เล่มที่ 1 บทที่ 4 เดี๋ยวได้เห็นดีกัน

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

นางที่เป็นหญิงสาวสติฟั่นเฟือน แต่กลับถูกส่งตัวไปอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องอวี้ เรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในอะไรอย่างแน่นอน!

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนั่นก็คือทั้งที่นางเป็นลูกสาวคนโต แต่กลับถูกน้องสาวแสดงท่าทียกตนข่มท่านอยู่เสมอ

ยิ่งไปกว่านั้นน้องสาวของนางไม่รู้สึกละอายเลยแม้แต่น้อยที่จะใช้ยาพิษอาบลงบนผลพุทรา เพื่อหวังฆ่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองให้ตาย

ดูท่าแล้ว เรื่องนี้ชักจะน่าลุ้นระทึกยิ่งกว่าละครสงครามนางในเสียอีก!

มุมปากซึ่งกำลังหยักยิ้มเจือไว้ซึ่งความเย็นชา ตอนแรกเธอคิดว่าการใช้ชีวิตในสมัยโบราณจะน่าเบื่อหน่ายเสียอีก!

มาลองดูกันเถิดว่าละครเรื่องนี้จะมีตอนจบอย่างไร!

“วางเกี้ยว เปิดประตูเกี้ยว!”

อยู่ๆ เสียงร้องตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านนอกเกี้ยว เสียงนั้นทะลุผ่านประตูผ้าของเกี้ยวเข้ามาจนถึงหูของซูชิงเกอ

ต่อมา เกี้ยวเจ้าสาวจึงถูกวางลงบนพื้นดิน

หลินเมิ้งหยาดึงความคิดของตนเองเองกลับมา เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว นางคิดได้ว่าคงจะถึงหน้าประตูตำหนักของท่านอ๋องอวี้แล้วเป็นแน่ ลำดับต่อไปคือพิธีการต้อนรับ

ประตูซึ่งถูกปิดลงอย่างแน่นหนากำลังถูกคนนอกเปิดออก

ทันใดนั้นขาคู่หนึ่งซึ่งกำลังสวมรองเท้าลายดอกก็ปรากฏอยู่ในแนวสายตาของนาง

หากอิงจากตามธรรมเนียมแล้ว เจ้าสาวจะต้องถูกแบกข้ามธรณีประตูไปโดยเท้าจะต้องไม่ตกลงพื้น

ทว่าเพลานี้แม่สื่อกลับไม่ยึดตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม แต่กลับพูดกับเจ้าสาวสองสามประโยค

โดยแม่สื่อต้องการจะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก แม้เธอจะไม่เคยแต่งงานมาก่อนในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกผิดปกติอยู่ดี

หลินเมิ้งหยาจึงยังคงนั่งอยู่ในเกี้ยวไม่ขยับเขยื้อน!

มือสีขาวอมชมพูคู่หนึ่งยื่นเข้ามาจับผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของนาง ทว่ากลับจับเพียงแค่มุมหนึ่งเท่านั้น ชั่วอึดใจต่อมาเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายก็ดังลั่นขึ้น “แย่แล้ว เจ้าสาวตายแล้ว!”

ความวุ่นวายเกิดขึ้นโดยฉับพลัน เสียงฆ้องและกลองหยุดลงกะทันหัน

ดวงตาของหลินเมิ้งหยาสั่นระริก ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งยื่นเข้าไปคว้ามือของแม่สื่อเอาไว้!

จากนั้นนางไม่ลังเลเลยที่จะส่งเสียงออกมา “นี่มันขนบธรรมเนียมประเพณีจากที่ใดกัน แม้กระทั่งแม่สื่อยังกล้าฝ่าฝืนเช่นนี้ได้? ขนาดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของพระชายายังกล้าดึงออก แล้วนี่ยังจะร้องโวยวายโป้ปดมดเท็จในงานมหามงคลเช่นนี้อีก?!” น้ำเสียงหวานใสที่แม้กระทั่งตัวซูชิงเกอเองยังประหลาดใจถูกส่งออกมา แต่ขณะเดียวกันภายในน้ำเสียงหวานนั้นก็ยังแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา

แม่สื่อซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเสียจนสวยเพริศพริ้งพิไลสะดุ้งโหยงเพราะการกระทำของเจ้าสาว

ใบหน้าของหญิงชราซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยแป้งดอกมะลิเกือบจะบิดเบี้ยวไปจนเผยให้เห็นธาตุแท้ของตนเอง

ก่อนที่จะรับคุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลินขึ้นเกี้ยว คุณหนูรองจ่ายสินบนให้กับแม่สื่อคนนี้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังกำชับว่าหลังจากที่เปิดเกี้ยวออก ให้โห่ร้องบอกว่าคุณหนูใหญ่ตายแล้ว!

ตอนแรกนางเองก็ไม่กล้า แต่เงินสีขาวมากมายเหล่านั้นกลับล่อตาล่อใจเหลือเกิน ดังนั้นนางจึงทำเรื่องขาดคุณธรรมเช่นนี้

ตอนนี้ไม่เพียงแค่คุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลินยังไม่ตาย แต่นางยังจับแขนตนเองเอาไว้แน่นอีกด้วย

เพลานี้เหงื่อมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นท่วมหน้าผากของแม่สื่อ

พระเจ้าช่วย หรือศพของคุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลินผู้นี้จะ…กระตุก?

ในชั่วขณะที่คิดจะร้องแรกแหกกระเชออีกรอบนั้น อยู่ๆ เสียงเยียบเย็นจนทำให้สั่นสะท้านไปถึงกระดูกกลับขัดขึ้น “บังอาจ!”