภูเขา ปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกันไป

แม้เทพภูเขาไม่รู้จักภิกษุฮุ่ยถง แต่ภิกษุรูปนี้ยืนอยู่กับทั้งสองท่านนี้ได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นผู้ที่ไม่อาจมองข้ามได้

“ไต้ซือ ยันต์หยกว่างเปล่าของเขาล้อมหยกมีอภินิหารไม่ธรรมดา เป็นวัตถุชั้นสูงในบรรดายันต์หยก แต่มันมีพลังทำลายล้างสำหรับไต้ซือเกินไป กรุณาใช้งานอย่างระมัดระวัง ยันต์วิญญาณดำดินแม้ช่วยคนหนีได้ แต่ไม่ได้มีความวิเศษอะไรในตนเอง หากพลังหมดอาจติดอยู่ใต้ดิน อีกทั้งจะเป็นอันตรายมากเช่นกันหากใครก็ตามที่เก่งวิชาดินสามารถตรึงพลังงานและปิดกั้นพื้นดินได้…”

ยิ่งฟังจี้หยวนพูด ภิกษุฮุ่ยถงยิ่งมีความรู้สึกว่าเหงื่อซึมออกจากศีรษะล้านๆ ไม่ว่าจะฟังจี้หยวนพูดอย่างไรก็รู้สึกว่าตนเองทำเรื่องที่อันตรายมาก

“ฮ่าๆ สรุปแล้วไต้ซือฟังให้มากดูให้มากเป็นดีที่สุด อย่าเพิ่งสิ่งของนอกกายมากจนเกินไป บางทีอาจใช้ประโยชน์ไม่ได้”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้หยวนพูดยืดยาว แม้แต่โลกของการฝึกปราณก็มีวิธีการสื่อสารโต้ตอบไม่กี่วิธี และมีของวิเศษหายากเช่นกัน สิ่งต่าง ๆ เช่นตำรากระบี่บินที่สืบทอดกันนั้นทั้งต้องใช้พลังอภินิหารและต้องใช้เวลา ยิ่งไม่อาจผิดพลาดได้เลย อย่างตำรากระบี่เซียนที่จี้หยวนใช้มีกี่ครั้ง แต่ความจริงแล้วนับว่าฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว

นอกจากภิกษุฮุ่ยถง มังกรเฒ่าไม่สะดวกไปเสาะหาข่าว ผู้ฝึกปราณเขาล้อมหยกเป็นเหมือนกับขอทานชรายามสนทนากับจี้หยวน ยากนักจะปกปิดปราณสูงส่งหรือปราณเซียน อีกทั้งไม่เคยชิน อย่างน้อยจี้หยวนก็ไม่คิดว่ากลุ่มที่มายังจังหวัดจิงจีมีใครเหมาะสม ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณอย่างยากลำบากอยู่ในจวนเซียนมานานปี คาดว่าไม่มีทางจัดการเรื่องทางโลกได้โดยเร็ว

แต่หากจี้หยวนไปเอง อืม พูดตามตรงว่าหนึ่งคือไม่มีความมั่นใจในความสาสามารถของตนเอง สองคือมีเหตุผลคล้ายคลึงกันกับมังกรเฒ่า

ดังนั้นเมื่อกำชับภิกษุฮุ่ยถงแล้วจึงยืดยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกฝั่งหนึ่งฟังจี้หยวนพูดแล้วมีความรู้สึกคล้ายคลึงกับในอดีตที่ถูกพระอาจารย์วัดต้าเหลียงจับไว้แล้วพูดเหตุผลไม่หยุด ทำให้ภิกษุฮุ่ยถงมีความกดดันอย่างน่าประหลาด รู้สึกว่าตนเองทำอะไรล้วนเกิดเรื่องได้ง่ายดายนัก ชนิดที่ว่าวักน้ำขึ้นมาก็อาจจมน้ำได้แล้ว

ตอนนี้ในที่สุดจี้หยวนก็พูดจบแล้ว จึงรีบพนมมือกล่าวว่า

“สาธุพระวิทยาราช อาตมาจะระวังตัว ขอท่านจี้และประมุขมังกรวางใจ!”

จี้หยวนพยักหน้า จากนั้นประสานมือให้เทพภูเขา

“รบกวนเทพภูเขาแล้ว ไม่รบกวนปราณดินและส่งถึงที่อย่างปลอดภัยก็พอ”

เทพภูเขาพยักหน้าแล้วปรพสานมือให้มังกรเฒ่ากับจี้หยวนอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปกดหัวไหล่ภิกษุ

ทันใดนั้นเทพภูเขาและภิกษุฮุ่ยถงก็จมดินลงไปไม่เห็นอีก

“สายสืบหัวล้านผู้นี้ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่…”

เห็นพวกเขาจากไปแล้ว มังกรเฒ่าถอนใจกล่าวเสียงหนึ่ง