บทที่ 4 เสวยสุขให้เต็มที่

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ใบหน้าขาวผ่องของหลินชิงเวยปรากฏรอยนิ้วมือสีแดงขึ้นทันที ร่างของนางล้มไปทางด้านหลังตามแรงตวัดจากฝ่ามือนั้นอย่างมิอาจควบคุมลงไปกองอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยอันกว้างขวางตัวนั้น ผ้าไหมสีเขียวนั้นปิดบังใบหน้าของนางไว้กึ่งหนึ่งและคลุมลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย กระโปรงผ้าไหมบนกายของนางบานออกเหมือนดอกโบตั๋นบานสะพรั่งที่รอให้คนไปเด็ดมาเชยชมอย่างไรอย่างนั้น

หลินเสวี่ยหรงกล่าวอย่างพึงพอใจ “ท่าทางเร่าร้อนของเจ้าในเวลานี้ ดูท่าแล้วคงจะคิดถึงบุรุษจนทนไม่ไหว ไม่ต้องรีบร้อน น้องสาวจะทำให้เจ้าพอใจแน่นอน”

หลินชิงเวยหลับตาลง นางพยายามสงบสติอารมณ์ ทว่ากลับมิอาจควบคุมความรู้สึกรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ ความร้อนรุ่มนั้นซัดวนขึ้นมาจากท้องน้อย น่าชังเหลือเกินที่มิอาจควบคุมตนเองให้หลุดพ้นจากการกลืนกิน

คำกล่าวใดที่ว่าเมื่อจิตใจสงบก็จะใจเย็นลงได้เอง ล้วนเป็นคำพูดที่นำมาใช้หลอกคนชัดๆ

หลินเชิงเวยใจเย็นราวกับน้ำแข็งแล้ว ทว่าปฏิกิริยาของร่างกายกลับรุนแรงยิ่งขึ้น

ยามนี้เองหลินเสวี่ยหรงตะโกนสั่งคนข้างนอก “โง่งมอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบเข้ามาอีก”

หลินชิงเวยคิดในใจ นางประเมินหลินเสวี่ยหรงต่ำไปจริงๆ สตรีในยุคสมัยโบราณเหตุใดจึงช่ำชองเช่นนี้ อายุน้อยแค่นี้กลับคิดหาวิธีที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ออกมาได้

บุรุษคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบองครักษ์ค่อยๆ เดินเข้ามาจากด้านนอก ดูท่าแล้วนางกำนัลไม่กี่คนที่อยู่ข้างนอกล้วนถูกหลินเสวี่ยหรงซื้อตัวไว้ล่วงหน้า เวลานี้องครักษ์ผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เขามีรูปร่างผอมบาง ท่าทีขลาดเขลาอ่อนแอ ทว่าแววตาที่มองมายังหลินชิงเวยกลับมิอาจปิดบังความตื่นตะลึง ชมชอบ รวมไปถึงความหื่นกระหายเอาไว้ได้

ยามนี้หลินชิงเวยเปรียบเสมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงสุดแต่คนจะจัดการ นางมีรูปโฉมงดงามดึงดูดสายตา กระโปรงสีแดงบนร่างของนางยิ่งขับให้ผิวพรรณผุดผ่องของนางราวกับคั้นน้ำออกมาได้ ผิวพรรณขาวผ่องที่ราวกับจะสะท้อนแสงได้ ขอเพียงเป็นบุรุษเมื่อได้เห็นเช่นนี้ล้วนเกิดปฏิกิริยากับร่างกายอย่างรุนแรงทั้งสิ้น

ความหื่นกระหายส่งผลให้คนมีความกล้าบ้าบิ่น คำพูดนี้ไม่หลอกลวงแม้แต่น้อย องครักษ์ผู้นั้นเมื่อแรกนั้นหลบหลีกสายตาอยู่เพียงสองครา จากนั้นมองหลินชิงเวยด้วยสายตาประหนึ่งปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างเปิดเผย ความร้อนจากร่างกายของหลินชิงเวยทำให้ร่างของนางเกิดกลิ่นเหงื่ออันหอมกรุ่นชั้นบางๆ เส้นผมบนหน้าผากแนบติดไปกับจอนผม สายตาของนางดูเลื่อนลอยและยั่วยวน นางประเมินรูปร่างขององครักษ์ผู้นั้นผ่านสายตาอันพร่ามัวของตนแล้วได้แต่ส่ายหน้าในใจ

รูปร่างผอมบางและขี้ขลาดเช่นนี้ เรื่องพรรค์นั้นจะใช้ได้อย่างไร…อย่างไรก็ควรจะเลือกคนที่รูปร่างสูงใหญ่มีเรี่ยวแรงแข็งขันสักหน่อย

หลินชิงเวยพลันเหน็บหนาวใจ นี่ๆ ยามนี้เจ้าถูกผู้อื่นวางยานะ ไฉนยังมีกะจิตกะใจมาคิดพิจารณาเรื่องเหล่านี้ได้!

หลินเสวี่ยหรงหันไปกล่าวกับองครักษ์ผู้นั้นอีกครั้ง “ทึ่มทื่ออะไรอีกเล่า ให้เจ้ามาเพื่อดูเท่านั้นหรือไร? หรือเจ้าไม่อยากลิ้มลอง?”

แววตาขององครักษ์เปี่ยมไปด้วยความกระหาย สายตาที่เขามองหลินชิงเวยราวกับหลินชิงเวยได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์แล้วนอนเปลือยกายอยู่ที่นั่นแล้ว องครักษ์พยักหน้า “อยาก…อยากขอรับ…”

สายตาของหลินเสวี่ยหรงเต็มไปด้วยความรังเกียจ กล่าวอย่างดูหมิ่นดูแคลนว่า “คืนนี้นางเป็นของเจ้าทั้งคืน สุดแต่เจ้าจะใช้สอยอย่างไร” พูดแล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่เตียงไหมที่อยู่ด้านหลังม่านไข่มุกภายในตำหนักบรรทม “เจ้าอุ้มนางไปวางบนเตียงนั้น แล้วเสวยสุขให้เต็มที่เถิด”

องครักษ์หรือจะควบคุมความคิดในใจของตนเองได้ เขารีบก้าวขึ้นหน้า อุ้มหลินชิงเวยอย่างเบามือราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง กลิ่นเหงื่อไคลและลมหายใจของชายหนุ่มกรุ่นเข้ามาในจมูกของหลินชิงเวย ทำให้นางขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ

นางกลับมานอนบนเตียงของตนเองและได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ หลินเสวี่ยหรงปิดประตูให้นางแล้วยืนอยู่ด้านนอก ภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟในวังปรากฏให้เห็นรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าของนาง

นางคาดว่าพรุ่งนี้ทันทีที่เรื่องนี้แดงขึ้น แม้กระทั่งตำหนักในแห่งนี้ก็จะไม่มีที่ให้หลินชิงเวยได้ซุกหัวนอน ถึงยามนั้นคนทั้งหมดก็จะรู้เรื่องที่นางเป็นสตรีมากตัณหาคนหนึ่ง แต่งเข้าวังมาไม่ทันไรก็ทนความเปลี่ยวเหงาไม่ได้ แอบลักลอบพบชายอื่นในยามค่ำคืน เช่นนั้นควรทำอย่างไรเล่า?

ถึงยามนั้น หลินชิงเวยอย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสได้ตั้งตัวไปตลอดชีวิต!