ตอนที่ 333 ไม่มีอะไรน่ามอง
หลังจากจี้หยวนและธิดามังกรชมดูในตัวเรือรอบหนึ่งแล้ว พอออกมาเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ความคึกคักสนใจผู้สูงส่งขึ้นเรือลดลงไปไม่น้อย
ตอนนี้นอกจากยังมีคนเกาะขอบเรือมองวาฬยักษ์ที่สงบนิ่งไม่ขยับอยู่เหนือผิวน้ำทะเลข้างล่าง คนมากมายล้วนกลับสู่สภาวะปกติของตนเอง ไปจัดการธุระของตนเองแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ฉือกุยพาจี้หยวนและธิดามังกรเดินไปถึงตลาด นอกจากคนส่วนน้อยที่สายตาดีเหนือใคร หรือไม่ก็จำฉือกุยและหลินเจี้ยนได้ ต่างเดาได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาพาคนเดินเที่ยวด้วยตนเอง ส่วนคนอื่นมากกว่าครึ่งไม่รู้ว่าจี้หยวนและอิงรั่วหลีคือคนที่อยู่บนหลังวาฬยักษ์ก่อนหน้านี้
แตกต่างจากสถานการณ์ที่ค่อนข้างเงียบสงบในตัวเรือ ตอนนี้และเวลานี้ จี้หยวนและธิดามังกรเดินตามหลังฉือกุยและหลินเจี้ยน มองเห็นบนดาดฟ้าเหมือนกับมีถนนเส้นยาว สองข้างถนนล้วนเป็นอาคารสิ่งก่อสร้าง มีทั้งชั้นเดียวและสองชั้น มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่น่าจะเป็นร้านค้า เพราะแขวนป้ายไว้ที่ด้านหน้าด้วย ถึงขนาดเป็นกิจการของคนธรรมดาไม่น้อยเลย ขายของกินหรือไม่ก็ของใช้
แน่นอนว่าร้านขายสิ่งของไม่ธรรมดาย่อมมีเช่นกัน บ้างเป็นร้านค้าตามแบบฉบับ และมีคนหาที่นั่งในร้านที่เหมาะสมวางข้าวของขายเหมือนกับแผงลอย
ตลอดทางมานี้จี้หยวนเหมือนได้เที่ยวเล่น ทุกอย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ชาตินี้เขาเพิ่งเคยเห็นผู้ฝึกปราณรวมตัวกันมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก แม้มีผู้ฝึกปราณหลายระดับอยู่ที่นี่ แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกเซียนตัวจริง จำนวนมากพอดู
ถึงงานชุมนุมวารีปฐพีของจักพรรดิหยวนเต๋อที่อาณาจักรต้าเจินในปีนั้นมีผู้ฝึกปราณจากเขาล้อมหยกมาเยือนไม่น้อย แต่ความจริงแล้วกระจายตัวอยู่ทั่วเมืองหลวงไม่มากเท่าไหร่ กอปรกับปีศาจกลุ่มนั้นถูกทำลายอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันมาก ยิ่งไม่คึกคักเท่า ‘งานชุมนุมผู้ฝึกปราณ’ ในตอนนี้เลย
“ฮ่าๆ ท่านจี้ เรือข้ามอาณาจักรนอกจากช่วยให้คนข้ามเขตแดนได้แล้ว บางครั้งนับว่าเป็นตลาดเคลื่อนที่ของผู้ฝึกปราณเช่นกัน บางครั้งเทียบท่าแล้ว ผู้ฝึกเซียนที่รากฐานยังน้อยหรือเสาะหาความสะดวกสบาย แม้แต่พวกผู้ฝึกมารผู้ฝึกผี รวมถึงผู้มีมรรคเทพล้วนมาเยือนไม่ขาดสาย”
จี้หยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉือกุย
หลินเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ กล่าวต่อ
