Chaotic Sword God ตอนที่ 4 การฝึกฝนที่เพิ่มขึ้น
บัญญัติดาบนภาแบ่งออกเป็น 12 ขั้น ขั้นแรกเป็นการบ่มเพาะร่างกาย หากพูดโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว หากผู้ใดต้องการที่จะเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งได้นั้น สิ่งแรกที่พวกเขาต้องมีคือร่างกายที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นยังอาศัยร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าทำไมบัญญัติดาบนภาขั้นแรกจึงเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย
ผู้ฝึกวรยุทธ์ส่วนใหญ่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายพวกเขาเพื่อการพัฒนาพละกำลังของตน ดังนั้นพวกเขาจึงเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย โดยจบลงที่กล้ามเนื้อโป่งตึง มันเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่าถึงวิธีการที่จะได้ความแข็งแกร่งจากการเสริมสร้างเพียงอย่างเดียว บางคนถึงขั้นเพาะกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกระดูก มันยากที่จะให้มันแข็งดังเหล็ก
สำหรับเจียนเฉิน วิธีการที่จะฝึกฝนร่างกายประเภทนี้เป็นการทำลายร่างกายอย่างเสียเปล่าและเป็นการจำกัดศักยภาพของร่างกายมนุษย์อีกด้วย ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะทำให้มีพละกำลังเหนือกว่าคนทั่ว ๆ ไป แต่ในเวลาเดียวกันมันจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายเป็นอย่างมาก ผู้ที่ฝึกฝนด้วยวิธีนี้ส่วนใหญ่จะมีอายุขัยที่สั้น เมื่อพวกเขาได้แก่ตัวลง โรคภัยไข้เจ็บและการเสื่อมโทรมภายในร่างกายจะเกิดขึ้นกับพวกเขาบ่อยครั้ง
ผู้ฝึกวรยุทธ์ในโลกนั้นมาจากนิกายที่แตกต่างกัน ในแต่ละแห่งจะมีแนวทางการฝึกฝนร่างกายเป็นของตัวเอง แต่สำหรับเจียนเฉิน วิธีเหล่านั้นธรรมดาสามัญเกินไป มันไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องที่จะนำมาปฏิบัติ แม้กระทั่งแนวทางของอี้จินจิ้งแห่งวัดเส้าหลินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แม้แต่หลักการของอี้จินจิ้งจะมีความเหมาะสมในการฝึกฝนความแข็งแกร่งภายในและมีวิธีการในการเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อภายนอก แต่วิธีการของอี้จินจิ้ง นั้นก็ยังคล้ายกันการเสริมความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อภายนอก มันไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่แก่นแท้ของมนุษย์และมุ่งเน้นเพียงแค่พลังกายภายนอกเท่านั้น มันไม่อาจถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการบ่มเพาะร่างกาย เนื่องจากว่ามันไม่ได้มีเป้าหมายทั่วทั้งร่างกาย
เคล็ดวิชาบัญญัติดาบนภานั้นลึกซึ้งและวิเศษอย่างแท้จริง ด้วยการดูดซับปราณจากฟ้าดิน แปรเปลี่ยนมันให้เข้าสู่กระดูกภายในร่างกาย มันจะทำให้อวัยวะภายในและแม้กระทั่งเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกายได้เพิ่มขีดจำกัดของพวกมัน สิ่งที่ดั้งเดิมอ่อนแอจะถูกขจัดออกและร่างกายจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดขณะที่ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างไร้ที่สิ้นสุด เช่นมีอายุที่ยืนยาวยิ่งขึ้น หากเมื่อผู้ใดได้ทำการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ในขั้นถัดไป ร่างกายของเขาจะสามารถที่จะบรรลุระดับขั้นของพละกำลังที่สูงขึ้น และตามที่บัญญัติดาบนภากล่าวว่า หากผู้ใดสามารถที่จะบรรลุขั้นสูงสุดของการบ่มเพาะร่างกาย ยามนั้นพวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ตราบเท่าที่แผ่นฟ้าและผืนดินยังคงอยู่
