ภาคที่ 1 บทที่ 5 ก้าวขึ้นไป (ตอนต้น)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 5 ก้าวขึ้นไป (ตอนต้น)

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเย่ได้ยินจินฟานและซุนชือร้องเพลง

พวกเขาร้องเพลงออกมาได้ไม่เลวเลย ซูเย่คิดแบบนั้น

“หืม..เพลงสายลมสามสิบลี้แห่งฤดูใบไม้ผลิ?”

ท่วงทำนองและการร้องเพลงที่ถูกขยายด้วยเครื่องเสียงทำให้บทเพลงของพวกเขาดังไปถึงผู้คนจำนวนมากที่เดินผ่านไปมาจนต้องหยุดยืนดู

ในขณะที่เพลงนั้นดำเนินต่อไป ผู้ชมก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อย ๆ

ยี่สิบคน…สามสิบคน

ไม่ช้า เบื้องหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยผู้ชมมากมาย

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้จินฟานและซุนชือรู้สึกอินกับเนื้อเพลงมากเป็นพิเศษ ทำให้การร้องเพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วม

ตั้งแต่ร้องเพลงมา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ท่วมท้นขนาดนี้!

คู่รักหน้าตาดีคู่หนึ่งเดินผ่านมาก่อนจะหยุดเดินและยืนฟังบทเพลงอยู่ที่บริเวณนอกวงคนมุง

“พวกเราขัดเกลาฤดูใบไม้ผลิให้เป็นรุ่งสาง”

“เปลี่ยนคำพูดฉุดรั้งให้เป็นความลับและปิดประตูนั้นไว้”

จินฟานและซุนชือเริ่มเข้าถึงการร้องเพลงมาขึ้น

ราวกับพวกเขาไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันกับบทเพลง

ไม่ต้องมีเนื้อร้อง

ไม่ต้องคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ใด

มีเพียงภาพเดียวที่ฉายเด่นชัดอยู่ในใจ

ท่ามกลางสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเหนือภูเขาและที่ราบ เขาและคนรักเดินไปบนเนินหญ้า จับมือกันไว้แค่สองคนในที่ ๆ ไม่มีใครอื่นมายุ่งเกี่ยว มีเพียงแค่ภูเขา ผืนหญ้า และสองเรา…

เหล่านักศึกษามากหน้าหลายตาที่มองดูอยู่ต่างมีอารมณ์ร่วมไปกับเพลงเช่นกัน

จนอดใจไม่ได้ที่จะเริ่มฮัมเพลงตามกันเบา ๆ

เด็กสาวคนหนึ่งสวมชุดฮั่นฝูพร้อมผ้าคลุมบนใบหน้าเล่นสเกตบอร์ดผ่านมา เสียงเพลงที่ได้ยินทำให้เธอต้องค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง

เมื่อหยุดอยู่กับที่แล้ว เธอเหยียบลงตรงส่วนท้ายของสเกตบอร์ดให้มันเด้งขึ้นมาอยู่ในมือเธออย่างพอดิบพอดี ดวงตาคู่สวยมองไปยังกลุ่มนักดนตรีสามคนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยความสนอกสนใจ

หรือถ้าจะพูดให้ถูก เธอจ้องมองไปยังซูเย่ที่กำลังเล่นกีตาร์อยู่ต่างหาก ดวงตาของเธอลุกวาวเป็นประกายด้วยความประทับใจ

“ฝีมือดีนี่นา “

เธอมั่นใจว่าตนเองมองคนไม่ผิด

นักร้องสองคนนั้นเป็นเพียงแค่มือสมัครเล่นเท่านั้น คนที่เจ๋งจริงคือมือกีตาร์ไร้นามที่อยู่ข้างพวกเขาต่างหาก!

เขานั่นแหละ คือคนที่ทำให้นักร้องทั้งสองเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้ขนาดนี้ ทำให้นักร้องมือใหม่สามารถแสดงศักยภาพได้ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เจ๋งชะมัด”

เด็กสาวในชุดฮั่นฝูอดไม่ได้ที่จะนึกชื่นชมขึ้นในใจ นอกจากพี่สาวของเธอแล้ว เธอก็ไม่เคยพบเจอใครที่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของผู้คนได้มากขนาดนี้มาก่อน

โน้ตตัวสุดท้ายถูกบรรเลงก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ บทเพลงได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

“แปะ แปะ แปะ……”

เสียงปรบมือดังขึ้น

จินฟานและซุนชือถูกดึงสติกลับมายังสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเสียงปรบมือจากผู้ฟัง พวกเขาหลุดจากห้วงความสุขของเสียงเพลง ทั้งสองหนุ่มหันมองหน้ากัน แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้นจนเก็บไว้ไม่อยู่

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาร่วมมือกัน และผลลัพธ์ที่ออกมามันก็เกินคาดไปมาก

จินฟานและซุนชือจับคู่เป็นดูโอ้ร้องเพลงกันมาพอสมควร แต่ก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน จนพวกเขาต้องพยายามทำใจให้เย็นลง

“นี่ก็นานแล้วนะ ที่ผมไม่ได้ร้องเพลงให้เธอฟัง อยากฟังไหม?”