“ผู้ฝึกปราณก็มีอารมณ์ความรู้สึก มีเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา ถึงจะค่อนข้างน้อยกว่าคนทั่วไปหน่อย แต่ก็มีสิ่งที่ต้องการและสภาวะที่ใฝ่ฝันถึง มนุษย์คิดว่าผู้ฝึกเซียนไร้ความต้องการไร้ความปรารถนา ซึ่งความจริงแล้วไม่สนใจต่อเรื่องทางโลกสักเท่าไหร่เท่านั้น! ทองคำขนาดเท่าหัวสุนัขตกลงบนพื้น มนุษย์ย่อมเก็บขึ้นมา ทว่าหินภูเขาเซียนก้อนหนึ่งอยู่บนพื้น มนุษย์ไม่เข้าใจคิดว่าเป็นหินธรรมดา ทว่าพวกเรากลับหวงแหนราวของล้ำค่า”
จี้หยวนฟังแล้วยิ้ม ก่อนจะกล่าวกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง
“หากข้าพบทองคำขนาดเท่าหัวสุนัข ก็คงเก็บขึ้นมาเช่นกัน”
ธิดามังกรเกือบหัวเราะส่งเสียงออกมาอยู่ข้างๆ เพราะจากคำบอกเล่าของบิดาและความเข้าใจของตนเอง นางแน่ใจมากว่าท่านอาจี้รักอิสระไร้ข้อจำกัด อีกทั้งชอบท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์ เขาบอกว่าคงเก็บขึ้นมาเช่นกัน เช่นนั้นก็คงเก็บขึ้นมาจริงๆ
ฉือกุยและหลินเจี้ยนคิดว่าผู้อาวุโสท่านนี้ล้อเล่น จากนั้นนำทางคนเดินหน้าต่อไป
ใจกลางตลาดข้างหน้าเป็นเสากระโดงเรือขนาดใหญ่ยักษ์ สูงชะลูด และเป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกปราณขายข้าวของกันมากที่สุด
“ไป ข้าก็จะเข้าไปดูหน่อย!”
จี้หยวนยังคงสนใจ รีบก้าวเท้าเดินไป เมื่อถึงด้านข้างแล้วมองซ้ายมองขวา หาสิ่งก่อสร้างที่แขวานป้าย ‘ร้านแลกเปลี่ยนสิ่งของ’ แล้วเดินเข้าไป
ข้างในเงียบสงบ มีเสียงสนทนาบ้างทว่าไม่ดังมาก ผู้ฝึกปราณตั้งแผงมักไม่ค่อยส่งเสียงดังเรียกลูกค้า
มีคนอยู่ข้างในไม่มาก พื้นที่ตั้งแผงไม่นับว่ามากเกินไป ผู้ฝึกปราณแต่งกายแตกต่างกันนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหลังโต๊ะตัวเล็ก พวกจี้หยวนสี่คนเข้าไปย่อมดึงดูดความสนใจได้ แต่ไม่มีใครส่งเสียงเรียก
บนโต๊ะตัวเล็กวางไว้ด้วยสิ่งของที่นับได้ว่าเป็น ‘สินค้า’ จำนวนหนึ่ง มียันต์วิญญาณและของวิเศษ น่าประหลาดนักจี้หยวนมองเห็น ‘บอนไซ’ สองกระถางด้วย
เขาเข้าไปจ้องมองอย่างตั้งใจด้วยความอยากรู้อยากเห็น สิ่งที่ปลูกอยู่ในกระถางเป็นพืชชนิดเดียวกัน คล้ายกับเถาวัลย์หนาพันขึ้นไป สูงประมาณหนึ่งฉื่อ มีใบไม้ขนาดเล็กและมีหนามแหลม ทั้งคู่ล้วนมีสีม่วง
เห็นจี้หยวนหยุดฝีเท้ามองดู ผู้ฝึกปราณที่นั่งหลับตาอยู่ข้างหลังโต๊ะเล็กจึงลืมตาขึ้นแนะนำ
“นี่คือเถาวัลย์หงส์ฟู่ กระถางเป็นกระถางธรรมดา ส่วนดินเป็นดินดำจากน้ำพุวิญญาณ รับรองได้ว่าเถาวัลย์หงส์ฟู่จะไม่มีวันตาย หากดูแลเอาใจใส่อย่างดี อนาคตอาจแตกหน่อออกดอก ช่วยสงบใจและเติมปราณดั้งเดิมได้”
“อ๋อ เช่นนั้นเลี้ยงนานเท่าไหร่ถึงจะแตกหน่อออกผลได้”
จี้หยวนถามออกไปอย่างสบายๆ ฝ่ายผู้ฝึกปราณยิ้มแย้ม
“นั่นขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน เถาวัลย์หงส์ฟู่ถือว่าหายาก หากสภาพอากาศไม่ดีบ่มเพาะวิญญาณได้ยากนัก เมื่อสภาพอากาศดีแล้วก็ยากจะรับรองได้ว่าจะออกดอกเช่นกัน ข้าเลี้ยงเถาวัลย์หงส์ฟู่สองต้นนี้มาสามสิบปีแล้ว ทว่ายังไม่เคยแตกหน่อออกดอก มิสู้นำมาแลกเป็นของอย่างอื่นดีกว่า”
จี้หยวนตอบ “เจ้าตรงไปตรงมาดีนัก!”
