บทที่ 3 ข้าวผัดไข่ที่สว่างเป็นประกาย

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ใบหน้าของเซียวเสี่ยวหลงเป็นสีแดงแปร๊ด ทว่าก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงประสงค์ร้าย ปู้ฟางเหลือบตามองชายหนุ่มหน้าสวยด้วยสายตาแฝงความหมาย ก่อนยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ

เซียวเสี่ยวหลงกะพริบตาปริบ ผิวขาวของเขาเป็นสีแดงก่ำ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอาฆาต “ข้าขอประกาศเอาไว้ก่อนเลยก็แล้วกัน ที่ข้าสั่งไม่ใช่เพราะยอมรับราคาของเจ้า ข้าเพียงอยากพิสูจน์ให้รู้ๆ กันไปเท่านั้น ว่าข้าวผัดไข่ของเจ้ามันได้ไม่คุ้มเสีย!”

“ได้ เอาข้าวผัดไข่ชามนึงใช่หรือไม่ รอสักครู่ก็แล้วกัน” ปู้ฟางตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ เขาโบกมือแล้วเดินเข้าครัวไปทันที “อ๋อใช่ ผัดผักกับบะหมี่แห้งคลุกของเราก็อร่อยนะ เจ้าอยากลองดูหรือไม่ล่ะ”

“เขาว่ากันว่าข้าวผัดไข่กินกับผัดผักแล้วจะอร่อยขึ้น” ปู้ฟางหยุดอยู่หน้าทางเข้าครัว เขาหันกลับไปมอง พร้อมพูดโฆษณาอาหารอีกสองรายการที่เหลือของตนเองอย่างไร้ยางอายและไม่ยี่หระ

เซียวเสี่ยวหลงงงงวยไปชั่วขณะ เขาเหลือบไปมองราคาอาหาร พลันรู้สึกถึงความเจ็บแน่นอกขึ้นมาทันที

“ไม่ต้อง! เอามาแค่ข้าวผัดไข่พอ”

“รับทราบ น่าเสียดายจริง” ปู้ฟางพยักหน้าก่อนเดินเข้าครัวไป

เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของปู้ฟาง เซียวเสี่ยวหลงก็รู้สึกคันมืออยากต่อยหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ชายหนุ่มคิดด่าในใจ “ผัดผักจานละร้อยเหรียญเนี่ยนะ คิดว่าข้าโง่บรมหรืออย่างไร หน้าด้านตั้งราคาร้อยเหรียญทองทั้งๆ ที่ซื้อกินได้ในราคาสิบเหรียญทองแดง คงมีแค่ร้านเจ้าร้านเดียวในทวีปกระมังที่กล้าทำอะไรชั่วช้าเช่นนี้”

ขณะที่ปู้ฟางกำลังทำข้าวผัดไข่ เซียวเสี่ยวหลงก็รู้สึกเบื่ออย่างมาก เขาหันไปมองเจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงทางเข้าร้าน ไม่สิ ต้องบอกว่าสายตาของเขาจับจ้องชามอาหารของมันถึงจะถูก

เซียวเสี่ยวหลงนึกย้อนไปถึงกลิ่นของข้าวผัดไข่เมื่อครู่ กลิ่นอาหารนั้นเหมือนผ้าไหมนุ่มลื่น ให้สัมผัสราวกับเป็นคนรัก ทันใดนั้นความอยากอาหารของชายหนุ่มก็พุ่งสูงขึ้น ท้องของเขาร้องลั่นเหมือนท้องฟ้าคำราม เคราะห์ดีที่ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ในร้าน มิเช่นนั้นนายน้อยเซียวผู้โด่งดังในนครหลวงในฐานะชายผู้แต่งตัวทันสมัยที่สุดและมีมารยาทงดงามที่สุด คงต้องอายม้วนต้วนยกใหญ่เป็นแน่

สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ยังกินข้าวจากชามไม่หมดหยุดชะงักอีกครั้ง มันเงยหน้าขึ้นเพราะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อสายตาของมันเคลื่อนมาสบเซียวเสี่ยวหลง เจ้าสุนัขก็รู้ทันทีว่ามนุษย์หน้าโง่ผู้นี้ยังคงจ้องชามข้าวของมันไม่เลิก มันจึงเริ่มโมโหขึ้นมา!

เจ้าสุนัขดึงชามเข้าใกล้ตัว มันลุกขึ้นยืน ก่อนนั่งลงกับพื้นอีกครั้งโดยหันก้นของมันให้เซียวเสี่ยวหลง จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปโดยเอาตัวเองบังชามข้าวไม่ให้ชายหนุ่มมองเห็น

เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกเหมือนโดนศรปักอกอีกครั้ง… เขาถูกสุนัขดูแคลนเข้าอีกแล้ว!

“ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าข้าอยากกินข้าวหมารึ! เป็นแค่หมาแท้ๆ แต่กลับมีหน้ามาดูถูกคน! ฮึ่ม!” เซียวเสี่ยวหลงคิดฟึดฟัดอยู่คนเดียว

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อ[1] กลิ่นหอมหวนก็โชยออกจากครัวอีกครั้ง กลิ่นไข่ทอดกลมกล่อมที่ผสานรวมเข้ากับกลิ่นจางๆ ของข้าวหอมทำให้เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกดื่มด่ำเหมือนกำลังเมาสุรา เพียงแค่ได้สูดดมเข้าไป น้ำลายเขาก็สออย่างควบคุมไม่อยู่

“ก็หอมจริงๆ นั่นละ แต่ตั้งราคาหนึ่งผลึกชนิดกะฟันหัวแตกนี่มันก็บ้าเกินไป!” เซียวเสี่ยวหลงคิด ขณะพยายามกลืนน้ำลายลงคอ

ในที่สุดปู้ฟางก็เดินออกจากครัวพร้อมถือชามอยู่ในมือ กลิ่นอาหารจากชามนั้นลอยล่องอบอวลไปในอากาศ ปกคลุมไปทั่วทั้งร้าน

“นี่ข้าวผัดไข่ที่สั่ง กินให้อร่อย”

ปู้ฟางพูดอย่างไร้อารมณ์ ขณะวางชามข้าวผัดไข่ลงตรงหน้าเซียวเสี่ยวหลง

ควันขาวลอยล่องเป็นไอขึ้นมาจากชาม ม้วนตลบไปในอากาศเบื้องหน้าเซียวเสี่ยวหลง ก่อนจะสลายหายไป กลิ่นอาหารที่ถาโถมขึ้นมานั้นทำให้เซียวเสี่ยวหลงอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้

เซียวเสี่ยวหลงจ้องข้าวผัดไข่ตรงหน้าไม่วางตา โดยไม่สนใจปู้ฟางเลยแม้แต่น้อย “กล้าเก็บเงินหนึ่งผลึกกับแค่ข้าวผัดไข่ชามเดียว… มันต้องไม่ใช่ข้าวผัดไข่ธรรมดาๆ แน่นอน!”

เมล็ดข้าวที่อยู่ในชามกระเบื้องสีขาวนั้นดูขาวสว่างเหมือนไข่มุก ข้าวทุกเมล็ดถูกห่อหุ้มด้วยไข่สีเหลืองทอง ไข่เหล่านั้นยังไม่สุกดี ยังคงความข้นอยู่ ราวกับว่าเมล็ดข้าวเหล่านี้ถูกพรมด้วยน้ำซอสไข่สีเหลืองทองอย่างไรอย่างนั้น ความข้นของไข่จัดได้ว่าสมบูรณ์แบบ มันถูกทำให้สุกราวร้อยละแปดสิบ เมื่อนำมาผสมกับเมล็ดข้าวก็ดูราวกับเป็นผ้าทอสีทองอร่ามจับจีบสวย ส่องประกายสว่างเรืองรองระยับจับตา

“ข้าว… ข้าวมันส่องประกายนี่!” เซียวเสี่ยวหลงมองจ้องไปที่ชามข้าวผัดไข่ตรงหน้า สมองโล่งโจ้งว่างเปล่า

เขาไม่เคยคิดเลยว่าข้าวผัดไข่จะกลายมาเป็นงานศิลปะได้ด้วย

ชายหนุ่มเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ เขาเป็นลูกชายคนที่สามของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศมากมายอยู่เสมอ เขาเคยกินข้าวผัดไข่ฝีมือพ่อครัวประจำตระกูล ทั้งยังเคยกินข้าวผัดไข่ฝีมือพ่อครัวในวังหลวงอีกด้วย… ทว่าในบรรดาข้าวผัดไข่ทั้งหมดที่เขาเคยลิ้มลองนั้น เทียบอะไรกับข้าวผัดไข่ชามตรงหน้าเขาไม่ได้เลยทั้งด้านรูปลักษณ์และกลิ่น

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความจริงที่ว่าข้าวผัดไข่ชามตรงหน้าเขานี้มีเพียงไข่และข้าวเป็นวัตถุดิบเท่านั้น มิได้มีอย่างอื่นเพิ่มเติมเลยแม้กระทั่งต้นหอม แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกได้จากก้นบึ้งของจิตใจ ว่าข้าวผัดไข่ชามนี้ต้องเลิศรสกว่าชามที่พ่อครัววังหลวงเคยทำให้เขากินแน่นอน!

เซียวเสี่ยวหลงหยิบช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ในมือ เลียริมฝีปาก ก่อนจะตักลงไปในชามข้าวผัดไข่ ทันทีที่ช้อนตักข้าวผัดไข่ขึ้นจากชาม กลิ่นหอมหวนของอาหารก็ถาโถมเข้าใส่จมูกของเขาทันที ชายหนุ่มค่อยๆ ตักไข่และข้าวขึ้นมาจนพูนช้อน ทิ้งสายไข่ข้นที่ยังไม่สุกไว้เป็นทาง

เซียวเสี่ยวหลงตักข้าวผัดไข่พูนช้อนเข้าปาก ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกแล้วในโลกใบนี้

ทันทีที่ช้อนเข้าปาก รสชาติอร่อยล้ำลึกก็ทำให้ต่อมรับรสของเขาตื่นตะลึง ไข่ข้นพลันจับตัวแข็งผสานเข้ากับเมล็ดข้าวไข่มุกที่นุ่มละมุน ก่อให้เกิดเป็นการระเบิดของรสชาติในปากของชายหนุ่ม!