คู่รักคู่หนึ่งที่ยืนฟังอยู่บริเวณวงนอกของฝูงชน แฟนหนุ่มหน้าตาดีหันไปถามแฟนสาวของเขาพร้อมรอยยิ้มหวานหยดย้อย

“อย่าเลย” แฟนสาวกล่าวอย่างลังเลใจ เพราะอย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะ และคนอื่นก็กำลังแสดงอยู่

“ไม่เป็นไรหรอกน่า” แฟนหนุ่มยิ้มอย่างจริงใจก่อนจะดึงแฟนสาวของเขาเข้าไปในฝูงชน เขาหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมาจากกระเป๋าและโยนมันลงบนเสื้อคลุมที่จินฟานได้กางไว้

“ขอโทษนะครับ ขอยืมอุปกรณ์สักแปปได้ไหม? ผมอยากจะร้องเพลงให้แฟนคนสวยของผมสักหน่อย”

เมื่อเงินมากองตรงหน้า ดวงตาของจินฟานและซูเย่ก็ลุกวาวขึ้นทันที

ร้องเพลงให้แฟนสาวงั้นเหรอ? ทั้งจินฟานและซุนชืออยากจะปฏิเสธคำขอนี้ แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่จ้องมองมา และสายตาของหญิงสาวทำเอาพวกเขาปฏิเสธไม่ลง…

“ความรักของหนุ่มสาวช่างสวยงาม เชิญเลยครับผม”

จินฟานและซุนชือผายมือและหลีกทางให้กับชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ

ชายหนุ่มเข้าไปยืนที่ตำแหน่งของจินฟานและมองไปยังซูเย่ ก่อนเอ่ยถาม “ขอยืมกีตาร์หน่อยจะได้ไหม?”

ซูเย่ยื่นกีตาร์ในมือให้แต่โดยดี

ชายหนุ่มรับกีตาร์มาถือไว้แล้วหันไปทางผู้คนที่กำลังมุงดู “วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่ผมได้พบกับแฟนคนสวยของผม และผมอยากจะเล่นบทเพลงนี้ เพื่อบอกเธอว่าการได้มาพบกับเธอนั้น คือความโชคดีที่สุดในชีวิตของผม”

เขาผายมือไปยังแฟนสาวที่อยู่ท่ามกลางผู้คน

ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อสีขึ้นในทันที หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความสุขและเขินอายจากการกระทำหวาน ๆ ของแฟนหนุ่ม

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงผิวปากแซวความหวานแหววของคู่รัก

ขณะที่สาว ๆ อีกส่วนต่างจ้องมองด้วยความอิจฉา

“กลิ่นของกาแฟจากอีกฝากของแม่น้ำ”

“แก้วกาแฟในมือของฉันและรสชาติความงดงามของเธอ”

เสียงร้องเพลงและเสียงกีตาร์ของเขาดังกังวานไปทั่วบริเวณ

ทั้งน้ำเสียงและเทคนิคต่างดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้ชมได้แทบจะในทันที

เพียงแค่ร้องจบท่อนแรก ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างท่วมท้นแล้ว

แฟนสาวของเขายิ่งหน้าแดงขึ้นไปใหญ่ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้นและความสุขอย่างเต็มเปี่ยม

“ร้องก็ดีนะ แต่ก็ยังห่างชั้นกับพวกเราอยู่ดี”

จินฟานออกความเห็น

ซุนชือพยักหน้าเห็นด้วย

ซูเย่เองก็รู้สึกว่าคน ๆ นี้ร้องเพลงดีเช่นกัน

น้ำเสียงของเขาเข้ากับบทเพลงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นเอง ร้องเองแบบสด ๆ แล้วด้วย ยิ่งทำให้ดูเข้ากับเนื้อเพลงยิ่งขึ้นไปอีก

เด็กสาวในชุดฮั่นฝูหันกลับไปเล่นสเก็ตบอร์ดอยู่ที่ด้านหลังฝูงชนอีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย ขัดกับผู้ชมที่กำลังตื่นเต้น

“ที่รัก อย่าเฉไฉไปเลย ดวงตาของเธอบอกฉันหมดแล้ว ว่าเธอก็คิดเหมือนกัน…”

ท่อนสุดท้ายเขาไม่ได้ร้องออกมาเป็นเพลง แต่ออกไปในเชิงบทกวีมากกว่า

“ฮิ้วววว~”

เหล่าผู้ชมต่างโห่ร้องแซวกันเจี้ยวจ้าวหลังจากได้ยินประโยคหยอดจีบกันของคู่หนุ่มสาว ใครบ้างจะไม่อิจฉาความรักของหนุ่มสาวในช่วงวัยนี้

แฟนสาวปิดหน้าของเธออย่างเขินอายเมื่อคนรอบ ๆ ตัวเริ่มส่งเสียงแซว หัวใจของเธอพองโตไปด้วยความสุข

แฟนหนุ่มฟังเสียงปรบมืออย่างเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์และพึงพอใจ

เสียงปรบมือ แฟนสาวสุดสวย ผู้คนที่ต่างชื่นชมและอิจฉา!

นี่แหละสิ่งที่ใคร ๆ ต่างถวิลหา!