อ่าน มหายุทธ์ สะท้านภพ บท 1

บทที่ 1

เขตปกครองหยุนหลง ประเทศเทียนหยุน
สำนักยุทธ์เมืองชิงหยุน
ในมุมหนึ่งของสำนักยุทธ์ ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง กำลังยืนถอนหายใจด้วยท่าทีหดหู่
“จนกระทั่งถึงตอนนี้ ข้าผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ผลการฝึกตนของข้ายังอยู่เพียงแค่การกลั่นร่างขั้นที่2เท่านั้น”
“หากไม่สามารถผ่านการฝึกตนขั้นนี้ไปได้ สิ้นปีการศึกษาจะต้องถูกขับไล่ออกจากสำนักยุทธ์อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น ก็จะต้องกลายไปเป็นขอทานชั้นต่ำที่สุดในสังคม”
“ไม่ ข้าจะปล่อยให้ตนเองถูกสำนักยุทธ์ขับไล่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของข้าจะต้องจบเห่แน่ !”
หลัวซิวกำหมัดแน่นจนมือซีดเผือด เสียงตะโกนดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในใจของเขา
แต่ดูเหมือนรูปร่างของเขาจะไม่เหมาะสมกับการฝึกยุทธ์ เพ็ญตนมาเป็นเวลาสามปี แต่กลับเป็นพวกหางแถวที่อยู่ในระดับต่ำสุดของสำนักยุทธ์
“เฮ้อ !”
ความจริงอันหนักหน่วง กดดันหลัวซิวจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก
ในตอนนั้นเอง กลัวได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังมาจากด้านหน้า
“พวก……พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ?”
หลัวซิวเพ่งตามองก็พบว่าในมุมมุมหนึ่ง มีหญิงสาวหน้าตาสวยสดงดงาม แต่กายด้วยชุดกระโปรงสีขาว กำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้
“ฮ่าฮ่า หลิวหยู่ซิน ข้าชอบเจ้ามานานแล้ว ให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะนะ !”
ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยเสื้อแพรยิ้มอย่างชั่วร้าย ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังร่างกายที่เพิ่งเติบโตเต็มวัยและเริ่มมีทรวดทรงของหลิวหยู่ซิน แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความลุ่มหลง
ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิวหยู่ซิน : “จางเจี๋ย ข้าไม่ได้ชอบเจ้า เจ้าหลีกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ !”
“แหม ๆ จะรีบไปไหนล่ะ !” ลูกสมุนอีกสองสามคนเข้ามาขวางทางหลิวหยู่ซินเอาไว้
จางเจี๋ยเดินกร่างเข้าไปข้างหน้า และยื่นมือเข้าไปดึงหลิวหยู่ซิน : “หลิวหยู่ซิน ตอนนี้ข้าผ่านการกลั่นร่างขั้น4สำเร็จแล้ว เจ้าจะปฏิบัติต่อผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการกลั่นร่างขั้น4อย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้หรือ ?”
“เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ !” หลิวหยู่ซินรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางกำหมัดแน่น : “ถ้าหากเจ้ากล้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ตระกูลหลิวของข้า จะไม่มีวันยอมปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน !”
“ตระกูลหลิว ?”
จางเจี๋ยหัวเราะเยาะออกมา : “คนอื่นอาจกลัวตระกูลหลิวของเจ้า แต่ตระกูลจางของข้าไม่กลัว วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่ลับตาคน แล้วจัดการรวบหัวรวบหางเจ้าซะ ทำเช่นนี้ ตระกูลหลิวของเจ้าไม่มีทางกล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น เจ้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมแต่งงานกับข้า !”
“เจ้า……เจ้ามันเจ้าเล่ห์นัก !”
หลิวหยู่ซินรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ใบหน้าอันงดงามของนางแดงก่ำ นางกัดฟันแน่น
“ฮ่า ๆ ! ช่างมีนิสัยเย่อหยิ่งเสียจริง ๆ แต่ว่า ข้าชอบที่เจ้าเป็นแบบนี้……”
จางเจี๋ยหัวเราะออกมาอย่างเย่อหยิ่งแล้วจึงโบกมือใหญ่ของเขา จากนั้นบรรดาลูกสมุนของจางเจี๋ยที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เดินห้อมล้อมเข้ามาด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม
“หยุดนะ !”
ในตอนนี้เอง มีเสียงของชายหนุ่มตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
หลัวซิวลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงรวบรวมความกล้าแล้วก้าวเท้าออกมา
เขาอยู่ที่สำนักยุทธ์แห่งนี้มาเป็นเวลาสามปี และแอบรักหลิวหยู่ซินมาเป็นเวลาสามปี แต่เขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างตัวเขากับหลิวหยู่ซินดี ดังนั้นจึงไม่กล้าสารภาพความในใจออกมา
“อะไรนะ ?”