“สวรรค์โปรด! ข้าวผัดไข่ที่อร่อยเลิศถึงเพียงนี้มีอยู่ในโลกด้วยหรือ! ข้ารู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ !”

เซียวเสี่ยวหลงตกหลุมรักรสชาติที่เขาได้รับเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างของตนกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลที่มีแต่รสชาติเลิศล้ำของข้าวห่อไข่อย่างไรอย่างนั้น

ชายหนุ่มตักข้าวห่อไข่ขึ้นมาคำแล้วคำเล่า แม้ความร้อนจากข้าวจะทำให้เขาจาม แต่ก็หยุดกินไม่ได้

“กร้วม กร้วม!”

ใบหน้าของชายหนุ่มแทบจะจมลงไปในชาม ท่าทางดูละม้ายเจ้าสุนัขสีดำตัวใหญ่ตอนที่มันกินข้าวผัดไข่ไม่มีผิด

“อร่อยมาก!” เซียวเสี่ยวหลงทั้งตักและกินในคราวเดียวกัน ขณะตะโกนออกมา เมล็ดข้าวสีทองสองสามเมล็ดก็กระเด็นออกจากปาก ชายหนุ่มตาเบิกกว้าง เขารีบหยิบเมล็ดข้าวที่ตกอยู่บนโต๊ะยัดเข้าปากทันที

ปู้ฟางนั่งลงตรงข้ามเซียวเสี่ยวหลง เขามองภาพตรงหน้าอย่างใจเย็น ท่าทางการกินของชายหนุ่มรูปงามนั้นไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เขาคิดไว้มากนัก ตอนที่เขาได้กินข้าวผัดไข่นี้เป็นครั้งแรก ก็มีสภาพไม่ต่างจากเซียวเสี่ยวหลงเท่าไร

เซียวเสี่ยวหลงเลียวนผิวชามจนสะอาดเกลี้ยง ชายหนุ่มหายใจออกด้วยสีหน้าสุขสบายอารมณ์ หลังจากที่กลืนข้าวเมล็ดสุดท้ายเข้าไปเรียบร้อยแล้ว

“มันคือข้าวผัดไข่จริงๆ หรือนี่! น่าทึ่งมาก! แม้แต่พ่อครัวบ้านข้า… ไม่สิ แม้แต่พ่อครัววังหลวงยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย!” เซียวเสี่ยวหลงพูดพึมพำกับตนเอง ปู้ฟางนั่งเงียบอย่างเฉยเมยอยู่ตรงนั้น

“เอาล่ะ เจ้าคิดว่ามันมีค่าสมกับหนึ่งผลึกหรือไม่เล่า” ปู้ฟางถาม

ทว่าเซียวเสี่ยวหลงทำเพียงขมวดคิ้วและจิ๊ปากเท่านั้น ชายหนุ่มตอบกลับ “ข้าวผัดไข่ชามนี้จัดเป็นอาหารชั้นเลิศจริงแท้แน่นอน แต่เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าผลึกหนึ่งชิ้นนั้นมีค่ามากมายเพียงใด”

“ผลึกแม้เพียงหนึ่งชิ้นสามารถช่วยผู้ฝึกตนในการฝึกพลังปราณได้ แล้วข้าวผัดไข่ของเจ้าทำได้หรือไม่ ทั้งสองอย่างนี้มีคุณค่าต่างกันโดยสิ้นเชิง! แต่ข้าขอยอมรับว่าข้าวผัดไข่ของเจ้านั้นอร่อยมากจริงๆ !”

ปู้ฟางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเซียวเสี่ยวหลงจะให้เหตุผลเช่นนั้น แม้จะฟังดูถูกต้องตามตรรกะ แต่ชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ “หมอนี่มันจะกินแล้วชิ่งรึ!”

แต่ขณะที่ปู้ฟางกำลังจะตอบกลับ ผิวขาวใสของเซียวเสี่ยวหลงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างฉับพลัน ร่างทั้งร่างของเขาเรืองแสงออกมา ราวกับมีพลังงานรุนแรงเคลื่อนไหวปั่นป่วนอยู่ภายในกาย

“เอิ๊ก~~”

ใบหน้าของเซียวเสี่ยวหลงกลับเป็นปกติหลังจากเรอออกมา แต่สีหน้าของเขาที่มองปู้ฟางอยู่นั้นกลับดูทั้งประหลาดและสนอกสนใจ

เสียงของชายหนุ่มสั่นสะท้าน…

“บอก… บอกข้ามานะ เจ้าใส่… อะไรลงไปในข้าวผัดไข่!


[1] หน่วยการนับเวลาของจีน 1 เค่อ = 15 นาที