ตอนที่ 2 พาฉันออกไปที
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ร้องตะโกน เธอก็รู้สึกได้ชัดว่ามียาอะไรบางอย่างถูกยัดเข้าไปในปากของเธอ
เธอเม้มริมฝีปากไว้อย่างแน่นหนา แต่ทว่าด้วยแรงของฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแรงกว่า สุดท้ายเธอก็ถูกบังคับให้กลืนยานั้นลงไป
“ยาแรง แต่เดี๋ยวเธอก็จะรู้สึกดีเอง” อีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะใช้ช่วงเวลาที่ชุลมุนนี้ผลักเธอเข้าไปกลางฝูงชน
เมื่อเดินไปเจ็ดแปดก้าว รองเท้าส้นสูงของเธอก็พลันเซไปมา อันโหรวสูญเสียการทรงตัวจนทำให้เธอล้มลงไปกับพื้นอย่างเต็มแรง
ในความมืดมิดนั้น เพียงไม่กี่นาที ร่างกายของเธอก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม
ให้ตายสิ ยานี่มันได้ผลเกินคาดจริง ๆ
เปรี๊ยะ!
ไฟบนเรือค่อย ๆ สว่างขึ้นมา ผู้คนเริ่มปรับสายตาเข้ากับแสง ก่อนที่จะมองเห็นตัวของเธอนั้นนอนขดอยู่บนพื้นท่ามกลางผู้คน
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็เริ่มดังขึ้น
ในตอนนี้เธอรู้สึกอับอายต่อสายตาผู้คนเป็นอย่างมาก
ผมที่ตรงยาวของเธอนั้นยุ่งเหยิงและเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปอยผมตกลงมาแนบติดกับแก้ม ร่างกายของเธอนั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถลุกขึ้นยืนได้
อันโหรวค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้น เธอพยายามฝืนรั้งและต่อต้านความร้อนรุ่มภายในร่างกาย เพียงแต่ร่างกายของเธอในตอนนี้ยังคงสั่นเทาไม่หยุด
เธอกัดริมฝีปากจนเลือดออก แก้มของเธอก็เริ่มแดงก่ำมากขึ้นเรื่อย ๆ
และในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว!
แต่จู่ ๆ ชายชุดดำจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อเปิดทาง ราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ผู้ชายคนนี้สวมสูทแฮนด์เมดที่ตัดเย็บอย่างประณีต รูปร่างสูงโปร่ง ที่ข้อมือของเขาใส่นาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์ ทำให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ตัดกับกระดุมแขนเสื้อสีมรกตที่ประมูลมาจากงานประมูลด้วยราคาสูงลิ่วก่อนหน้านี้ ทั้งหมดนั้นบ่งบอกถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้ว่าต้องร่ำรวยมหาศาล
หลายคนต่างอ้าปากค้าง เพราะถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศเย็นเฉียบ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายจิ่งที่ทั้งร้ายและดีจะมาร่วมงานแต่งนี้
กลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ลอยมาแตะจมูกของเธอ กลิ่นนี้เป็นตัวกระตุ้นการทำปฏิกิริยา ส่งผลให้ตัวยามีประสิทธิภาพที่รุนแรงมากขึ้น
ตอนนี้ใบหน้าของอันโหรวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายของเธอนั้นสั่นเทาอย่างไม่อาจจะควบคุม
เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอรู้สึกอยากจะเข้าไปกอดผู้ชายคนนี้ให้แน่นที่สุด
“ถ้าหากเธออยากกอดก็กอดเลย อย่าฝืนใจตัวเอง” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังเข้ามาในหูของอันโหรว ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูติดตลกอยู่เล็กน้อยก็ตาม
พอสิ้นเสียงนี้… อันโหรวรู้สึกตกใจอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ฉับพลันนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “เป็นนาย?”
“ถูกแล้ว ยังจำฉันได้สินะ” เมื่อพูดจบเขาก็ค่อย ๆ ยกมือเรียวยาวขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ทีละเม็ด การเคลื่อนไหวที่ช้า ๆ แบบนี้มันช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน
อันโหรวกัดฟันแน่น เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีเจตนาที่ดีแน่ ๆ
เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เธอนั้นไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
เธอจึงทำได้แต่ยอมทำตามน้ำไปเท่านั้น
“พาฉันออกไปที”
เธอแทบไม่ได้ส่งเสียงออกมา เสียงกระซิบที่แผ่วเบาทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจร่างกายของเธอในตอนนี้อย่างชัดเจน
ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนต่างก็มองพวกเขาเป็นตาเดียว คุณชายจิ่งผู้ที่ดูสะอาดสะอ้านอยู่ตลอด ตอนนี้กลับถอดเสื้อสูทของตัวเองมาคลุมไว้บนร่างกายของอันโหรวอย่างอ่อนโยน ทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างพยุงตัวเธอขึ้นมาและพาเดินตรงไปที่ประตูทางออก
“โหรวโหรว!”
โอวหยางลี่เดินฝ่าฝูงชนออกมา เขามองไปยังอันโหรวที่ถูกผู้ชายคนอื่นอุ้ม เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น เขากำหมัดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังแน่น
จิ่งเป่ยเฉินค่อย ๆ เดินออกไปทีละก้าว ก่อนจะหันหลังกลับไปแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ยินดีกับคุณชายโอวหยางที่เพิ่งแต่งงานด้วย เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณต้องการพบจักษุแพทย์ ให้ผมช่วยหาแพทย์ที่ดีที่สุดให้คุณได้นะ”
ความนัยที่เขากล่าวนั้น ออกหน้าให้แก่ตัวเธอ
เขาสังเกตเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาในยามนี้กำลังสั่นเทาไปทั้งร่าง อีกทั้งในตอนนี้เธอเองก็โอบมาที่ไหล่ของเขาด้วย
จิ่งเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งด้วยท่าทีที่เย็นชา ก่อนจะเร่งก้าวฝีเท้าของตนเพื่อออกไปจากที่นี่
……
จนกระทั่งเมื่อออกมาจากฝูงชนที่แออัด อันโหรวก็ยกมือขึ้นและจับไปที่คอเสื้อของเขา “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”