“เวรเอ๊ย! เวรเอ๊ย! ปู่แกสิไอ้เวร!”
ภายในเคหสถานใหญ่หลังหนึ่งในเมืองหลวงของอาณาจักรตงเฉิน น้ำเสียงขุ่นเคืองสายหนึ่งดังขึ้นมา
“คุณชายฟื้นแล้วใช่หรือไม่”
เงาร่างสองสายวิ่งเข้ามาจากนอกเรือนด้วยความร้อนรน แต่เมื่อเข้ามาในเรือนแล้วเงี่ยหูฟังกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด คล้ายกับว่าประโยคเมื่อครู่เป็นเพียงหูแว่วไปเองเท่านั้น
“เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูในห้องเสียหน่อยดีหรือไม่” น้ำเสียงสั่นเครืออีกเสียงหนึ่งถามขึ้น ราวกับหวาดหวั่นที่จะต้องเข้าไปในห้องนั้น
“มะ…ไม่ต้องจะดีกว่า” สาวใช้พูด “หากคุณชายฟื้นขึ้นมาเมื่อใด ก็ย่อมต้องเรียกหาพวกเราอยู่แล้ว หากเข้าไปในห้องคุณชายเองโดยพลการ พวกเราจะถูกลงโทษเอาได้นะ”
“แต่หากคุณชายฟื้นขึ้นมาแล้วพวกเราไม่อยู่ข้างกาย ก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน! ถ้าเกิดคุณชายฟื้นขึ้นมาแล้วแต่ไม่มีแรงเรียกหาใคร จะทำเช่นไรเล่า”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปดูกันสักหน่อยเถิด หากคุณชายยังไม่ฟื้น พวกเราก็ค่อยออกมาดีหรือไม่”
“ก็ได้”
หลังจากทั้งสองคนปรึกษาหารือกันเป็นอย่างดีแล้ว ทั้งคู่ก็มายังห้องนอนหลักของเรือนอย่างเงียบเชียบแล้วค่อยๆ เปิดประตูออกช้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงยังคงหลับตาสนิทจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอกแล้วค่อยถอยออกไปช้าๆ
“เฮ้อ ยังดีที่คุณชายยังไม่ฟื้น”
“เช่นนั้นพวกเราก็เฝ้าอยู่หน้าประตูเถิด”
“อื้ม คิดไม่ถึงว่าคราวนี้คุณชายจะหมดสติไปเนิ่นนานถึงเพียงนี้”
“ได้ยินมาว่าเดิมทีท่านแม่ทัพคิดการใหญ่ วางแผนจะไปคิดบัญชีกับฝ่ายตรงข้าม แต่กลับถูกคำพูดของคุณชายขัดขวางเอาไว้เสียก่อน”
“เฮ้อ ตอนนั้นคุณชายยังกล่าวว่า ‘ไอ้ระยำ รอข้าฟื้นขึ้นมาจะไปเก็บกวาดมัน!’ อยู่เลยนะ”
“ช่างน่าสงสาร คุณชายของพวกเราถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ หากเรื่องนี้ไปถึงหูคุณชายท่านอื่นๆ เข้า จะต้องพากันเจ็บปวดใจแน่”
“ได้ยินมาว่าพวกคุณชายใกล้จะกลับมาแล้วนี่นา”
“จริงหรือ”
“…”
หลังจากสาวใช้ทั้งสองออกไปแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าความแค้นเคืองนัก พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับนึกอยากจะขบกัดคนอย่างไรอย่างนั้น
“แควก…”
บาดแผลบนใบหน้าพาลถูกดึงรั้งไปด้วย ซือหม่าโยวเย่ว์เจ็บปวดเสียจนต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าไป
“ให้ตายสิ นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม” ซือหม่าโยวเย่ว์นึกอยากจะยื่นมือไปลูบบาดแผลบนใบหน้าตน แต่ผลปรากฏว่าเพียงแค่ขยับก็ทำให้บาดแผลบนร่างขยับตามให้เจ็บปวดไปด้วย จนต้องล้มเลิกการกระทำนี้ไปอย่างเสียไม่ได้
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินสาวใช้ด้านนอกสนทนากันเสียงดังเจื้อยแจ้ว คำก็คุณชาย สองคำก็คุณชาย ทำให้อดกลอกตาไม่ได้
ซือหม่าโยวเย่ว์เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ กลับถูกปู่ของตนขอร้องให้ทำตัวเป็นผู้ชาย สวมเสื้อผ้าผู้ชาย และเลียนแบบกิริยาวาจาของผู้ชายเสียอย่างนั้น
“แกมันนักขุดหลุมพราง!” ซือหม่าโยวเย่ว์ก่นด่า
นึกดูว่ามือสังหารตัวแม่แห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอย่างเธอถูกองค์กรหักหลังครั้งหนึ่งก็แล้วไปเถิด แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะมาถึงที่นี่ก็ตกหลุมที่แม่นางน้อยวัยสิบสี่ปีผู้นี้ขุดเอาไว้เสียแล้ว!