อย่างไรก็ตามหลักการนี้เกี่ยวข้องกับพละกำลังของคนผู้นั้นด้วย หากว่าปราณของคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าพลังกาย ในตอนนั้นบัญญัติดาบนภาจะใช้ปราณรวมเข้ากันในร่างกายทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากกว่าก่อน หากว่าพลังกายและปราณทั้งคู่สมดุลกัน ตอนนั้นก็จะสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับขั้นใหม่ได้ เพียงแค่วงจรเหล่านี้ก็สามารถที่จะพัฒนาร่างกายได้ต่อเนื่องโดยไร้ขีดจำกัด
เจียนเฉินได้ดูดซับปราณโลกซึ่งเป็นกระแสปราณที่ไร้ที่สิ้นสุดและได้ชักนำมาโคจรทั่วร่างของเขา ภายใต้การควบคุมของเจียนเฉิน พลังปราณได้รวมเข้ากับเซลล์และอวัยวะของเขา
นับตั้งแต่ที่เขาได้มายังโลกใหม่ที่แปลกประหลาดแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้เจียนเฉินรู้สึกตื่นเต้นคือลมปราณโลก ซึ่งลมปราณโลกที่นี่มีอยู่หนาแน่นอย่างมาก ในบางทีอาจจะหนาแน่นมากกว่าปราณในโลกของเขานับร้อยเท่า เมื่อเปรียบกับโลกเดิมของเขา ณ เทือกเขาโบราณ สถานที่ที่เขาได้จบชีวิตลง โลกหนึ่งเป็นดั่งสรวงสวรรค์ ขณะที่อีกโลกหนึ่งเป็นดั่งขุมนรก ซึ่งความแตกต่างนี้สามารถที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเจียนเฉินจึงได้มีความสุขในเรื่องนี้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามเจียนเฉินไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงความแตกต่างของลมปราณโลกนี้และลมปราณของโลกที่แล้วของเขา ในขณะที่ทั้งโลกสองต่างมีความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน เจียนเฉินก็พบว่าปราณโลกนี้มีพลังงานที่พิเศษอยู่ พลังงานประเภทนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของปราณโลก ได้มีการเชื่อมระหว่างกันดูเหมือนว่าพวกมันไม่สามารถที่จะแยกออกไปได้
เมื่อเขาได้ดูดซับพลังงานพิเศษนี้เข้าไปยังร่างกายของเขา ไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับร่างกาย ด้วยเพราะเหตุนี้เจียนเฉินจึงไม่ได้พยายามย้ายพลังงานออกจากแกนโลกเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เจียนเฉินได้เกิดความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้มาก มีความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ภายในหัวของเขา แต่ว่าพลังงานพิเศษนี้ไม่สามารถที่จะไขปริศนาออกได้อย่างง่ายดายนัก
หลังจากที่ได้ดูดซับปราณโลกเข้าสู่ร่างกาย เจียนเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเส้นเลือดและเซลล์ในร่างกายของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปราณโลกที่ได้เข้าไปยังร่างกายเขาเปรียบเสมือนยาชูกำลังชั้นเลิศ ทำให้ร่างกายเขามีชีวิตชีวาขณะที่ดูดซับมัน ร่างกายเขาเป็นดั่งยักษ์ที่กำลังกระหาย พยัคฆ์ที่หิวกระหายมากขึ้นมากขึ้น เวลาเดียวกันในขณะนั้น เจียนเฉินรู้สึกพึงพอใจและเป็นอิสระ ความวิตกกังวลได้จางหายไปจากเขา
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกปี เจียนเฉินใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดแห่งนี้ได้ 2 ปีแล้ว เจียนเฉินไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เจียงหยางแม้แต่ก้าวเดียว เจียนเฉินฝึกฝนขั้นแรกของบัญญัติดาบนภาด้วยตัวคนเดียว
