บทที่ 2 ใช้เล่ห์เหลี่ยมฝึกฝนตน!

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 2 ใช้เล่ห์เหลี่ยมฝึกฝนตน! EnjoyBook

บทที่ 2 ใช้เล่ห์เหลี่ยมฝึกฝนตน!

ด้วยเวลาที่คับขัน ฉู่ชวิ๋นไม่กล้าล่าช้าให้เสียเวลา เขาสงบจิตสงบใจเริ่มฝึกฝนทันที

ระดับขั้นการฝึกตนเป็นเซียน : 1.หลอมรวมลมปราณ 2.สร้างรากฐานลมปราณ 3.แก่นแท้ลมปราณ 4.ลมปราณก่อกำเนิด 5.ไร้ขอบเขต 6.สร้างกายทิพย์ 7.ค้นหาเต๋า 8.เซียน 9.นิรันดร์

ทุกสรรพสิ่งสำคัญที่จุดเริ่มต้น!

ระดับหลอมรวมลมปราณอาจเหมือนเป็นแค่พื้นฐาน แต่จริง ๆ แล้วสำคัญอย่างมากในการฝึกตน บางคนเล่ากันว่าการหลอมรวมลมปราณเป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่เลยทีเดียว กล่าวให้ชัดเจนก็คือใช้พลังวิญญาณมาชำระล้างร่างกายใหม่ สร้างกระดูกใหม่ราวกับได้ชีวิตใหม่ขึ้นมา

“ว่าแต่เรา จะฝึกเคล็ดวิชาลมปราณไหนดีนะ?” พิจารณาสักพักฉู่ชวิ๋นก็ตัดสินใจใช้วิถีมังกรฟ้าเจ้าแห่งโลกาที่เขาใช้ฝึกตนเมื่อชาติก่อน การฝึกฝนเคล็ดวิชานี้เป็นความลับของเผ่าพันธุ์มังกรแต่ฉู่ชวิ๋นได้มาด้วยความบังเอิญ

เมื่อทุกอย่างมีพร้อมแล้วฉู่ชวิ๋นก็ไม่เสียเวลามากไปกว่านี้ เขาเริ่มต้นการฝึกฝนทันที

“ชู่!”

หน้าอกของฉู่ชวิ๋นขยับขึ้นลงนิดหน่อยอย่างมีระเบียบ มีควันขาว ๆ พ่นออกจากรูจมูกทั้งสองข้างอยู่ตลอด มองดูดี ๆ จะเห็นเหมือนมีงูซุกซนตัวเล็ก ๆ แอบซ่อนและว่ายอยู่ในชีพจรลมปราณ

โครงกระดูกส่งเสียง “แช้บ เเช้บ” หน้าผากของฉู่ชวิ๋นมีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา ใบหน้าเกือบจะบิดเบี้ยว เส้นชีพจรและโครงกระดูกทุกส่วนถูกทำลายแล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นความเจ็บปวดทรมานเกินกว่าที่คนปกติยากจะแบกรับ

ฉู่ชวิ๋นกัดฟัน “กรอด กรอด” ร่างทั้งร่างสั่นเหมือนเจ้าเข้า ในลำคอส่งเสียงทรมานออกมาราวกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉู่ชวิ๋นเริ่มกลับมาสงบลงอีกครั้ง แต่ควันขาวในรูจมูกทั้งสองข้างยังคงพ่นเข้าออกเร็วขึ้น ผิวเริ่มเปล่งประกายแวววับขาวสะอาด ในขณะเดียวกันใบหน้าก็ส่องแสงใสสกาวราวกับหินหยกออกมา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว!

พลังวิญญาณถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายปีศาจทั้งห้า ดูดซึมเข้ามายังร่างกายของฉู่ชวิ๋น

ร่างกายของฉู่ชวิ๋นเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายในความมืดมน ทั่วทั้งร่างห้อมล้อมไปด้วยลมปราณอ่อน ๆ รอบตัว เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย การฝึกตนนั้นเรียกได้ว่าเขาชำนาญลู่ทางทั้งหมด ความเร็วและผลลัพธ์ดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้ซะอีก

การก้าวเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณขั้นต้นภายในหนึ่งคืนแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้จะใช้วิถีมังกรฟ้า เจ้าแห่งโลกาก็ยังเป็นเรื่องยาก ต้องขอบคุณประสบการณ์การฝึกฝนที่เขาสั่งสมมานับพันปีที่ทำให้ทุกอย่างง่ายดายแบบนี้

สิ่งเดียวที่เสียใจคือเขาไม่ได้มีเลือดของบรรพบุรุษมังกรมาด้วย จริงแล้ว ๆ วิถีมังกรฟ้าเจ้าแห่งโลกา เรียกว่า เคล็ดวิชาเก้ามังกรทลายนภา ได้เหมือนกันเพราะจิ่วสัมพันธ์กับเก้าระดับชั้นของผู้ฝึกตนเป็นเซียน ถ้าหากว่าฝึกฝนคู่กับเลือดของบรรพบุรุษมังกร เขาจะสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนเป็นเซียนที่อยู่ระดับเดียวกันได้โดยใช้แค่ร่างกายเท่านั้น! ไม่ต้องพึ่งพาลมปราณด้วยซ้ำ

ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้น สายตาเปล่งประกายสีทอง ซัดฝ่ามือออกไปอย่างเต็มแรงแรงกระแทกถึงกับทำให้กำแพงหิน ทั้งห้องมืดเล็ก ๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก้อนหินแหลมคมถูกชกจนกลายเป็นเศษผงละเอียด

ถือว่าออกมาดูดี ถึงแม้ว่าตอนนี้วิถีมังกรฟ้าเจ้าแห่งโลกาจะบรรลุไปได้แค่ส่วนแรก แต่ก็ทำให้เขามีพลังโจมตีถึง ห้าร้อยกิโลกรัมได้ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้

“เอียดด!”

ประตูห้องมืดเปิดออก แสงแดดสอดส่องเข้ามา

“แกออกมาได้แล้ว!” ผู้คุมหลี่ตะโกนออกมาจากข้างนอก

ฉู่ชวิ๋นค่อย ๆ เดินออกไป เวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว สิบกว่าชั่วโมงผ่านไปแต่เหมือนพริบตาเดียวสำหรับการฝึกตน

ในชั่วขณะหนึ่ง ผู้คุมหลี่รู้สึกเหมือนเบลอ ๆ เขารู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับตอนเข้าไป แต่พอมองดูดี ๆ ฉู่ชวิ๋นยังคงผอมแห้งร่างกายอ่อนแรงเหมือนเดิม ดูภายนอกเหมือนไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ภายในจิตใจของผู้คุมหลี่ก็ยังรู้สึกนั้นอยู่ดี

กลับมาที่ห้องขัง สี่ศูนย์สองเจ็ด

ผู้คุมหลี่ทิ้งไว้แค่ประโยคเดียวว่า ถ้ายังกล้าก่อเรื่องกันอีกต้องเข้าห้องมืดกันยกกลุ่มแล้วเขาก็จากไป

“เจ้าหนุ่มน้อย รสชาติที่ถูกขังอยู่ในห้องมืดเป็นยังไงบ้างละ?” หลังจากที่ผู้คุมหลี่เดินจากไปแล้ว หลี่ฮู้ก็ลูบคอที่มีรอยแผลโดนรัดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดออกมา

“ก็ดี” ฉู่ชวิ๋นเดินไปนอนบนเตียงหลังจากนั้นก็หลับตาลง

สายตาของทุกคนมองตรงไปที่ร่างกายของฉู่ชวิ๋น ทุกสายตาเต็มไปด้วยความดุร้ายราวกับอยากจะฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ตาย แน่นอนว่าพวกเขากำลังรอโอกาสและฉู่ชวิ๋นเองก็กำลังรอรอคอยช่วงเวลากลางคืนที่จะมาถึง

กลางคืนใกล้เข้ามาแล้ว แสงจันทร์ส่งให้เห็นเงาภายในห้อง

หลี่ฮู้และคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณมือให้กันค่อย ๆ ห้อมล้อมกันคลานขึ้นเตียงฉู่ชวิ๋นและทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ลืมตาทั้งสองข้างมุมปากยิ้มอย่างเยือกเย็น

“ยังไม่ถึงกลางดึกเลย พวกแกรอไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลี่ฮู้และคนอื่น ๆ ตกใจกับเสียงของฉู่ชวิ๋นที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นนั่ง มองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

“แกยังไม่ได้นอน?” หลี่ฮู้ประหลาดใจมาก เขาคาดไม่ถึงว่าฉู่ชวิ๋นจะตื่นอยู่

“ฉันกำลังรอพวกแกลงมืออยู่” ฉู่ชวิ๋นพูดเสียงเย็นชา

“แก…” หลี่ฮู้มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทำไมฉู่ชวิ๋นถึงรู้ว่าวันนี้พวกเขาจะลงมือ?

“ทำไมฉันถึงรู้ใช่หรือเปล่า? ฉันต้องรู้อยู่แล้วล่ะ แน่นอนว่าสิ่งที่แลกกับการรู้เรื่องนี้ช่างใหญ่หลวงนัก” พอคิดถึงชาติก่อนที่ตายอย่างอัปยศ เขาต้องตายด้วยหมัดรัว ๆ จนไม่รู้ว่าตัวเองตายไปตอนไหน โทสะภายในจิตใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมา ถึงแม้จะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นหนามในจิตใจ หากไม่ถอนออกไป ปีศาจในจิตใจก็จะตามเขาตลอดไป

“ใครให้พวกแกทำแบบนี้?” นี่เป็นสิ่งที่ฉู่ชวิ๋นอยากรู้ที่สุดก็คือใครกันแน่ที่ต้องการให้เขาตายภายในคุกแบบนี้!

“ลงไปถามยมบาลเอาเองสิวะ!” หลี่ฮู้เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว ฉู่ชวิ๋นเกือบจะฆ่ารัดคอเขา ต่อให้ไม่มีคำสั่งจากด้านนอกเขาก็ไม่ปล่อยฉู่ชวิ๋นไปเด็ดขาด

หลี่ฮู้เคยฝึกการต่อสู้ ก่อนติดคุกเป็นพี่ใหญ่ในแก๊งมาเฟียเล็ก ๆ แก๊งหนึ่งแม้ว่าแก๊งเขาจะไม่ใหญ่โต แต่ก็เป็นแก๊งที่หลี่ฮู้สร้างขึ้นมาเองด้วยกำปั้น เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ชวิ๋นที่ขาใหญ่ไม่เท่าแขนของมันด้วยซ้ำ หลี่ฮู้ไม่เคยเห็นฉู่ชวิ๋นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว

หลี่ฮู้สาวเท้าพุ่งโจมตีอย่างรวดเร็ว มันปล่อยหมัดต่อยใส่หัวฉู่ชวิ๋นเสียงหมัดแหวกดัง

“ตู้ม” หมัดนี้ถ้าหากว่าโดนจริง ๆ ฉู่ชวิ๋นไม่ตายก็พิการ

คนอื่น ๆ เห็นท่าทางการโจมตีที่รุนแรงของหลี่ฮู้ต่างก็พากันถอยหลังเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลง สายตาของฉู่ชวิ๋นเย็นยะเยือก มันยืนมือไปจับหมัดของหลี่ฮู้ให้หยุดชะงักกลางอากาศ

สีหน้าหลี่ฮู้เปลี่ยนไป มันรู้สึกว่าหมัดนี้ไม่เหมือนชกโดนมือของฉู่ชวิ๋นเลย แต่เหมือนชกโดนกระดานเหล็ก แขนของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ร่างกายชาไปครึ่งตัว คนอื่น ๆ เห็นฉู่ชวิ๋นแค่ยกมือขึ้นก็สกัดหมัดของหลี่ฮู้ได้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถลึงตาโต

ฉู่ชวิ๋นใช้เท้าถีบหลี่ฮู้อย่างแรง หลี่ฮู้ถูกฉู่ชวิ๋นถีบกระเด็นไปกระแทกกับผนังห้องความเจ็บปวดอันแสนสาหัสแทบจะทำให้มันสลบไป นักโทษคนอื่นๆตกใจจนตัวสั่น คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮู้ที่แสนจะดุดันจะถูกฉู่ชวิ๋นจัดการในกระบวนท่าเดียว

ฉู่ชวิ๋นโจมตีอีกครั้ง เขารัวหมัดออกไป หกหมัดในชั่วพริบตาราวกับปีศาจ

“ปังง!…ปังง!…”

นักโทษอีกหกคนแทบจะล้มลงภายในเวลาเดียวกันและสลบเหมือดไปฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปมองหลี่ฮู้ราวกับผู้ที่เหนือกว่า

“ฉันถามแกตอบ หากปิดบังแม้แต่นิดเดียว ฉันจะทำให้แกทรมานยิ่งกว่าตาย!” หลี่ฮู้พยักหน้าอย่างหวาดกลัว

“ใครสั่งแกมาฆ่าฉัน?”