จากนั้นส่ายหน้าไม่มองเถาวัลย์หงส์ฟู่สองต้นนี้อีก เดินไปทางอื่น ผู้ฝึกปราณคนนั้นก็ไม่รั้งไว้ หลับตาพักผ่อนอีกครั้ง
ยิ่งผู้ฝึกปราณมีพลังฝึกปรือสูง ก็ยิ่งมีจิตใจแน่วแน่ เรื่องการค้าขายก็เช่นกัน ต้องการอะไรไม่ต้องการอะไรล้วนแยกแยะชัดเจนเหมือนขาวกับดำ ต้องการย่อมอยู่ต่อเอง หากไม่ต้องการเปลืองน้ำลายพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นนอกจากสถานการณ์พิเศษบางอย่างแล้ว เกิดเหตุการณ์เจ้าของร้านอ้างไปเรื่อยขณะลูกค้ากำลังลังเลน้อยมาก
เดินเล่นตามใจชอบอยู่ในร้านแล้วรอบหนึ่ง สิ่งของที่ขายส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งที่จี้หยวนต้องการเป็นพิเศษ อาจพูดว่าเขาสนใจของทุกอย่างอยู่บ้าง ทว่าไม่มีความสนใจซื้อเท่านั้นเอง
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อีกทั้งไม่มี ‘เงิน’ ที่เหมาะสมอะไร เขาย่อมไม่มีอะไรให้ซื้อ เพียงมองดูก็พอแล้ว
“ท่านอาจี้ ท่านไม่อยากซื้ออะไรเลยหรือ หากรู้สึกว่าไม่มีสิ่งของแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม ที่ข้ามีหยกวิญญาณวารีอยู่หลายร้อยชั่ง ไข่มุกวิญญาณทะเลลึกก็มีอยู่ไม่น้อย”
“ฟืด…”
ข้างๆ ฉือกุยและหลินเจี้ยนเป็นผู้ฝึกปราณระดับเซียน ทว่ายังคงสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ฟังธิดามังกรกล่าวอย่างสบายๆ เห็นทีของเล็กน้อยนี้ไม่ถือว่ามีค่าอะไรสำหรับนาง
จี้หยวนเองได้ยินแล้วก็ลอบอ้าปากค้างเช่นกัน เดินเล่นแล้วรอบหนึ่ง เขาถือว่ามีความเข้าใจต่อข้าวของอย่างหยกวิญญาณห้าธาตุอยู่บ้าง หากนำเถาวัลย์หงส์ฟู่ที่เห็นก่อนหน้านี้มาพูด หยกวารีวิญญาณหนึ่งชั่งก็แลกมาได้แล้ว ดูแล้วเป็นแค่ไข่มุกน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่าถั่วปากอ้า ธิดามังกรกำลังอวดความร่ำรวยของตนเองกระมัง
“ช่างเถอะๆ ของพวกนี้แม้หายากน่าสนใจ ทว่าไม่ได้มีอะไรเข้าตาสักเท่าไหร่ นำมาแล้วก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์”
จี้หยวนพูดความจริง เขากลับอยากตามหายันต์แทนชะตาที่เคยเจอในตอนนั้น ทว่าไม่มี ข้าวของอย่างอื่นพวกนั้นตั้งแต่วัตถุดิบยา ยันต์วิญญาณ ไปจนถึงอาวุธวิญญาณพวกนั้น สำหรับเขาแล้วล้วนไม่มีประโยชน์
พูดถึงอาวุธ จี้หยวนรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้มีกระบี่เซียน พู่กันขนหมาป่า และเบ็ดตกปลาเพียงพอแล้ว พูดถึงสิ่งของช่วยฝึกปราณ วัตถุวิญญาณห้าธาตุเมื่อก่อนมีประโยชน์อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแลกเปลี่ยนได้ง่ายขนาดนั้นหรือไม่ ตอนนี้ห้าปราณรวมศูนย์ของเขาสมบูรณ์แล้ว ความจริงไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน นอกเสียจากจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาวิชาห้าธาตุ
เช่นนั้นปัญหาก็มาแล้ว กระบี่เซียนไม่ต้องการของพรรค์นี้ พู่กันขนหมาป่าใช้สำแดงวิชาบัญชา ใช้งานมันไม่ได้เช่นกัน สิ่งที่ใช้คุมอสนีก็เป็นเวทอสนี ไม่ต้องใช้วิญญาณไม้
การคุมวารีกลับใช้ได้ กระนั้นความสามารถในการคุมวารีน้อยนิดของเขาแม้จะนับได้ว่าเชี่ยวชาญเข้าขั้น กลับไม่ได้เรียนวิชากระตุ้นคลื่นอะไร ใช้วิญญาณวารีจะยอดเยี่ยมเพียงใดกันนะ ขอโทษทีที่วิชาธาตุดินใช้ไม่ได้ ส่วนการคุมเพลิง วิชาคุมเพลิงอื่นก็พอไปวัดไปวาได้เหมือนกับคุมวารี ส่วนเพลิงสมาธิ ขอไม่พูดว่าวิญญาณเพลิงมีส่วนช่วยเสริมกำลังไฟของเพลิงสมาธิหรือไม่ ต่อให้ได้ก็คาดว่าต้องสิ้นเปลืองไปไม่น้อยอย่างแน่นอน
และจี้หยวนไม่เชี่ยวชาญวิชาโอสถ ไม่เข้าใจวิชาแพทย์ ได้มาซึ่งสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นถือว่าเสียเงินเปล่า
หลังจากคิดหน้าคิดหลังเรียบร้อย คนแซ่จี้คิดไม่ตกจริงๆ ว่าตอนนี้ตนเองต้องการอะไร อย่างน้อยบนเรือเหาะข้ามอาณาจักรของเขาเก้ายอดนี้ก็ไม่เห็น
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว จี้หยวนมองกลิ่นอาหารที่ลอยมาจากร้านค้าหลายร้านข้างหน้า เขาชี้และก้าวเดินไป
“ไป ไปหาร้านอาหารรสชาติดี สั่งอาหารเต็มโต๊ะมากินให้อิ่ม หลายปีนี้มาข้าแทบไม่ได้กินอะไรเลย”
ฉือกุยและหลินเจี้ยนสบตากัน คิดได้ว่าควรตามไป
ทว่าธิดามังกรใช้แขนเสื้อป้องปากหัวเราะ กล่าวกับจี้หยวนว่า
“รั่วหลีนึกได้แล้วว่าท่านอาจี้ต้องการอะไร!”
“โอ้? ข้าเองยังไม่รู้เลย เจ้ารู้หรือ”
จี้หยวนเดินไปพลาง หันไปมองนางไปพลาง ประหลาดใจอยู่บ้างเช่นกัน
“ย่อมรู้ ท่านอาจี้ ท่านขาดสุราเซียนไหหนึ่ง!”
จี้หยวนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรบมือด้วยความยินดีอย่างอดไม่ได้
“เจ้าพูดถูกต้อง จู่ๆ ข้าคนแซ่จี้ก็นึกขึ้นได้ว่าบิดาเจ้าติดค้างสุราอำพันมังกรกับข้า ครั้งก่อนไปก็ไม่ได้นำมา เขายังแสร้งหลับอยู่ทึ่งมังกรอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ควรคิดดอกเบี้ยหน่อยแล้ว!”
ที่บึงมังกรห่างออกไปหลายหมื่นลี้ มังกรไร้เขาขนาดยักษ์คัดจมูกขึ้นมา คัดจมูกชนิดที่ทนไม่ได้
“ฮะๆๆๆ…ฮัดชิ้ว…โฮก…”
ครืน…
ข้างนอกบึงมังกร เผ่าวารีมากมายได้ยินเสียงมังกรร้องดังสนั่น ถึงขนาดว่ายักษ์ที่เฝ้าบึงมังกรถูกกระแสน้ำจากส่วนลึกของบึงมังกรพัดออกไป
เผ่าวารีนับไม่ถ้วนตกใจจนมึนงง มีอาคารสองหลังในจวนบาดาลพังทลายลง ข้าวของที่ล้มลงยิ่งไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ กระแสน้ำในระยะหลายสิบลี้ของแม่น้ำเทียมฟ้าปั่นป่วน คลื่นแม่น้ำกระเพื่อมไม่สงบ มีเสียงมังกรคำรามดังมารางๆ