บางทีอาจเป็นเพราะความหนาแน่นของปราณโลกมีมากกว่าปราณโลกของโลกที่แล้วนับร้อยเท่า ทำให้ภายในหนึ่งปีเจียนเฉินได้ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการฝึกฝนร่างกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในตอนนี้หากคนทั่วไปได้กวัดแกว่งดาบไปยังเขา ร่างกายของเขาก็จะไร้รอยขีดข่วน เขาได้ฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก ร่องรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียวก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของเจียนเฉินแค่นั้น เขาไม่กล้าที่จะลองเผชิญด้วยตนเอง
ในปีที่ผ่านมา ร่างกายของเจียนเฉินมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว มันช่างน่าประหลาดอย่างยิ่ง ภายในหนึ่งปี เขามีความสูงถึง 1.2 เมตร เป็นความสูงที่ผิดปกติสำหรับเด็กสองขวบ ความสูงนี้ทำให้เขาดูเหมือนเด็กวัย 5-6 ขวบ
ด้วยเหตุนี้ ทุก ๆ คนในคฤหาสน์เจียงหยางต่างตกใจ น่าเหลือเชื่อ แม้ว่าพวกเขาหลาย ๆ คนจะคาดหวังต่อเขาไว้มากมาย การคาดหวังโดยหวังว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด แต่ทุก ๆ คนจะต้องรอเมื่อเขามีอายุ 3 ขวบเพื่อที่จะยืนยันในสิ่งที่ได้คาดหวังไว้
เมื่อมองเห็นความคาดหวังที่มีต่อเขา ช่วยไม่ได้ที่เจียนเฉินจะรู้สึกอับจนหนทาง เขาไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ร่างกายเขาได้เติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นผลของการที่ฝึกฝนบัญญัติดาบนภา ซึ่งในโลกก่อนของเขาไม่ได้ฝึกฝนบัญญัติดาบนภาด้วยวัยเพียงแค่นี้
แม้ว่าเขายังคงตามมารดาของเขา ไป๋หยุนเทียน ไปที่ห้องอาหาร แต่โดยปกติเขาจะใช้เวลาในการอยู่ในห้องเงียบ ๆ นั่งขัดสมาธิบนเตียง มือของเขาอยู่บนเข่า ปิดตาและหน้าแหงนขึ้นฟ้า
แต่ในเวลานี้ เจียนเฉินไม่ได้บ่มเพาะร่างกาย แต่ตอนนี้เขาได้ครุ่นคิด เขาได้มายังโลกแห่งนี้ได้สองปีแล้ว และในสองปีนี้เขาไม่ได้เห็นโลกภายนอกของคฤหาสน์เจียงหยาง เขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการกักตนฝึกฝนร่างกาย จนถึงตอนนี้เขายังเข้าใจในโลกนี้ได้ไม่มาก ภายนอกคฤหาสน์เจียงหยาง เขาแทบจะไม่รู้สิ่งใดในโลกนี้ แม้แต่โลกภายนอกเป็นเช่นไรก็ตาม
เขาเข้าใจว่าในสายตาของทุก ๆ คน เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุ 2 ขวบ และโดยทั่วไปเด็กน้อย 2 ขวบจะเป็นที่หวงแหนของบิดามารดาขณะที่ได้เติบโตมาอย่างไร้ความกังวลใจ อย่างไรก็ตามเจียนเฉินไม่ได้เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย
ขณะที่เขากำลังนอนคิดอยู่บนเตียง ในที่สุดเจียนเฉินได้ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เขาจะขอบิดามารดาเขา มันสำคัญต่อเขาอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงโลกภายนอกของโลกใบนี้
หลังจากที่คิดได้แล้ว เขาค่อย ๆ เปิดตาขึ้นและลุกขึ้นจากเตียง ในคืนนี้เขาไม่ได้ทำการบ่มเพาะร่างกายบนเตียงเหมือนปกติแต่เขาปิดตายืนที่กลางห้องแทน
ในใจของเจียนเฉิน เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งได้ปรากฎ ตอนนั้นภาพได้ปรากฎขึ้นในความคิดของเจียนเฉินเหมือนม้วนหนังฟิล์ม ภาพนั้นไม่เคยหยุดนิ่งแต่มันสามารถเห็นถึงชายสวมชุดสีขาว เป็นชายหนุ่มกำลังถือดาบที่สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วผ่านแดนลึกลับ เขาเดินได้รวดเร็วมาก คนทั่ว ๆ ไปยากที่จะมองเห็นเขาได้ชัดเจน เพราะชายหนุ่มผู้นี้ได้เดินออกไปอย่างรวดเร็วแม้ว่าเขาจะอยู่ในพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก ก่อให้เกิดเป็นภาพติดตาตามหลังเขา
คนผู้นั้นเป็นชีวิตที่แล้วของเจียนเฉิน และภาพช่วงที่ได้ปรากฏขึ้นแท้จริงแล้วเป็นสัญลักษณ์ของบัญญัติดาบนภา ช่างเป็นภาพที่ลึกลับนัก
ในช่วงเช้าแสงแดดสาดส่องลงมา ส่องผ่านรอยร้าวของหน้าต่างเข้ามาในห้องของเขา ทันใดนั้นเจียนเฉินได้เปิดตาขึ้นและยืนขึ้นที่ใจกลางห้อง ในชั่วยามนี้ ในที่สุดเขาได้ขยับตัว ขาของเขาสามารถที่จะขยับได้รวดเร็วมากจนพร่ามัว สำหรับขาของเขานั้นสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้ได้ชั่วครั้งชั่วคราว แม้แต่ผู้ฝึกวรยุทธ์ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถที่จะกระทำเช่นนี้ได้
เจียนเฉินได้เคลื่อนไหวขาอย่างซับซ้อน เขาได้เดินด้วยวิธีการบางอย่าง ขณะที่เขาได้เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ห้องอย่างรวดเร็ว ขาของเขาได้ตวัดเกิดลมกรดเนื่องจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ไม่นาน เจียนเฉินได้หยุดเคลื่อนไหว หน้าของเขาซีดเซียวเพียงวินาที หอบหายใจอย่างช้า ๆ ช่วยไม่ได้ที่ขาของเจียนเฉินจะสั่นระริกเมื่อหยุด
เจียนเฉินเดินไปยังหน้าต่างช้า ๆ และนั่งลงข้าง ๆ พิงไปด้านหลัง เขาได้นวดขาอย่างต่อเนื่องด้วยแขนทั้งสองข้างของเขา การที่ได้ใช้การเคลื่อนเท้าที่ลึกลับเพียงชั่วครู่ส่งผลให้ขาของเขาอ่อนแรงอย่างมาก ขาของเขานั้นไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแม้แต่น้อย
เจียนเฉินส่ายหัวอย่างอับจนหนทาง ไม่ว่าวิทยายุทธ์ใดที่เขาได้ฝึก สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือเสริมสร้างร่างกายให้สำเร็จเสียก่อน ไม่เพียงแค่นั้น วิทยายุทธ์ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเท่าไร คุณสมบัติที่ต้องการก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อได้ฝึกฝนการเคลื่อนไหวเท้า หากว่าเขาไม่ได้มีกำลังกายและปราณที่แข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้ยาวนาน แน่นอนว่าสำหรับผู้ฝึกฝนทั่ว ๆ ไปจะไม่สามารถที่จะทำได้นานเท่ากับที่เขาได้ทำไป และหากว่าพวกเขาได้ทุ่มพลังกายเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้และจะได้รับบาดเจ็บ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับความสามารถที่ลึกซึ้งเช่นนี้
เขาได้นั่งลงบนเตียงหลังจากที่ได้นวดขาเสร็จ เขารอขาฟื้นสภาพสู่สภาพปกติก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิบนเตียงอีกครั้ง เขาได้เริ่มดูดซับปราณโลกอีกคราเข้าสู่ร่างกายของเขา
ค่ำคืนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีสันของวันใหม่ ในขณะนั้น ได้ยินเสียงจากด้านนอกห้องของเจียนเฉิน
“นายน้อยสี่ มันเป็นเวลากลางวัน ถึงเวลาตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ!” ชัดเจนว่าเป็นเสียงของสตรี
เมื่อได้ยินเสียง เจียนเฉินได้ลืมตาขึ้นช้า ๆ และตะโกนออกมาเหมือนเด็กน้อย “ข้ารู้ พี่หงฮัว ข้าตื่นแล้ว!” ขณะที่พูดเขาได้ปีนลงจากเตียง
ในเวลาเดียวกัน ประตูเปิดขึ้นและเด็กสาว 2 คนอายุราวสัก 18 ปีได้เข้ามาข้างใน พวกนางทั้งสองถือถาดขนาดเล็กเข้ามาพร้อมอ่าง และข้าง ๆ อ่างมีผ้าเช็ดตัวที่สะอาดสะอ้านสำหรับให้เขาได้ล้างหน้า และอีกถาดหนึ่งมีไว้สำหรับให้เจียนเฉินแปรงฟันสำหรับวันใหม่