ตอนที่ 4 เป็นเธอที่เริ่มก่อนนะ
“จิ่งเป่ยเฉิน…” ดวงตาของอันโหรวพร่ามัวขึ้นมาทันทีด้วยฤทธิ์ยาที่รุนแรงทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกทรมานด้วยไฟที่แสนร้อนรุ่ม ร่างกายของเธอโค้งงอโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มือเรียวบางจะคว้าเสื้อของเขาด้วยมือทั้งสองข้างโดยไม่สนใจสิ่งใด พร้อมกับฉีกเสื้อผ้าของเขาออกด้วยความรุนแรง
“อันโหรว เธอจำไว้นะ เป็นเธอที่เริ่มก่อนนะ” จิ่งเป่ยเฉินพูดขึ้นข้าง ๆ หูของเธอ
เมื่อพูดจบเขาก็ไม่อาจทนไหวได้อีกต่อไป เขาพลิกตัวกลับมากดเธอไว้ และปราบปรามท่าทางของเธอโดยทันที
เขาโน้มตัวลงมาพลางกดจูบริมฝีปากสีแดงที่ดูเย้ายวนนั้น มือเรียวเล็กของเธอข่วนไปที่หลังของเขาอย่างดุเดือดราวกับเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ
เขารู้ดีว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ ดังนั้นเขาจึงพยายามทำอย่างนุ่มนวลให้มากที่สุด
ภายในห้อง เสียงของทั้งคู่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะค่อย ๆ สงบลง
เรือที่เข้ามาจอดเทียบท่ายังคงไร้ซุ่มเสียง มีเพียงชายร่างใหญ่ที่กำลังยืนอยู่บนฝั่ง พวกเขาคือบอดี้การ์ดที่ถูกจ้างมาอยู่ในตระกูลระดับสูง ชายร่างสูงใหญ่พวกนี้ล้วนแต่เป็นคนรับใช้ของตระกูลจิ่ง
ทุกคนต่างยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดออกมา ไม่มีแม้กระทั่งบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นในยามนี้ พวกเขาไม่รู้เลยว่าคุณชายจิ่งตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ จึงไม่อยากจะรบกวนเท่าไรนัก
ทำเพียงแค่ยืนอยู่กับที่และตั้งใจฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่งก็เพียงพอแล้ว
จนกระทั่งท้องฟ้าสว่างขึ้น พวกเขาก็เห็นประตูของเรือถูกเปิดออกมา ข้างในนั้นมีผู้หญิงที่ดูสวยงดงามอยู่คนหนึ่ง
เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของคุณชายจิ่ง มันยาวไปถึงต้นขาเรียว ผมสีน้ำตาลแดงพลิ้วไหวถูกปล่อยยาวไปถึงกลางหลัง
ช่างดูมีเสน่ห์เหลือเกิน
พวกเขาทำได้เพียงแต่เฝ้ามองดูผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาที่ชายฝั่ง และดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
จึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ…
“ฝากไปบอกคุณชายของพวกนายด้วยว่าฉันต้องไปแล้ว ก่อนออกไปฉันได้ทิ้งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ให้เขา เพื่อไม่ให้เขามีความสุขมากจนเกินไป”
ชายที่อยู่บนเตียงยังคงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ
เขาลืมตาขึ้นมา รูม่านตาสีดำคู่นั้นกำลังปรับสายตาเข้ากับแสงสว่างภายในห้อง เขาค่อย ๆ เอาผ้าขนหนูพันรอบเอวอย่างลวก ๆ ก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำทันที
เมื่อเข้าไปแล้วกลับไม่พบอันโหรว เห็นเพียงแค่เงาสะท้อนบนใบหน้าของตัวเอง
บนใบหน้าของเขานั้นถูกเธอวาดรูปเต่าตัวใหญ่เอาไว้
ให้ตายสิ เมื่อคืนเห็นได้ชัดเลยว่าเธอเป็นคนเริ่มก่อนแท้ ๆ
ก็ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่รังเกียจที่จะจับเธอกลับมาคิดบัญชีอีกครั้ง
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เขารีบล้างหน้าล้างตา หลังจากนั้นก็สวมใส่เสื้อผ้า เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไป
“คุณชายจิ่ง อรุณสวัสดิ์ครับ” ชายร่างสูงตัวใหญ่คนหนึ่งก้มศีรษะคำนับ
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นอย่างเรียบเฉย ปล่อยให้พวกเขาไม่เข้าใจในความหมายแฝง
หากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกลับไปแล้ว คุณชายจิ่งจะรู้สึกดีใจหรือโกรธกันนะ?
“คุณชายจิ่ง ผู้หญิงคนนั้นออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วครับ ก่อนจากไปเธอทิ้งคำพูดเอาไว้ด้วย…”
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินสว่างวาบขึ้นมาทันที ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ “พูดว่าอะไร?”
“เธอบอกว่าได้ฝากของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ให้ เพื่อที่คุณชายจะได้ไม่ดีใจมากจนเกินไป”
คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าของจิ่งเป่ยเฉินก้มต่ำลง ภายในมือของเขามีเหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมา
เห็นได้ชัดว่ายามนี้คุณชายจิ่งกำลังโกรธ
“ดีมาก!” จิ่งเป่ยเฉินกล่าวอย่างเย็นชา
……
ห้าปีผ่านไป ที่สนามบิน
เด็กตัวน้อยสองคนที่ดูสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่ประตูทางออกของสนามบิน
เด็กผู้ชายตัวน้อยสวมใส่เสื้อยีนสีฟ้า สวมหมวกคาวบอยสุดเท่ แถมยังใส่แว่นกันแดดสีดำอันเล็ก ๆ ที่เข้ากับร่องจมูก ซึ่งดูก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นหนุ่มตัวน้อย ๆ ของชาวตะวันออก
ส่วนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กผู้ชายตัวน้อย ๆ คือเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าสีแดงอมชมพู แลดูมีเลือดฝาด เธอสวมชุดเจ้าหญิงและมีหมวกดอกไม้เล็ก ๆ ดวงตากลมโตของเธอนั้นมีสีฟ้า เธอค่อย ๆ กะพริบไปมา ส่วนผมของเธอนั้นมีสีทอง กระเซอะกระเซิงคลอเคลียอยู่ที่ไหล่