ตอนที่ 3 ฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ? [รีไรท์]

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 3 ฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ?

เหงื่อเย็น ๆ ของเธอซึมออกมาที่บริเวณหน้าผาก อีกทั้งร่างกายของเธอนั้นก็ยังคงหดเกร็งอยู่

“แค่เดินผ่านมา ไม่เห็นจะมีเหตุผลมากมายเลยนี่” จิ่งเป่ยเฉินหัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นั่นยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดมากในยามค่ำคืนแบบนี้

หัวใจของอันโหรวเต้นแรงอีกครั้ง แต่พิธีแต่งงานที่อยู่บนเรือนั้นก็เป็นสิ่งที่ตระกูลโอวหยางจัดขึ้นมาโดยเฉพาะ

แล้วเขาบอกกับเธอว่าเดินผ่านมาอย่างนั้นเหรอ?

ในเมื่อนายไม่ได้ลอยอยู่กลางทะเล แล้วจะผ่านทางมาได้ยังไง!?

ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจิ่งเองก็นับว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งมาก เป็นตระกูลชนชั้นสูงที่สังคมคนชั้นสูงล้วนแล้วแต่จับตาเฝ้ามองราวกับท้องฟ้า

“ถ้าหากอยากได้เหตุผลจริง ๆ ละก็ พอดีเห็นท่าทางน่าสังเวชของเธอแล้วมันอดช่วยไม่ได้”

แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาในตอนนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาจะต้องกำลังยิ้มระรื่นอยู่แน่ ๆ

ทั้งสองคนนั้นเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด

“หุบปากไปซะ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาฟังคำพูดและน้ำเสียงที่เย็นชาของนายหรอกนะ” อันโหรวพูดจบก็เตะเขาด้วยรองเท้าส้นสูงทันที

เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่ฮึดฮัดไปมาก็ทำให้อารมณ์โกรธนั้นกลับมาเป็นปกติ

แต่ในวินาทีถัดมา ความร้อนที่อยู่ภายในร่างของเธอก็พุ่งขึ้นมาจากช่วงท้อง ส่งผลให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจจะควบคุม

จิ่งเป่ยเฉินอุ้มเธอออกมาจากงานและพาขึ้นไปบนดาดฟ้าที่มีแสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าสีแดงระเรื่อของเธอ ความงดงามนั้นไม่อาจที่จะพรรณนาออกมาได้

ตั้งแต่ได้รู้จักเธอมาจนถึงตอนนี้ เขาแทบไม่เคยเห็นเธอเป็นเหมือนนกน้อยมาก่อนเลย

“จิ่งเป่ยเฉิน ฉัน ฉันร้อนจังเลย” อันโหรวเปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิม เธอใช้สองมือของเธอกอดคอของเขาไว้แน่น ราวกับว่าไม่อยากแยกจากเขาไปไหน

เมื่อพูดจบริมฝีปากแดง ๆ ของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความเสน่หา

จิ่งเป่ยเฉินแตะไปที่หน้าผากของเธอเพื่อวัดอุณหภูมิ ก่อนที่จะหรี่ตาทั้งสองลง ราวกับว่าจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น

มีคนวางยาเธอ แต่ก็ไม่ถึงกับชีวิต

“ร้อนจัง อึดอัดด้วย” อันโหรวร้องครวญครางออกมาจากลำคอ เธอขยับใบหน้าของเธอถูไปที่มือของเขาอย่างต่อเนื่อง

จิ่งเป่ยเฉินหันกลับไป ก่อนจะเดินไปยังปลายเรือยอร์ชส่วนตัวที่ติดอยู่ใกล้กับเรือใหญ่ลำนี้

“ฉันทนไม่ไหวแล้ว” อันโหรวจับมือขวาของเขาไว้และเอามือซ้ายลูบไปมาที่ตัวของเธอเอง ร่างของเธอนั้นโน้มแนบชิดกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

เสียงครวญครางที่มีเสน่ห์ช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน

“อันโหรว เดี๋ยวฉันเอาน้ำเย็นมาให้” จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้าลง คิดหาทางที่จะหลุดจากเหตุการณ์นี้

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ปากเรียวบางของเธอค่อยขยับ ๆ ขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน “จูบฉันที”

จิ่งเป่ยเฉินก้มหน้ามองเธอ พร้อมเอามือไปจับที่คางของเธอและพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังพูดกับใคร?”

ทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็หัวเราะออกมา

“จิ่งเป่ยเฉิน ฉันไม่ได้โง่นะ ที่เวลานี้จะคิดว่าเป็นโอวหยางลี่” อันโหรวหลับตาลงด้วยท่าทีที่หงุดหงิด วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขา และเขาก็ได้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว

พวกเธอเป็นคู่รักที่คบกันมาสิบปี เพียงแต่ว่าตอนนี้เจ้าสาวคนนั้นกลับไม่ใช่เธอ

เมื่อเห็นดวงตาที่ทุกข์ระทมของเธอ แววตาของจิ่งเป่ยเฉินก็เปล่งประกายอันตรายออกมา ก่อนจะสะบัดแขนเธอออกและพูดว่า “เธอเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาก็ต้องแก้ไขเอง”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป

แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากประตูไป เขาก็ได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้นจากด้านหลัง เขาจึงรีบหันกลับไปดูทันที

ร่างของอันโหรวล้มลงบนเตียง ใบหน้าของเธอแดงเถือกไปกว่าครึ่ง

ความเจ็บปวดของเธอนั้นดึงสติกลับมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง เธอจับมือจิ่งเป่ยเฉินเอาไว้และถามอย่างสงสัย “นายบอกความจริงมาที ว่าฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ?”

ระหว่างที่เธอพูดนั้น กระโปรงของเธอที่ดูไม่เรียบร้อยก็เผยให้เห็นถึงผิวที่เนียนใสและน่าดึงดูด ใบหน้าแดงระเรื่อ ผมที่ยาวพาดไปถึงเอว บรรยากาศแสงไฟที่สาดส่องลงมาราวกับฤดูใบไม้ผลิ

การที่เธอถามเขาแบบนั้น… เธอไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ?

จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกราวกับว่าในท้องของตัวเองเริ่มแน่นขึ้น ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยตัณหา หากไม่รีบออกไปจากตรงนี้ เขารับประกันได้เลยว่าเธอต้องโดนเขาเล่นงานแน่ ๆ

และเมื่อเธอได้สติกลับมาก็คงร้องไห้อย่างไม่ต้องสงสัย