จางเจี๋ยผงะไป และค่อย ๆ ขมวดคิ้ว เมื่อถูกคนขัดขวางในขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มทำให้เขารู้สึกโมโห หลังจากที่เขาหันหน้ากลับไปมองคนที่เดินเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ : “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็นึกว่าใครที่ไหน ? ที่แท้ก็เจ้าสวะนี่เอง เป็นแค่เศษสวะที่ผ่านการกลั่นร่างขั้น2 ยังกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นอีกหรือ ? หลี่ห่าย ทำให้มันรู้หน่อยซิว่าการเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะมีจุดจบเช่นไร”
“ครับ !”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังจางเจี๋ยพยักหน้าและขานรับ
“เจ้าสวะ เจ้ากล้ายุ่งเรื่องของคนอื่น ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงจุดจบของคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน !”
หลี่ห่ายยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาพุ่งหมัดที่แรงและทรงพลัง ทะลุผ่านอากาศไปทันที และแทะเข้าที่หน้าอกของหลัวซิว
มีคนสังเกตเห็นเข้าจึงออกมาช่วยเหลือ ทำให้หลิวหยู่ซินรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางเห็นว่าอีกฝ่ายคือหลัวซิว สีหน้าของนางก็ดูหดหู่ลงทันที
ผู้อ่อนแอคนหนึ่ง จะช่วยเหลืออะไรได้ ?
เป็นไปตามคาด หลัวซิวซึ่งมีความแข็งแกร่งเพียงแค่ระดับการกลั่นร่างขั้น2 ยังไม่ทันจะตั้งรับ ก็ทำได้เพียงแค่มองดูหมัดของอีกฝ่ายที่พุ่งตรงเข้ามาที่หน้าอกของตัวเองตาปริบ ๆ
“ตุบ !”
เสียงของกำปั้นที่ปะทะลงบนเนื้อดังขึ้นทันที ร่างกายที่ผอมบางลอยกระเด็นไป แล้วตกลงบนพื้นอย่างแรง และกระอักเลือดออกมาทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า ! การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ไม่อาจต้านทานได้ ก็แค่เศษสวะที่ผ่านการกลั่นร่างขั้น2 ริอาจจะทำตัวเป็นผู้กล้าช่วยสาวงาม ? กล้าเข้ามาขวางงานใหญ่ของคุณชายจางอย่างนั้นหรือ ?”
หลี่ห่ายหัวเราะเยาะพร้อมด้วยกำปั้นที่เปื้อนเลือด เขามองดูหลัวซิวที่นอนกระอักเลือดอยู่บนพื้นอย่างเหยียดหยาม
“ทำได้ไม่เลว”
จางเจี๋ยค่อย ๆ เดินเข้ามา จนมาหยุดอยู่ข้าง ๆ หลัวซิว : “เศษสวะอย่างเจ้า พอจบปีการศึกษาก็ต้องถูกไล่ออกจากสำนักยุทธ์แล้ว ชาตินี้ก็คงเป็นได้แค่ขอทานชั้นต่ำ ครั้งนี้ไม่ถึงตายก็นับว่าเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว ดูซิว่าเจ้ายังจะกล้าทำลายงานใหญ่ของข้าอีกหรือไม่ ?”
“ปล่อยหลิวหยู่ซินซะ !”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำดูถูกของจางเจี๋ย หลัวซิวกลับไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขากลับเงยหน้าขึ้นทันที พร้อมกับจ้องจางเจี๋ยตาเขม็งด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น และหมัดที่กำอยู่แน่น
“บ้าเอ๊ย ! นี่เจ้ายังกล้าต่อปากต่อคำอีกหรือ ? วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องจดจำจนขึ้นใจให้ได้ !”
จางเจี๋ยโมโหเป็นอย่างมาก เขาปล่อยพลังผลการฝึกตนขั้น4ออกมาทันที และเหยียบลงไปบนหน้าอกของหลัวซิวอย่างแรง
“ตุบ !”
ด้วยพลังที่แข็งแกร่งกว่าหลี่ห่ายหลายเท่า ทำให้หน้าอกของหลัวซิวแยกออก และมีกระดูกหน้าอกของหลัวซิวแตกหักไปหลายซี่ ความเจ็บปวดไหลผ่านเข้าสู่สมองของหลัวซิวอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
แต่หลัวซิวยังคงกำหมัดแน่น พร้อมกับกัดฟันกรอด : “ปล่อยหลิวหยู่ซินซะ !”