“ฉัน…..ฉันไม่รู้” หลี่ฮู้ตอบออกมาทันที

เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉู่ชวิ๋น หลี่ฮู้ก็ตกใจกลัวจนลนลานและรีบดิ้นคลานเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋น “ฉันไม่รู้จริง ๆ ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นไม่เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา หมายให้เขาพูดต่อ

“ฉันก่อคดีฆาตกรรมโทษประหารชีวิต แต่ในวันที่สอง ที่ฉันเข้ามายังคุกนี้ก็มีคนส่งข่าวมาบอกฉันว่าสามารถช่วยชีวิตฉันได้ แต่ฉันจะต้องทำตามคำสั่งของพวกเขา”

“คำสั่งของพวกนั้นก็คือให้แกมาทรมานฉัน?” ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะ ร่างหลี่ฮู้สั่นสะท้าน เขาห่อตัวด้วยสัญชาตญาณและเอ่ยอย่างระมัดระวัง

“ใช่ พวกเขาให้ฉันทรมานนายไม่หยุดทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ให้นายได้อยู่อย่างสงบแม้แต่วันเดียว แต่ก็ห้ามให้นายตายตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอก แต่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากฉันเข้ามา ฉันที่ควรถูกยิงประหารไปแล้วก็ยังไม่เป็นไร พอผ่านไปหนึ่งเดือนก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันถึงเชื่อพวกเขา”

“พวกเขาแค่ให้แกทรมานฉัน แต่ทำไมแกถึงจะฆ่าฉันล่ะ?”

“ไม่ใช่ฉัน พวกเขารู้ว่าพรุ่งนี้นายจะได้ออกจากคุก พวกเขาต้องการให้ฉันมาฆ่านายคืนนี้ หลังจากนั้นก็จะจัดการทำเรื่องให้พวกฉันออกจากคุก” หลี่ฮู้รีบตอบอย่างรีบร้อน

“พวกเขาก็ได้รับคำสั่งเดียวกันสินะ?” ฉู่ชวิ๋นชี้ไปยังนักโทษคนอื่น ๆ ที่เป็นลมไปแล้ว

“ใช่” หลี่ฮู้พยักหน้าตอบ “พวกเขายังบอกอีกว่า…”

“บอกอะไร?”

“พวกเขาบอกว่าถ้าพวกเราไม่มีโอกาสฆ่านายได้ ก็เอาสิ่งนี้ให้นายกิน” หลี่ฮู้หยิบถุงกระดาษจากใต้เตียงออกมา ฉู่ชวิ๋นรับกล่องมาเปิดดูพบยาสีขาวหนึ่งเม็ด เมื่อลองเอาจมูกดมดู สายตาเขาก็เปล่งประกายเย็นยะเยือก

ถึงจะไม่รู้ชื่อยาแต่ฉู่ชวิ๋นก็รู้ว่าเป็นยาที่มีผลต่อประสาท หากกินเข้าไป เส้นประสาทจะถูกทำลายอย่างหนัก ถึงตอนนั้นต่อให้มีชีวิตรอดก็จะกลายเป็นคนบ้าสติไม่ดี

ใครกันที่ใช้วิธีร้ายกาจแบบนี้กับเขา? ซึ่งนั้นทำให้ภายในตัวฉู่ชวิ๋นปรากฏจิตสังหารแผ่กระจายออกมาแล้ว!

ประสาทเสีย? คนบ้า? แววตาของฉู่ชวิ๋นลุกเป็นประกาย ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้จะจัดการกับคนพวกนี้ยังไง แต่ในตอนนี้เขาพอจะมีแผนในใจแล้วล่ะ

ฉู่ชวิ๋นชกออกไปอย่างแรง หลี่ฮู้สลบไปทันที โดยไม่ทันได้เอ่ยอะไร เขามองไปยังคนที่สลบอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ฉู่ชวิ๋นก้าวไปอยู่หน้าคนคนนึงแล้วย่อตัวลง ฝ่ามือกุมขมับมันไว้และถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไป คนแรกผ่านไป คนที่สอง … คนที่สาม … ไม่มีใครได้รับการยกเว้น

แววตาฉู่ชวิ๋นไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ หลังจากนี้ เจ็ดวันพลังลมปราณที่ซ่อนเอาไว้ก็จะระเบิดออกมาและคนพวกนี้จะกลายเป็นคนเสียสติ และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ออกจากคุกไปแล้ว!!