สายตาเย็นเยียบหลุบต่ำด้วยความปวดร้าว 

 

 

เธอว่ายน้ำไม่เป็น เวลาที่จมอยู่ในน้ำก็นานกว่าเฉินเชียนโหรว ไหนจะตอนนี้เธอเองก็เพิ่งฟื้น แม้ว่าความคับแค้นในใจจะมากมายเพียงไหน ก็ยากที่จะระบายมันออกมาได้หมด 

 

 

“เธอนี่เลวได้ใจจริงๆ” 

 

 

เฉินเชียนโหรวหัวเราะเสียงเย็น 

 

 

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่มีวันรู้จักกับความสำเร็จหรอก เพราะเธอเอาแต่เกาะพี่เหิงไม่ยอมปล่อย!” 

 

 

“เธอเอายางอายไปเก็บไว้ตรงไหน เฉินเชียนโหรว! ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าจือซูเหิงเป็นคู่หมั้นของฉัน! เธอคิดว่าพวกเขาโง่นักหรือไง!” 

 

 

เฉินเชียนโหรวหัวเราะร่าออกมาจนตัวงอ 

 

 

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว…พี่ยังมองว่าคนพวกนั้นฉลาดอยู่อีกเหรอ?” 

 

 

“…” 

 

 

ไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา เฉินฝานซิงทำได้เพียงจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาเย็นชา 

 

 

จริงอย่างที่เฉินเชียนโหรวพูด พวกนั้นก็โง่กันหมดทุกคน! 

 

 

เห็นชัดๆ ว่ามันเป็นแผนสกปรก แต่กลับเชื่อเธออย่างสนิทใจไปเสียทุกครั้ง 

 

 

ถึงขนาดว่าหากเฉินเชียนโหรวหกล้มขึ้นมาวันไหน ก็คงมีคนที่รักเธอหลงเธอออกมาร้องห่มร้องไห้ปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด! 

 

 

โง่ งี่เง่าที่สุด! 

 

 

รวมทั้งตัวเธอเองด้วย! 

 

 

“อะไรกัน? พี่ยังไม่แน่ใจอีกเหรอ งั้น…” 

 

 

ท่าทีของเฉินเชียนโหรวเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา สีหน้าที่ดูไร้พิษสงจ้องมองพี่สาว พลางยื่นมือไปคว้าแขนเธอเอาไว้ 

 

 

“พี่คะ เป็นความผิดของฉันเอง…” 

 

 

“อย่ามาแตะนะ!” 

 

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้และมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เฉินฝานซิงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา 

 

 

เธอยกแขนขึ้นปกปิดร่างกาย เพื่อปฏิเสธสัมผัสจากน้องสาว 

 

 

ร่างของเฉินเชียนโหรวเสียหลักจนเซไปเล็กน้อย กระบอกน้ำร้อนที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของเธอตกลงสู่พื้นเสียงดัง เพล้ง!  

 

 

หยดน้ำสาดกระจาย! 

 

 

เสียงร้องน่าสงสารก็พลันดังขึ้น 

 

 

“โอ๊ย…เจ็บ!” 

 

 

“ฝานซิง เธอทำอะไร?!” 

 

 

น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นจากด้านหลัง 

 

 

เฉินฝานซิงหันขวับกลับไปมอง บัดนี้ร่างสูงตรงประตูได้ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ 

 

 

เธอเห็นเพียงสายตาของซูเหิงที่มองมาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะถูกผลักออกไปให้พ้นทาง 

 

 

ร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมโดนผลักไปกระแทกกับราวกั้นอีกด้านหนึ่ง ความเจ็บระบมแล่นขึ้นมาถึงช่วงเอว! 

 

 

ใบหน้าซีดมากกว่าเดิม สองมือเกาะราวจับด้านหลังไว้แน่นหวังให้ช่วยพยุงตัว 

 

 

สายตาเยือกเย็นมองฉากตรงหน้าซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำความโง่เขลาของตัวเองได้อย่างดี 

 

 

รู้ทั้งรู้ว่าคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างเฉินเชียนโหรวไม่มีทางเข้ามายั่วโทสะเธอเล่นโดยไม่มีแผนในใจ แต่สุดท้ายเธอก็กลับถูกน้องสาวตลบหลังเข้าอีกครั้งจนได้ 

 

 

เธอก็รู้ว่าซูเหิงไม่ใช่คนโง่ แต่เขาก็กลับ… 

 

 

“พี่เหิง เจ็บจังเลย…” 

 

 

ซูเหิงได้ยินดังนั้นก็ยืดตัวขึ้นเพราะคำพูดของเฉินเชียนโหรวทำเอาเขาอยู่ไม่สุข 

 

 

“อดทนไว้ ฉันจะพาเธอไปหาหมอเดี๋ยวนี้” 

 

 

เขาว่าพลางโน้มตัวลงประคองเฉินเชียนโหรวเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉินฝานซิงเงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม 

 

 

“กลับห้องเธอไปก่อน อีกสักพักฉันจะตามไป!” 

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มหยัน แววตาเต็มไปด้วยความถากถาง 

 

 

จวบจนซูเหิงอุ้มเฉินเชียนโหรวเดินจากไป เฉินฝานซิงจึงได้แค่นหัวเราะออกมา 

 

 

ไม่ไกลนักใต้ต้นจือจื่อฮวา หญิงชราบนเก้าอี้วีลแชร์มองดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ 

 

 

“ไหลหรงอา เมื่อกี้เธอเห็นหรือเปล่า” 

 

 

หญิงชราถามขึ้น ดวงตาแหลมคมคู่นั้นเหม่อมองไปยังที่ที่เฉินฝานซิงยืนอยู่ไกลๆ 

 

 

หญิงรับใช้ข้างกายอายุราวห้าสิบปีขานรับนอบน้อม “เห็นแล้วค่ะนายหญิง” 

 

 

“เหอะ นางงูพิษ คิดลูกไม้กระจอกๆ ได้แค่นี้เหรอ โง่สิ้นดี!” หญิงชราหัวเราะหยันแล้วสบถอย่างโมโห 

 

 

“ไม่ใช่ว่าเด็กผู้หญิงอีกคนโง่กว่าหรอกเหรอคะ ขนาดลูกไม้ตื้นๆ แค่นั้นยังจัดการไม่ได้” 

 

 

หญิงชราส่ายหน้า ความเฉียบแหลมฉายชัดในแววตา 

 

 

“ผิดแล้วล่ะ ไหลหรง” 

 

 

“นายหญิงโปรดให้ความกระจ่างด้วย” 

 

 

“เด็กผู้หญิงอีกคนน่ะซื่อตรงเกินไป เพราะตัวเองเกลียดและไม่คิดทำที่สิ่งที่ผิดศีลธรรมอันเกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์! เธอเลยนึกไม่ถึงว่าบนโลกนี้ยังมีคนหน้าด้านที่กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้จริงๆ” 

 

 

ไหลหรงพยังหน้ารับ “เข้าใจแล้วค่ะ นายหญิง” 

 

 

หญิงชรามองเฉินฝานซิงไปอีกครู่ใหญ่ แล้วเอ่ยขึ้น 

 

 

“จะว่าไป ก็ไม่ค่อยเข้าท่าเลย…” 

 

 

เธอพึมพำขึ้นมาอีกสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น 

 

 

“นิสัยใจคอถือว่าไม่เลวเลย ไปเรียกเธอมาให้ฉันได้เห็นหน้าชัดๆ หน่อยสิ” 

 

 

คนเป็นบ่าวได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีหนักใจ 

 

 

“แต่คุณชายใกล้จะถึงมาแล้ว หากเห็นว่าปล่อยให้คนนอกเข้ามาในสวนนี้ละก็…” 

 

 

“ทำไม มันจะฆ่าฉันรึ?!” 

 

 

หญิงชราบุ้ยปากขัดใจ ในน้ำเสียงติดจะหมั่นไส้หลานชายตัวเองอยู่นิดๆ 

 

 

ไหลหรงยิ้มเจื่อน “ได้ค่ะๆ! จะไปเรียกให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ!” 

 

 

ขณะที่พูดกันนั้น ประตูรั้วที่ขนาบด้วยต้นไห่ถงไว้ทั้งสองทางก็เคลื่อนตัวออก