“ความดันปกติ!”
“หัวใจปกติ!”
“ร่างกายพร้อมที่จะทำการทดลอง เริ่มปฏิบัติการได้”
บนแท่นอันแสนเย็นเฉียบ ร่างกายของซูชิงเกอสวมใส่ชุดคนไข้สีเขียวเข้มและนอนนิ่งไม่ไหวติงบนเครื่องทดลอง
บนใบหน้าเรียวเล็กนั้นมิได้ทำการแต่งเสริมเติมแป้งแต่อย่างใด สายตาของเธอสะท้อนให้เห็นถึงอาการสงบนิ่งเสียยิ่งกว่าบุคคลใดในที่นี่
“ชิงเกอ เธอคิดดีแล้วจริงๆ ใช่มั้ย?” ผอ.โรงพยาบาลที่อยู่ในวัยเกินห้าสิบเอ่ยถาม แม้แต่ไหนแต่ไรมาใบหน้าของเขามักจะแสดงออกให้เห็นถึงความเคร่งขรึมอยู่เสมอ ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงห้วงอารมณ์ที่ไม่อาจทำใจได้ออกมา
ในดวงตาของเขาตอนนี้กำลังสะท้อนภาพหนูทดลองซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่ ทว่าในหัวใจของเขานั้น เด็กคนนี้คือหนึ่งในนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเขา
“ฉันคิดดีแล้วค่ะอาจารย์ นอกจากฉันแล้วก็มีเพียงคุณที่รู้จักขั้นตอนในการทดลองดีที่สุด อีกอย่าง…ภรรยาของอาจารย์อายุมากแล้ว หลางหลางเองก็ยังเด็ก” ซูชิงเกอส่งเสียงนุ่มนวลเพื่อปลอบโยนอาจารย์ของเธอ ดวงตาของเธอมิวายหันไปกวาดสายตามองหน้าเหล่าพี่น้องเพื่อนพ้อง ก่อนที่เธอจะเบนสายตากลับมา
นอกจากเธอแล้ว ยังจะมีใครโง่เอาตัวเองมาเป็นหนูทดลองในการทดลองที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติกันล่ะ?
“ผอ.คะ ตอนนี้เหลือเวลาอีกสามนาทีในการทำความร้อนของอุปกรณ์ ขอให้ทุกท่านออกห่างจากมนุษย์ทดลองแล้วรีบออกจากเขตการทดลองนี้ด้วย”
น้ำเสียงอันไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ถูกส่งผ่านออกมาจากลำโพงภายในห้องทดลอง ผอ.จับจ้องไปที่ดวงตาของซูชิงเกออีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจหันหน้ากลับแล้วขยับเท้าเดินออกไปทีละก้าวกับเหล่านักเรียนเพื่อออกจากห้องทดลอง
เมื่อไม่เห็นใครในห้องทดลองแล้ว ในที่สุดซูชิงเกอก็แอบถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง มือทั้งสองข้างซึ่งกำลังจับเสื้อผ้าที่สวมใส่ในการทดลองเริ่มแข็งทื่อจนกลายเป็นน้ำแข็ง
แต่ใครจะรู้กันเล่าว่าอันที่จริงแล้วเหงื่อของเธอกำลังผุดที่แผ่นหลังจนเปียกชื้น
ไม่กลัว? เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร?
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอยังจะสามารถเดินลงจากแท่นทดลองนี้ได้หรือไม่ แต่ถึงแม้เธอจะสามารถกลับลงไปได้ แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าเธอจะต้องพบกับโรคร้ายที่จะแสดงออกมาภายหลังหรือเปล่า
นี่คือสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้จากการทดลอง!
อีกทั้งเธอยังเป็นหนูทดลองคนแรกอีกด้วย
เพราะเหตุผลนี้หัวใจของเธอจึงเปี่ยมไปด้วยความหวังที่อยากจะให้การทดลองประสบความสำเร็จ
เธอหันหน้าไปมองหน้าจอแอลซีดีซึ่งกำลังปรากฏข้อมูลมากมายอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่วันที่เธอติดตามอาจารย์เมื่อสามปีก่อน หัวใจของเธอก็จดจ่ออยู่กับการทดลองนี้แล้ว
อีกทั้งวัตถุประสงค์ในการทดลองก็เพื่อปลูกถ่ายคลื่นสมองเข้าสู่ร่างกาย จนทำให้มนุษย์ที่ได้รับการทดลองรู้ได้ทันทีว่ายาพิษที่ตนเองสัมผัสคืออะไร
นอกจากนี้ยังสามารถจำแนกและวิเคราะห์ระหว่างยาสมุนไพรจีนและยาสังเคราะห์เพื่อหาวิธีการถอนพิษยาได้อีกด้วย
หรืออาจพูดได้ว่าขอเพียงการปลูกถ่ายสำเร็จ ทุกคนที่ได้รับการปลูกถ่ายจะกลายเป็นเภสัชกรทันที
หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ นักเรียนแพทย์ทั่วโลกจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ทว่านี่เป็นเพียงอีกความฝันหนึ่งเท่านั้น
“ผอ.คะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ตอนนี้สามารถเริ่มการทดลองได้แล้วค่ะ” สายตาทุกคู่ในห้องสังเกตการณ์ล้วนหันไปทางผอ.ซึ่งมีผมสีขาวโพลนอยู่บนศีรษะ
เขาพยักหน้าลงเล็กน้อย ในที่สุดผอ.โรงพยาบาลก็ตัดสินใจได้แล้ว มือของเขายื่นเข้าไปกดปุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ซูชิงเกอซึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่บนเครื่องทดลองจ้องมองไปทางไฟสีเขียวแดงซึ่งอยู่ๆ ก็ส่องแสงออกมา
“พลังงาน 10% 30% 50% 70% 90% 100%!” เสียงอันไร้ซึ่งอารมณ์ประหนึ่งเครื่องจักรของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ทว่าเสียงนี้กลับทำให้หัวใจของทุกคนดีดตัวสูงจนหยุดอยู่กลางอากาศ
ซูชิงเกอรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังหมุนติ้ว นี่คือผลที่เกิดจากแรงสั่นสะเทือนของอุปกรณ์ซึ่งกำลังเพิ่มความเร็วในการสั่น เมื่อไรก็ตามที่คลื่นเหล่านั้นส่งผ่านเข้ามาในร่างกายของเธอ เวลาแห่งการปลูกถ่ายคลื่นสมองจะเริ่มต้นขึ้น
สิบห้าวินาที
พะอืดพะอม…ความรู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียนพลุ่งพล่านเข้ามาจนทำให้คิ้วของซูชิงเกออดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน