เมื่อดวงตะวันตกลงไปทางทิศตะวันตก ทะเลทรายเพลิงโหมก็กลายเป็นสีแดงเพลิง ฉินมู่ขี่บนศีรษะของกิเลนมังกร กำลังแปรเปลี่ยนปราณชีวิตของเขาให้เป็นปราณชีวิตหงส์แดงเพื่อขัดเกลากระบี่บินแต่ละเล่มของเขา เขาย้ำรอยประทับอักษรรูนบนนั้นให้ลึกยิ่งขึ้น

เขาก้มหัวลงดูและพบว่าเสียงฉีเอ๋อได้ผล็อยหลับไปแล้วที่หูของกิเลนมังกร ที่นั่นไม่มีลมพัด และกิเลนมังกรก็ใช้หูของเขาเพื่อปกป้องเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความใส่ใจ

มังกรอ้วนก็ไม่เลวเลย ฉินมู่ชมเขาในใจ เจ้าอ้วนนี้ค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วน รสชาติของยาวิญญาณเพลิงฉานและยาเทพชีวาธาตุไฟนั้นไม่ค่อยอร่อยจริงๆ นั่นแหละ ข้าควรจะพัฒนารสชาติให้เขาเมื่อเจอสถานที่ที่หยุดพักได้

“จ้าวลัทธิ มีโอเอซิสข้างหน้าแน่ะ!” กิเลนมังกรพลันกล่าวขึ้นมา

ฉินมู่มองไปเบื้องหน้าของพวกเขา และเขาก็มองเห็นโอเอซิสจริงๆ “ข้าสงสัยว่าจะมีแหล่งน้ำข้างหน้าหรือไม่ ข้าขาดน้ำได้อีกวันสองวัน แต่ข้ากังวลถึงเสียงฉีเอ๋อ”

ทะเลทรายเพลิงโหมนั้นร้อนระอุอย่างสุดๆ ในอากาศไม่มีไอน้ำ ฉินมู่ไม่อาจเรียกน้ำออกมาได้แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปใช้ปราณชีวิตเต่าดำ เขาไม่เคยต้องกังวลกับเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคมาก่อน แต่บัดนี้เมื่อมีเสียงฉีเอ๋ออยู่ด้วย เขาก็ไม่อาจเมินเฉยเรื่องพวกนี้ได้อีกต่อไป

สักพักหนึ่ง กิเลนมังกรก็มาถึงโอเอซิส และพวกเขาก็เห็นกระโจมหนังแพะสีขาวหิมะสามสี่หลังตั้งอยู่ข้างๆ ทะเลสาบ ผู้คนสวมใส่เสื้อผ้าของแผ่นดินตะวันตกกำลังจุดไฟเพื่อประกอบอาหาร กิเลนมังกรมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังแล้วกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าผานกงสั่วจะหลบหนีมาถึงที่นี่หรือไม่ จ้าวลัทธิโปรดระวัง เขานั้นบาดเจ็บสาหัสและคงจะหนีไปได้ไม่ไกลนัก”

ฉินมู่กระโดดลงมาและเปิดใบหูของกิเลนมังกรขึ้น เพื่ออุ้มเสียงฉีเอ๋อที่กำลังหลับใหลออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ต่อให้เขาอยู่ใกล้ๆ เขาก็ไม่กล้าโผล่หัวออกมาหรอก หากว่าเขาเสนอหน้าออกมา ก็จะง่ายดีที่ข้าจะได้กำจัดเขาเสีย”

ชาวเผ่าของแผ่นดินตะวันตกสวมใส่ผ้าคาดหัวปักลาย เมื่อพวกเขาเห็นผู้มาใหม่ สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากส่งเสียง

ฉินมู่มองไปรอบๆ และพบว่าในค่ายแห่งนี้มีบุรุษมากกว่าสตรีหลายเท่า และจากการตรากตรำงานหนัก ใบหน้าของพวกเขาก็เป็นสีแดงจากแดด และยังมีเลียงผาเหลืองสองขาในโอเอซิสกับสินค้าจำนวนหนึ่ง คณะนี้น่าจะเป็นกลุ่มพ่อค้าจร

แม้ว่าความเร็วของเลียงผาสองขาจะรวดเร็วว่องไว และความสามารถในการแบกน้ำหนักของมันจะสูงเยี่ยม แต่การขี่มันนั้นจะกระโดกกระเดกยากต่อการนั่ง ดังนั้นมีแต่พ่อค้าเท่านั้นที่จะใช้สัตว์พิสดารชนิดนี้

แม้ว่าการขี่เลียงผาสองขาจะทำให้ผู้นั่งสะเทือนทรมาน แต่พวกมันสามารถขนส่งสินค้าได้มากกว่า

ฉินมู่เดินไปยังพ่อค้าสูงวัยผู้หนึ่งและกล่าว “ผู้เฒ่า น้องสาวของข้ากำลังหลับ ข้าขอยืมกระโจมได้หรือไม่”

พ่อค้าเฒ่าผงกหัวทันทีและกล่าว “ตามสบาย”

ฉินมู่กล่าวขอบคุณและส่งเด็กหญิงเข้าไปในกระโจม ค่ำคืนในทะเลทรายหนาวยะเยือก และนี่ก็โชคดีมากที่พวกเขาได้กระโจมหนังแพะมาช่วยรักษาความอบอุ่นให้นาง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผ้าห่มขนแพะหนาอุ่นอยู่ในข้างใน ฉินมู่ยัดเสียงฉีเอ๋อผู้ซึ่งยังหลับใหลอยู่เข้าไปข้างใน มือเล็กๆ ของนางจับที่ผ่าห่ม และนางขยับปากสองสามที ดูท่าคงจะกำลังหิว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ฉินมู่เดินออกไปจากกระโจมและพบว่าดวงอาทิตย์ตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

เสียงกองไฟแตกเปรี๊ยะปร๊ะใกล้ๆ เขาเอ่ยถาม “ผู้เฒ่า พวกท่านคือพ่อค้าจากแผ่นดินตะวันตกหรือ”

ทุกคนมองไปยังใบหน้าของฉินมู่และไม่กล้าพูดจา มีก็แต่พ่อค้าเฒ่าที่ดูแลขบวนกล้าที่จะเปิดปาก “พวกเรามาจากแผ่นดินตะวันตกและกำลังจะไปแดนโบราณวินาศเพื่อค้าขาย ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่ท่านนี้มาจากแดนโบราณวินาศหรือ”

ฉินมู่อึ้งไปในทีแรก จากนั้นก็หัวเราะพรืดออกมา แม้ว่าเขาจะโตมาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังไม่เฉียดใกล้กับการที่ผู้คนจะเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ ความเกรงกลัวของพ่อค้าพวกนี้น่าจะมาจากรอยประทับเพลิงบนใบหน้าของเขา

จากรอยประทับ พวกเขาน่าจะอนุมานได้ว่าฉินมู่มาจากแดนโบราณวินาศ

“ข้ามาจากแดนโบราณวินาศจริงๆ นั่นแหละ และกะจะไปยังแผ่นดินตะวันตก” ฉินมู่นำเนื้อวัวสดและผลไม้ออกจากถุงเต๋าตี้ของเขา และมอบให้แก่อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ผู้เฒ่า ขอบคุณท่านที่อนุญาตให้น้องสาวของข้ามีที่พักผ่อน หากผู้เฒ่าไม่รังเกียจ ก็เรียกข้าว่าเสี่ยวฉินเถอะ”

ผู้เฒ่าไม่อาจปฏิเสธได้ จึงได้แต่รับคำ “ข้าไม่กล้ารับคำเรียกหาว่าผู้เฒ่า ศักดิ์ฐานะของพวกเราบุรุษในแผ่นดินตะวันตกนั้นค่อนข้างต่ำชั้นกว่า พี่ฉิน ท่านนั้นเป็นบุคคลจากแดนโบราณวินาศ ดังนั้นการไปแผ่นดินตะวันตกไม่ค่อยดีกับท่านนัก ทะเลทรายเพลิงโหมนี้ทอดยาวไปไกลหลายหมื่นลี้ และมีเพลิงไฟโหมไหม้ตลอดระยะทาง ยิ่งไปกว่านั้น ไฟพวกนี้ยังซุกซ่อนอันตรายมากมายต่อผู้คนแห่งแดนโบราณวินาศ ดังนั้นถ้าท่านกลับไปจะดีที่สุด”

ฉินมู่ส่ายหัว “ข้าได้สัญญาไว้ว่าจะไปยังแผ่นดินตะวันตก แล้วข้าจะผิดสัญญาได้อย่างไร ผู้หญิงเป็นผู้ที่มีอำนาจในแผ่นดินตะวันตกหรือ จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็มีแม่ทัพและขุนนางสตรี สมัยก่อนนั้น ราชครูได้ผลักดันความเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายและหญิง เขาเจอการต่อต้านไม่ใช่น้อย ดังนั้นข้าจึงไม่คาดคิดเลยว่าพวกเจ้าจะยิ่งเปิดกว้างมากกว่าสันตินิรันดร์เสียอีก”

พ่อค้าเฒ่าสีหน้าแปรเปลี่ยน และเขากล่าวทันที “ชู่วว! ท่านพูดเรื่องความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงไม่ได้นะ มิเช่นนั้นจะถูกประหาร! ชายกับหญิงจะเท่าเทียมกันได้อย่างไร ผู้หญิงสามารถให้กำเนิด ดังนั้นผู้ชายย่อมเป็นชนชั้นที่ต่ำกว่า!”

ฉินมู่ตกตะลึง

พ่อค้าเฒ่าเหลือบมองไปรอบๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่ว “เมื่อท่านไปถึงแผ่นดินตะวันตก อย่าพูดถึงคำพูดเหลวไหลแบบนี้ แน่ล่ะ แต่นั่นท่านจะต้องรอดพ้นจากการเดินทางไปได้เสียก่อน…”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้

“เมื่อท่านไปถึงแผ่นดินตะวันตก อย่าพูดว่าท่านมาจากแดนโบราณวินาศ” พ่อค้าเฒ่ากล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “หากว่าท่านกล่าวว่าท่านมาจากแดนโบราณวินาศ ไม่นานก็จะถูกกำจัด”

ฉินมู่ขมวดคิ้วและถาม “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น”

พ่อค้าเฒ่าอิดออดที่จะลงลึกในรายละเอียด และฉินมู่ก็ไม่บีบบังคับเขา เขายังคงขับเคลื่อนปราณชีวิตเพื่อขัดเกลากระบี่บินของตนอย่างต่อเรื่อง เมื่อพลังวัตรของเขาเหือดหายไปครึ่หงนึ่ง เขาก็จะกลืนกินยาวิญญาณสองสามเม็ด กระบี่บินพวกนี้กลายเป็นเล็กลงและเล็กลงจากการขัดเกลาของเขา

“ข้ายังอ่อนหัดอยู่เมื่อเทียบกับท่านปู่ใบ้ เขาถึงกับขัดเกลากระบี่จนกลายเป็นน้ำไหลได้”

ฉินมู่คว้าจับกระบี่บินเล่มหนึ่งมา และถูกมันไปมาในมือ มันกลายเป็นไจกระบี่ลูกเล็กๆ แต่ก็ยังมีติ่งปูดอยู่บ้าง เขาขับเคลื่อนกระบี่ไร้กังวล และกระบี่ทั้งแปดพันเล่นก็เข้ามาชนปะทะกัน แปรเปลี่ยนเป็นไจกระบี่ลูกหนึ่ง แม้ว่ามันจะเล็กลงกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงสองคืบ

ต่อเมื่อเขาขัดเกลาไจกระบี่จนเหลือขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้นแหละ จึงจะนับได้ว่าวิชาขัดเกลาของเขารุดหน้า ที่จุดนั้น เขาก็จะสามารถขัดเกลากระบี่ให้กลายเป็นน้ำไหลได้

ฉินมู่กระจายไจกระบี่ออก และคว้าจับกระบี่ไร้กังวล กระบี่เกือบแปดพันเล่มพุ่งหวือๆ เข้ามาตามๆ กัน ผสานเข้าไปในกระบี่แม่

กระบี่ไร้กังวลกลายเป็นหนักอึ้งมากขึ้นทุกทีๆ และเมื่อกระบี่เล่มสุดหลายผสานเข้าไปในนั้น แขนของฉินมู่ก็สั่นกึกๆ กระบี่เล่มนี้หนักอึ้งจนเกินไป แต่อย่างน้อยเขาก็ยกมันได้

เขาลองเหวี่ยงมันดูและแม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้า แต่เสียงตูมๆ จากการระเบิดและคลื่นสั่นสะเทือนก็ดังมาจากฟากฟ้า มันเหมือนกับมีขุนเขาใหม่มหึมาร่วงลงยังพื้นพิภพ!

เสียงระเบิดพวกนั้นมาจากความหนักของกระบี่ก็ไปกดอัดห้วงมิติ!

ฉินมู่เหวี่ยงกระบี่ไร้กังวลสองที และแขนของเขาก็ปวดชาไปหมด เขารีบสลายกระบี่ลูก และไม่ทรมานตัวเองด้วยมันอีกต่อไป ภาษามังกรที่เขียนไว้บนห่วงหยกจักรพรรดิก็เป็นของดีจริงๆ วิชาเก้ามังกรราชันย์บนนั้นได้พัฒนาร่างเนื้อของข้าด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวด! แต่ก่อนนั้นข้าคงไม่มีหวังที่จะยกกระบี่ขึ้นมาได้! น่าเสียดายที่ข้ายังแกะความหลายส่วนในภาษามังกรบนนั้นไม่ออก

ในสองสามวันล่าสุดนี้ เขาพยายามหลอมรวมวิชาเก่ามังกรราชันย์เข้ากับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และกายเนื้อของเขาก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วราวเทพติดปีก ในอดีตนั้น เขาเพียงแค่ฝึกปรือวิชาบ่มเพาะร่างกายในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต แต่พลังดิบๆ ของร่างเนื้อเขาเพียงอย่างเดียวก็แข็งแกร่งกว่าทักษะเทวะของผู้ฝึกทักษะเทวะหมู่มากแล้ว

หากว่าเขาขับเคลื่อนวิชาบู๊อย่างเช่นฟ้าคำรามแปดจู่โจมและมีดเชือดหมู พลานุภาพของมันก็จะทวีคูณไปหลายเท่า!

พละกำลังของกายเนื้อมีผลกระทบเป็นอย่างสูงต่อวิชาบู๊!

เหล่าพ่อค้าแห่งแผ่นดินตะวันตกเข้าไปในกระโจมของพวกตนเองเพื่อพักผ่อนนอนหลับ ส่วนฉินมู่นั้นนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ กิเลนมังกรได้หดย่อร่างกายตนและถามฉินมู่ขอคัมภีร์เลี้ยงมังกร เขานอนหมอบข้างๆ และใช้เปลวไฟของทะเลทรายเพื่ออ่านมัน

มังกรอ้วน เจ้านี่เริ่มขยันพากเพียรเหมือนหลิงเอ๋อ! ฉินมู่ปลื้มใจ

กิเลนมังกรเลียอุ้งเท้าของตน และเปิดพลิกคัมภีร์เลี้ยงมังกรเพื่ออ่านเนื้อหาข้างในอย่างใส่ใจ เขาคิดกับตนเอง เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเขียนคัมภีร์เลี้ยงมังกรขึ้นมา เช่นนั้นข้าก็จะเขียนคัมภีร์เลี้ยงมนุษย์ของข้าบ้าง…

ไม่นานนัก ฉินมู่ก็เอนตัวบนหลังกิเลนมังกรและหลับปุ๋ยไป กิเลนมังกรเองก็ฟุบหัวลงงีบบ้าง แม้ว่าทะเลทรายจะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงยามค่ำคืน แต่อุณหภูมินั้นต่ำเป็นอย่างยิ่ง พื้นผิวทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ร่างกายของกิเลนมังกรนั้นอุ่นสุดๆ ที่รูจมูกของเขาจะมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาเป็นระยะ

ใกล้เที่ยงคืน ท่ามกลางเปลวเพลิงนอกโอเอซิส ผานกงสั่วมุดขึ้นมาจากใต้ดิน เขามองไปยังฉินมู่ที่กำลังหลับอยู่และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะลอบเข้าไปใกล้และสังหารเจ้าหมอนั่นเสียเลยตอนนี้ดีไหม

ฉินมู่หายใจอย่างสงบนิ่ง ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นรอบตัว

ผานกงสั่วลังเลอยู่เป็นหนสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือพิฆาต แต่ทันใดเขาก็เห็นปราณมังกรลอยล่องออกมาจากถุงเต๋าตี้เมื่อฉินมู่หายใจ มันเหมือนกับมังกรตัวเล็กละเอียดที่เลื้อยไปมารอบๆ เขา

ผานกงสั่วเห็นมือของฉินมู่อยู่ในถุงเต๋าตี้ และหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน เขาเปลี่ยนใจทันทีและหันกายจมหายลงไปใต้ดิน

“เขารู้หรือ”

ฉินมู่ลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง และมองไปรอบๆ ก่อนจะปิดตาลงตามเดิม เขานำมือข้างที่เขาใส่ลงไปในถุงเต๋าตี้ออกมา และเริ่มเหนี่ยวนำปราณมังกรในรังมังกรแท้ต่อพลางหายใจกรน คราวนี้เขาหลับผล็อยลงไปจริงๆ

ริ้วสายปราณมังกรถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของเขา พัฒนาปราณชีวิตและเพิ่มพูนวรยุทธของเขา

ฉินมู่ได้อาศัยรังมังกรแท้และห่วงหยกจักรพรรดิเพื่อฝึกวรยุทธมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เพราะเช่นนี้แหละ พลังวัตรของเขาจึงเพิ่มพูนขึ้นได้เร็วอย่างสุดกู่ แม้แต่ผานกงสั่วที่กลับชาติมาเกิดกว่าสิบครั้งก็ไม่สามารถก้าวล้ำหน้าเขาไปได้

แน่ล่ะว่าปัจจัยสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการฝึกประสานคู่จิตวิญญาณดั้งเดิมกับหลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงอยู่บ่อยครั้ง มันได้ให้มรรคผลแก่เขาเป็นอย่างมาก และทำให้พลังวัตรของเขาไม่ด้อยไปกว่าผานกงสั่วผู้ซึ่งเข้าสู่ขั้นเจ็ดดาว

เมื่ออรุณมาถึง เสียงฉีเอ๋อตื่นขึ้นมา และร้องครวญว่านางหิวโหย ฉินมู่ใช้เนื้อสันในสับและผักเพื่อต้มโจ๊กให้นางกิน เขายังทำขนมอีกสองสามอย่าง ก่อนที่จะหลอมปรุงยาวิญญาณที่ปรับปรุงพัฒนาแล้วให้แก่กิเลนมังกร

คัมภีร์เลี้ยงมนุษย์ของข้าจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน! กิเลนมังกรเต็มไปด้วยความมั่นใจ จ้าวลัทธิคิดว่าเขาสำเร็จการฝึกปรือคัมภีร์เลี้ยงมังกร แต่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขาอยู่ในกำมือคัมภีร์เลี้ยงมนุษย์ของข้า!