และก็ใช่ คำด่าที่ว่าปู่แกสิไอ้เวรเมื่อครู่นี้ก็โพล่งออกมาจากปากของเธอเช่นกัน เป็นเพราะเธอถูกลากลงหลุมพรางถึงสองครั้งติดกัน
ก่อนหน้านี้ เธอคือเจ๊ใหญ่ มือสังหารฝีมือดีที่สุดขององค์กร ตั้งแต่เข้าสู่เส้นทางนี้มาก็จัดการตัวปัญหาให้กับองค์กรไปไม่น้อย ด้วยเหตุที่ไม่เคยลงมือพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงเป็นตัวแม่ขององค์กรมาตลอด
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าผู้รับผิดชอบอันดับสองขององค์กรจะฉวยโอกาสตอนที่ลูกพี่ใหญ่ไม่อยู่ ส่งเธอไปทำภารกิจชิ้นหนึ่งเพราะความอิจฉาที่ลูกพี่ใหญ่ให้ความสำคัญกับเธอ จนกระทั่งเธอไปถึงที่นั่นแล้วจึงได้รู้ว่านั่นเป็นแค่หลุมพรางเท่านั้น องค์กรทอดทิ้งเธอเพื่อแลกกับราคาที่สูงถึงพันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งยังช่วยจัดเตรียมระเบิดรุ่นใหม่ล่าสุดเอาไว้ เพื่อส่งเธอและอาคารหลังนั้นไปโลกหน้าด้วยกันอีกต่างหาก
กระบวนการตายช่างแสนสั้น จนทำให้เธอด่าในใจว่าแม่มันได้ทันเพียงคำเดียวเท่านั้น ก็ตกลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิด สูญสิ้นสติรับรู้ไปเสียแล้ว
จนกระทั่งตอนที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับอยู่ในห้วงมิติอันเวิ้งว้างขาวโพลนแห่งหนึ่ง ข้างกายมีเงาร่างเลือนราง ดูแล้วน่าจะมีสถานะเป็นวิญญาณเหมือนกันกับตน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“ตอนนี้เจ้าอยู่ในร่างของข้า”
เพียงประโยคเดียวของอีกฝ่ายก็เกือบจะทำให้เธอกระทืบเท้าเร่าๆ เธอควรจะอยู่ในนรกไม่ใช่หรือ แล้วอยู่ดีๆ จะวิ่งเข้าไปอยู่ในร่างคนอื่นได้อย่างไรกัน
อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นราวกับอ่านใจของเธอออกว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอันใดกัน ข้าเห็นวิญญาณของเจ้า ดึงเพียงคราเดียวเท่านั้น เจ้าก็เข้ามาเสียแล้ว”
“เอ่อ…”
“ตอนนี้ข้าสิ้นอายุขัยแล้ว ในเมื่อวิญญาณเจ้าเข้าร่างของข้าได้ เช่นนั้นก็น่าจะใช้ชีวิตแทนข้าต่อไปได้เช่นกัน เพียงแต่เจ้าต้องรับปากข้านะว่าจะรับช่วงต่อทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไป แล้วข้าจะยอมสละร่างให้เจ้า” เงาร่างสายนั้นกล่าว
“จริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม พูดแบบนี้ก็แปลว่าตนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้น่ะสิ
“ใช่แล้ว แต่เจ้าต้องให้สัตย์สาบานว่าต่อจากนี้ไปเจ้าก็คือข้า จงมีชีวิตอยู่ต่อไปแทนข้า แล้วก็ต้องเก็บกวาดเศษสวะพวกนั้นให้ข้าด้วยล่ะ!”
“ได้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำอย่างสบายๆ หากมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง ทั้งยังหลุดพ้นจากวิถีชีวิตแบบมือสังหารได้ จะรับปากเธอคนนี้ไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หรือไม่แน่ว่าซือหม่าโยวเย่ว์อาจมีโอกาสได้ล้างแค้นมือวางอันดับสองอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทิ้งความทรงจำของข้าไว้ให้กับเจ้า จำเอาไว้ว่าเจ้ารับปากแล้วนะว่าจะช่วยแก้แค้นแทนข้า! เจ้าต้องทำตัวดีๆ กับท่านปู่และบรรดาพี่ชายของข้าด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังต้องตามหาท่านพ่อท่านแม่ข้าให้พบด้วย ข้าเชื่อว่าพวกท่านต้องยังอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกนี้แน่” เงาร่างนั้นเลือนรางลงพร้อมกับเสียงที่แผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีตัดใจไม่ได้ของนางก็ทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “เธอสบายใจได้ ฉันจะช่วยเธอหาพ่อแม่จนเจอแน่นอน”
“ข้าเห็นว่าเจ้าน่าจะไม่ใช่พวกคนไม่รักษาคำพูดพวกนั้น เจ้ารับปากแล้ว ข้าก็จะได้จากไปอย่างวางใจสักที” เงาร่างนั้นพูดจบแล้วก็กลายเป็นจุดแสงระยิบระยับก่อนมลายหายไป
ซือหม่าโยวเย่ว์พลันรู้สึกว่าแรงดึงดูดระลอกหนึ่งฉุดรั้งตนอย่างต่อเนื่อง ศีรษะก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็สิ้นสติไปอีกครั้ง
เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็นอนอยู่บนเตียงนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าตนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งจริงๆ แต่เมื่อเธอมองเห็นห้องที่มีสีสันและกลิ่นอายโบร่ำโบราณ แต่แรกเธอยังไม่คิดอะไรมาก นึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ทว่าเรื่องราวในสมองกลับทำลายมโนภาพของเธอจนแตกยับ
“แม่เอ๊ย ที่แท้แล้วแกมันก็แค่นักขุดหลุม แถมยังเป็นหลุมลึกอีกด้วย!” หลังจากซือหม่าโยวเย่ว์ตระหนักถึงความจริงในตอนนี้อย่างชัดเจนจึงสบถด่าออกมา “นี่ไม่ใช่โลกใบนั้นของฉันเลยสักนิด ถึงฉันจะมีชีวิตต่อไปก็กลับไปแก้แค้นไม่ได้อยู่ดี!”
หลังจากดูความทรงจำต่อไปแล้ว เธอก็ถากถางอย่างหมดแรงว่า ร่างกายนี้ใช่หลุมลึกเสียที่ไหนกัน นี่มันหลุมยักษ์ต่างหากเล่า!
ที่นี่ไม่ใช่โลกยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แต่เป็นดินแดนที่มีชื่อว่าอี้หลิน ที่นี่ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีปืนใหญ่ และไม่มีตึกสูงระฟ้า แต่เป็นสถานที่ที่ผู้แกร่งกล้าได้รับการยอมรับนับถือ ในอากาศของที่นี่มีพลังทิพย์หลากหลายลักษณะ ผู้คนฝึกฝนโดยดูดซับพลังทิพย์ในอากาศไปและทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น
คำกล่าวที่ว่า ผู้แกร่งกล้าได้รับการยอมรับ หรือปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นสะท้อนออกมาในที่แห่งนี้อย่างชัดเจน ผู้แกร่งกล้ามีเกียรติ มิอาจถูกเหยียบย่ำได้ง่ายๆ หากผู้ที่อ่อนแอกล้าลบหลู่ผู้แกร่งกล้า ผู้แกร่งกล้าก็สังหารคนผู้นั้นได้ในทันที!
หากเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกก็จะได้รับความเคารพนับถือจากทั่วสารทิศ หากเป็นเศษสวะที่ไม่อาจฝึกฝนได้ก็จะถูกทุกคนดูแคลน
ส่วนร่างกายอันอ่อนด้อยที่ซือหม่าโยวเย่ว์ได้มานี้ ถือเป็นเศษสวะชั้นยอดในบรรดาเศษสวะทั้งหลาย! เพราะร่างนี้ไม่มีพื้นฐานการฝึกฝนเลยสักนิด ตอนนี้อายุตั้งสิบสี่แล้ว แต่กลับสัมผัสพลังทิพย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดึงพลังเข้ามาฝึกฝนในร่างกายเลย!
ไม่เพียงเท่านี้ ท่านปู่รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นผู้หญิง แต่กลับให้นางปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่ได้ แม้จะบอกว่าทำไปเพื่อปกป้องนาง แต่ต่อให้นางปลอมตัวอย่างไร ก็ยังคงชอบผู้ชายอยู่ดี ทั้งยังเป็นพวกบ้าผู้ชายอีกด้วย วันๆ เอาแต่วนเวียนอยู่กับชายรูปงาม ทั้งยังเอาอกเอาใจสารพัด
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงพากันร่ำลือว่า คุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพนั้น…วิปริตผิดเพศ
…………………………