บทที่ 3 ถูกนางคิดบัญชี

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

เมื่อได้ยินหลินเสวี่ยหรงพูดขึ้นเช่นนี้ หลินชิงเวยพลันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

หลินชิงเวยเห็นภาพข้างหน้าเลือนรางเป็นพักๆ สายตาของนางพร่ามัวอย่างยิ่ง หนักศีรษะอย่างรุนแรง แม้กระทั่งหน้าตาของหลินเสวี่ยหรงนางก็มองเห็นไม่ชัดเจน

ยามนี้หลินชิงเวยจึงรู้ตัวว่าตนเองหลงกลของเด็กสาวคนนี้เสียแล้ว

เป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้าที่นางจะเดินเข้ามาหลินชิงเวยไม่ได้กินหรือดื่มสิ่งของอะไร เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีโอกาสวางยาตน

แต่นี่มันไม่ถูกต้องจริงๆ…

หรืออาจเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่นางจะมาถึง…

ก่อนหน้าที่หลินเสวี่ยหรงจะมาถึง นางกำนัลได้นำใบชาใหม่ของปีนี้มาให้นางดื่มไปสองคำ ต่อมาหลินเสวี่ยหรงก็ปรากฏกายขึ้น

ยามนี้เป็นเวลาพลบค่ำ โคมไฟภายในวังค่อยๆ ถูกจุดให้สว่างขึ้น ที่จริงหลินชิงเวยใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักในอย่างเงียบสงบเฉกเช่นนางสนมคนอื่นๆ กระทั่งนางกำนัลที่ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ก็มีเพียงไม่กี่คน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่มีทางเสด็จมายังตำหนักในแห่งนี้ ประโยชน์ของพวกนางมีเพียงประการเดียว—เสริมความเป็นสิริมงคล

หลินชิงเวยรู้สึกว่าตนเองกำลังจะนั่งไม่อยู่แล้ว ได้แต่พยายามฝืนประคองร่างกายของตน ความรู้สึกชาน้อยๆ เริ่มลุกลามไปทั่วร่างกาย จากนั้นค่อยๆ อ่อนแรงลง

นางช้อนตาขึ้นมองเงาร่างอันพร่าเลือนของหลินเสวี่ยหรงที่อยู่เบื้องหน้าตน น้ำเสียงของนางแตกต่างจากสภาพร่างกายของนาง ในทางกลับกันกลับเปี่ยมไปด้วยสติและความสุขุม “เจ้าทำอะไรกับข้า?”

หลินเสวี่ยหรงค่อยๆ ย่อกายลงนั่งยองๆ เบื้องหน้าหลินชิงเวย มองดูสีหน้าของนางที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้าๆ ใช้ปลายนิ้วบีบคางของนางเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์เป็นที่สุด “เจ้าคิดว่าเจ้าเข้าวังมาแล้วจะปลอดภัยตลอดชีวิตแล้วหรือไร? เจ้าคิดว่าต่อไปเจ้าจะมีชื่อเสียงลาภยศตลอดชีวิตหรือ? จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน รอให้ข้าแต่งให้เซี่ยนอ๋องเสียก่อน ข้าไม่ปรารถนาที่จะต้องคารวะเจ้าทุกครั้งที่เข้าวัง คนเช่นเจ้าหรือจะคู่ควร?! หลินชิงเวย ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ในวังหลวงแห่งนี้อย่างไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้!” พูดแล้วก็ออกแรงเพิ่มขึ้นอีกสองส่วนสะบัดคางของหลินชิงเวยออกไป

หลินเสวี่ยหรงพูดอีก “เวลานี้เจ้าคงรู้สึกทรมานมากกระมัง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ร่างกายร้อนรุ่มดังเปลวไฟ เจ้ายังมองไม่เห็นใบหน้าของตนเอง เชอะ หน้าของเจ้าแดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความยั่วยวน ท่าทางร่านร้อนยิ่งกว่าหญิงคณิกา” เสียงหัวเราะของนางที่ดังขึ้นภายในเรือนแห่งนี้ช่างบาดหูอย่างที่สุด ทางหนึ่งกลับใช้มือลูบคลำไปตามใบหน้าของหลินชิงเวยอย่างรังเกียจ “นับแต่แต่งเข้าวังมายังไม่มีใครได้แตะต้องเจ้ากระมัง เจ้าวางใจเถิดเพราะนี่เป็นโอสถวสันต์ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดในตลาดมืด ต่อให้เป็นสตรีสะอาดบริสุทธิ์เมื่อตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโอสถวสันต์นี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นหญิงมากตัณหาได้ และนี่ถึงกับเป็นเจ้า! อีกประเดี๋ยวจะมีคนเข้ามา รับรองว่าเจ้าจะรู้สึกหวามไหวไปถึงกระดูกและวิญญาณ ไม่ต่างกับขึ้นไปเยือนแดนเซียนเลยทีเดียว! เจ้าจะต้องขอบคุณข้าเป็นแน่”

ลมหายใจของหลินชิงเวยยิ่งหอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ หลินเสวี่ยหรงกลับยิ่งกระทำตามอำเภอใจโดยไร้ซึ่งความกริ่งเกรง นางหัวเราะเย้ยหยันด้วยความสาสมใจ แสดงความรังเกียจที่นางมีต่อหลินชิงเวยโดยมิปิดบัง “เจ้าว่าเจ้าโง่เขลาหรือไม่ ข้าได้ซื้อตัวนางกำนัลข้างกายเจ้าให้นำน้ำชามาให้เจ้าตั้งแต่ก่อนเข้าวังมาแล้ว เจ้าไม่ระแวงสงสัยแม้แต่น้อย เช่นนี้จะโทษใครได้เล่า? แต่เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่ ข้าจะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย ฮ่าๆๆ ให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ตัวคนพ่ายแพ้ ชื่อเสียงและเกียรติยศถูกทำลายป่นปี้ เมื่อเอ่ยถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครมหาเสนาบดีแล้วให้ผู้คนข้างนอกรู้สึกรังเกียจเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้ารังเกียจ มีเพียงยามเอ่ยถึงข้าเท่านั้นที่พวกเขาจะกล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก!”

ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและริษยาปานคลุ้มคลั่ง นางยื่นปลายนิ้วขาวราวต้นหอมมาผลักหัวไหล่ของหลินชิงเวยเบาๆ เดิมทีหลินชิงเวยเองคิดจะยกมือขึ้นไปจับข้อมือของหลินเสวี่ยหรง ทว่านางกลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้เพียงครึ่งส่วน ราวกับว่ามือของนางคว้าได้เพียงสำลีก้อนหนึ่ง หลินเสวี่ยหรงคว้าข้อมือของนางได้อย่างง่ายดายพร้อมกับตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของนางหนึ่งฉาด “คนต่ำช้า! คนเช่นเจ้าแตะต้องข้าได้หรือ!”