เมื่อกองคาราวานพร้อมจะออกเดินทาง พ่อค้าเฒ่าก็มากล่าวลาฉินมู่ และบอกเตือนเขาอีกครั้ง “พี่ฉินจะต้องไม่บอกใครว่าท่านมาจากแดนโบราณวินาศ มิเช่นนั้นท่านจะเจอปัญหาใหญ่!”

ฉินมู่ขอบคุณเขาอีกครั้งและขึ้นไปบนหน้าผากกิเลนมังกรเพื่อเร่งเดินทางไปยังทิศตะวันตก ข้างหลังเขาคือเสียงกระดิ่งที่แขวนห้อยบนคอเลียงผาเมื่อพวกมันแบกสินค้าตรงไปยังแดนโบราณวินาศในทิศตะวันออก

ความเร็วของกิเลนมังกรไม่ใช่น้อยๆ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถไปถึงแผ่นดินตะวันตก แม้ว่าจะวิ่งตะบึงไปตลอดทั้งวันจนถึงยามเย็น

เมื่อพวกเขาผ่านภูเขาใหญ่มหึมา ฉินมู่เหลียวมองดูมันหลายหน แต่กิเลนมังกรวิ่งผ่านมันไป ในวินาทีถัดมาฉินมู่กล่าว “มังกรอ้วน กลับไป!”

กิเลนมังกรงงงัน แต่ก็รีบทำตามที่เขาบอก

ฉินมู่เพ่งพิศดูภูเขานั้นและเห็นว่ามันยิ่งใหญ่อลังการอย่างเหลือแสน ไม่มีเปลวไฟอยู่บนนั้น ดังนั้นฉินมู่จึงรีบปีนไต่ไปบนยอดของมัน มันกว้างใหญ่ไพศาลและเกลื่อนไปด้วยรั้วหักกำแพงพัง ฉินมู่จิตนาการภาพอันโอฬารตระการตาที่นี่ได้เมื่อสมัยที่ทุกๆ อย่างยังคงตั้งตระหง่าน

มีศพแห้งจำนวนหนึ่งถูกกลบฝังในทราย และฉินมู่ก็เข้าไปสำรวจมัน ปรากฏว่าพวกมันเป็นยักษ์ที่มีร่างสูงใหญ่บึกบึน

เขามายังเสาและแตะมันดู ข้างๆ เสานั้นมีโซ่หนาเส้นใหญ่อยู่

“จ้าวลัทธิ ภูเขานี้มีอะไรหรือ” กิเลนมังกรเหาะขึ้นมาด้วยเมฆอัคคี

ฉินมู่ยกนิ้วขึ้นและชี้ไปยังทะเลทรายอันห่างไกลออกไป “ดูตรงนั้น”

กิเลนมังกรมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ และเห็นลูกกลมสีดำสนิทอันปล่อยให้ลมและทรายซัดเสียดสี

“มันคือเรือตะวัน เรือตะวันที่หมดลมหายใจ” ฉินมู่ลงไปจากเรือ สีหน้าไร้อารมณ์ “ไปกันเถอะ”

กิเลนมังกรมองเห็นสีหน้าของเขาและไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ ในทางกลับกัน เขาแบกฉินมู่ต่อไปทางทิศตะวันตก ไม่นานนัก พวกเขาก็พบกับเรือยักษ์ลำที่สอง มันคือเรือจันทราที่หักพัง

หลังจากนั้น พวกเขาได้พบกับเรือใหญ่ลำที่สามอันฝังในทะเลทราย เรือจันทราลำนั้นประสบความเสียหายในการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน และพังพินาศไปอย่างหนัก

ฉินมู่พลันตระหนักขึ้นมาทันที “วิชาหมื่นจิตวิญญาณธรรมชาติคือตัวปราบเรือตะวันและเรือจันทรา!”