ตอนที่ 84 มีเงินก็คือใจกว้าง

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

อวี๋กานกานมองหลินกั๋วเฟิงเงียบๆ ริมฝีปากค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ประธานหลิน โปรดวางใจค่ะ ถ้าเธอยอมให้ฉันรักษา ฉันจะรักษาเธอให้หายดีอย่างสุดความสามารถแน่นอนค่ะ”

 

 

แต่ถ้าหากหลินจยาอวี่ไม่ยินยอม เธอเองก็จนปัญญา

 

 

“นี่เป็นนามบัตรของฉัน ถ้าคุณหมออวี๋ติดอะไรตรงไหนสามารถโทรมาหาผมได้ทุกเมื่อ…”

 

 

หลินกั๋วเฟิงยิ้มกว้าง สองมือประคองนามบัตรสีทองส่งให้อวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานรับมาดู แต่ต้องประหลาดเมื่อพบว่านามบัตรนี้เป็นทองคำ แต่ไม่รู้ว่ากี่กะรัต เธอเผลอใส่ปากกัดไปทีหนึ่ง อยากจะเช็กในแน่ใจว่ามีกี่กะรัต

 

 

หลินกั๋วเฟิงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ มองอวี๋กานกานด้วยแววตาประหลาดใจ

 

 

อวี๋กานกานเห็นหลินกั๋วเฟิงมีสีหน้าท่าทางเหลือเชื่อ ตระหนักได้ว่าตัวเองเสียมารยาท ยิ้มแหะๆ “เอ่อคือ หนูแค่อยากทดสอบค่ะว่าใช่ทองหรือเปล่า”

 

 

หลินกั๋วเฟิงรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดี

 

 

“ถ้าคุณหมออวี๋ชอบละก็ พรุ่งนี้ฉันจะสั่งคนงานทำให้คุณหมอกล่องหนึ่งเอาเหมือนกับของฉัน” หลินกั๋วเฟิงพูดอย่างใจป้ำ

 

 

อวี๋กานกานรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”

 

 

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง คุณหมออวี๋อย่าเกรงใจไปเลย”

 

 

……

 

 

ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ประตูลิฟต์ของชั้นนี้เปิดออก ฟังจือหันก้าวเท้าออกมา จังหวะการก้าวย่างสุขุมและโออ่าสง่างาม สายตาจับจ้องไปที่อวี๋กานกาน จากนั้นชำเลืองไปทางหลินกั๋วเฟิงแวบหนึ่ง

 

 

พออวี๋กานกานเห็นหน้าเขาก็พลันให้นึกถึงเรื่องจูบเมื่อคืน รู้สึกขวยเขินนิดหน่อยขึ้นมาทันที เธอยกแขนขึ้น เกาคอของตัวเอง

 

 

ฟังจือหันและหลินกั๋วเฟิงสบตากัน พยักหน้าให้กันเล็กน้อย ถือว่าทักทายกันแล้ว จากนั้นเดินตรงเข้าห้องไป

 

 

 หลินกั๋วเฟิงมองฟังจือหัน รู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นตา แต่ว่านี้ไม่ใช่ผู้ช่วยของหมออวี๋หรอกหรือ

 

 

ทำไมถึงพักอยู่ด้วยกันกับหมออวี๋

 

 

หรือว่าจะเป็นแฟนของหมออวี๋?

 

 

แต่ว่าอากัปกิริยาของชายคนนี้ มีออร่าของคนมีชาติตระกูล ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน ดูเหมาะสมกับคุณหมออวี๋ดี

 

 

อวี๋กานกานและหลินกั๋วเฟิงคุยกันอีกสองสามประโยคจากนั้นก็กลับห้อง

 

 

เธอผลักประตูเข้ามาก็เห็นฟังจือนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าดูไม่ค่อยดี สายตาเย็นเยียบจ้องมาที่เธอ แสงไฟสาดส่องร่างกายที่สูงใหญ่กำยำทอดเป็นเงาดำ บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมและเย็นเยือก

 

 

นี่ทำให้ไออุ่นสุดท้ายที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของอวี๋กานกานสลายไป

 

 

เสียงของฟังจือหันดังขึ้น “คุณไปสถานีตำรวจทำไม”

 

 

อวี๋กานกานหันหน้ามามองเขา คิ้วทั้งสองข้างที่ดำเหมือนน้ำหมึกเลิกขึ้นเล็กน้อย มองฟังจือหันแล้วถาม “สถานีตำรวจ? นายรู้ได้ไงว่าฉันไปสถานีตำรวจ? ที่หยางเทียนโย่วถูกขังไว้นานขนาดนั้น เป็นเพราะนายใช่ไหม”

 

 

ก่อนหน้านี้เธอคิดไว้ว่าเรื่องของหยางเทียนโย่ว ยัดเงินนิดหน่อยต้องถูกปล่อยออกมาแน่

 

 

ถ้าไม่ถูกปล่อยออกมา แสดงว่าต้องมีคนทำอะไรบางอย่าง และคนคนนั้นมีแค่ฟังจือหัน

 

 

ฟังจือหันจ้องเธอโดยไม่ละสายตา เงียบไปครู่หนึ่งถึงจะพูด “คุณอยากเจอเขามาก?”

 

 

“จะไปอยากเจอหมอนั้นได้ไง ฉันไม่อยากเขาต่างหาก ถึงยอมไปสถานีตำรวจกับลุงใหญ่” อวี๋กานกานพูด พร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามฟังจือหัน “ไม่ว่าช้าหรือเร็วยังไงหยางเทียนโย่วก็ต้องได้รับการปล่อยตัว เรื่องทะเลาะวิวาทเรื่องเดียวไม่มีทางขังเขาไปตลอดชีวิตได้ ฉะนั้นตอนที่ลุงใหญ่มาหาฉัน ฉันทำข้อแลกเปลี่ยนกับเขา ฉันไปสถานีตำรวจช่วยปล่อยฟังจือหันให้ได้ แต่หลังจากนี้หยางเทียนโย่วห้ามปรากฏตัวมาให้ฉันเห็นต่อหน้าอีก”

 

 

ฟังจือหันมองใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานกานที่จริงจังและกลัดกลุ้ม ใบหน้าที่เย็นเหมือนหิมะก็ค่อยๆ มลายหายไป

 

 

ฟังจือหันลุกขึ้นยืนทันที ในตอนที่กำลังเดินผ่านอวี๋กานกาน ฝ่ามือของเขาวางบนศีรษะเธอ ขยี้อย่างเอ็นดู “ผมเข้าใจแล้ว”