“บ้าเอ๊ย ไก่อ่อนอย่างเจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีกหรือ ข้าขอดูหน่อยซิว่าเจ้าจะทนได้อีกสักกี่น้ำ !”
เมื่อพูดจบ จางเจี๋ยก็เตรียมยกเท้าเพื่อที่จะเตะอีกครั้ง
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่ ? !”
ตอนนี้เอง มีเสียงดังตะโกนขึ้นมาจากที่ไกล ๆ เป็นเสียงของชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีดำ ใบหน้าเคร่งขรึม กำลังเดินตรงเข้ามา : “ต่อสู้กันด้วยเรื่องส่วนตัวอย่างนั้นหรือ ? คิดว่าผลการฝึกฝนของตนเองเพียงพอแล้วหรืออย่างไร ? ยังไม่รีบไสหัวกลับไปฝึกตนกันอีก ?”
“ครับ ผู้อาวุโสหวาง”
ถึงแม้จางเจี๋ยจะมีนิสัยเย่อหยิ่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของสำนักยุทธ์ เขาเองก็ไม่กล้าล่วงเกิน”
“นีบว่าเป็นโชคดีของพวกเจ้า !” จางเจี๋ยเหลือบมองหลัวซิวและหลิวหยู่ซินด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อแล้วพาลูกสมุนของตนเองเดินจากไป
“ขอบใจนะ” หลิบหยู่ซินเหลือบมองหลัวซิวเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป
ท่าทางเย็นชาของหลิวหยู่ซินทำให้หลัวซิวรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหลิวหยู่ซินไม่เคยเป็นเขาอยู่ในสายตา
ต่อให้เขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของจางเจี๋ย หลิวหยู่ซินก็ไม่มีทางเก็บเอาไปใส่ใจ
เขาข่มความกลัวที่มีอยู่เพื่อออกรับแทนหลิวหยู่ซิน แต่กลับต้องมีจุดจบเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกโกรธเคืองและอัดอั้นตันใจขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง !
ขณะที่หลัวซิวกำลังคิดจะตะโกนด่าทอ !
ทันใดนั้น !
“โอ๊ย ! ! !”
จู่ ๆ หลัวซิวก็อ้าปากร้องเสียงดังลั่นออกมา เส้นเลือดของเขาปูดโปนขึ้นทั่วตัว ผิวหนังที่เดิมทีเป็นสีขาวซีดเผือด จู่ ๆ กลับกลายเป็นสีแดงสดขึ้นมา
ลูกแก้วเม็ดหนึ่งที่หลัวซิวสวมใส่อยู่เหนือหน้าอก ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อของเขา ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า !
ความเจ็บปวดบนร่างกาย หลัวซิวยังพอทานทนได้ แต่ดูเหมือนลูกแก้วเม็ดนี้จะกำลังแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา แล้วเข้าไปทะลวงจิตวิญญาณของเขาให้แยกออกจากกันอย่างรุนแรง !
“โอ๊ย ! ! ! ! !”
หลังจากเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของหลัวซิวก็ค่อย ๆ มืดดับลง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
“โอ๊ย……”
หลัวซิวที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ส่งผ่านขึ้นมาจากร่างกาย
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าหลัวซิวจะนึกถึงเรื่องที่น่ากลัวบางเรื่องขึ้นมาได้ เขารีบยื่นมือขึ้นไปแตะหน้าอกของตนเอง แล้วดึงคอเสื้อออก และร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ลูกแก้วหายไปแล้ว ?”
ลูกแก้วเม็ดนั้นเป็นลูกแก้วที่พ่อของเขาเก็บมาได้ตอนออกหาสมุนไพรบนเขาในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เป็นลูกแก้วสีขาวดำ เป็นประกายแวววาว สวยงามเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงแขวนติดตัวไว้บนอกมาตลอด
“มันแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของข้าแล้วจริง ๆ หรือ ?”
ในขณะที่หลัวซิวกำลังใช้ความคิด ทันใดนั้น !
“เปรี้ยง !”
จู่ ๆ จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นก็ปรากฏความมืดขึ้นต่อหน้าเขา หลัวซิวรู้สึกราวกับตนเองกำลังปรากฏตัวขึ้นในโลกที่มืดมิดและว่างเปล่า !
“ที่นี่คือที่ไหน ?”
จู่ ๆ ก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นท่ามกลางความมืด ซึ่งก็คือแสงจากลูกแก้วที่กำลังทอประกายแสงสีขาวและดำออกมา
ทันใดนั้น ลูกแก้วก็ลองเข้ามาหาเขา แล้วแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา และหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน !”