บทที่ 2

ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของหลัวซิว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าสมองของเขาขยายใหญ่ขึ้นและรู้สึกเวียนหัว
มีความทรงจำที่พิเศษมากมายปรากฏขึ้นในหัวของเขา
“ลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย……ผังลายเส้นชีวิต……สิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่ ?”
“หรือว่าความทรงจำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกแก้วมอบให้กับข้า ?”
“ลูกแก้วเม็ดนี้คืออะไรกันแน่ ?”
หลัวซิวค่อย ๆ ขมวดคิ้ว เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงแล้วครุ่นคิด
จู่ ๆ ก็ปรากฏตนเองอีกคนขึ้นในความคิดนั้น !
แต่ทว่าตนเองที่อยู่ในความคิดคนนี้ บนร่างกายกลับปรากฏลายเส้นชีวิตที่เชื่อมต่อกันอยู่ และส่องประกายแสงสีขาวจาง ๆ ออกมาซึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย ปรากฏเป็นผังลายเส้นชีวิตขึ้นมา
มีเพียงบางจุดที่สีของลายเส้นค่อนข้างหมองคล้ำ ซึ่งเมื่อคิดดูอย่างละเอียดก็พบว่า เป็นจุดทีถูกจางเจี๋ยทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
“ขอเพียงแค่ใช้ปราณในซ่อมแซมส่วนที่หมองคล้ำบนผังลายเส้นชีวิต ก็จะสามารถรักษาบาดแผลให้หายดีได้อย่างนั้นหรือ ?”
จู่ ๆ หลัวซิวก็รับรู้ถึงข้อความบางอย่างที่ปรากฏขึ้นมาในสมอง ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา
“ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ ก็ต้องลองดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลัวซิวจึงนั่งคุกเข่าลงบนเตียง แล้วเริ่มเดินพลังวรยุทธ์ ปราณในเริ่มมีการเคลื่อนไหวอยู่ภายในเส้นลมปราณ
หลังจากปราณในมีการเคลื่อนไหว บริเวณที่เป็นรอยหมองคล้ำบนผังลายเส้นชีวิตของหลัวซิวก็ค่อย ๆ ชัดเจนและกระจ่างใสขึ้นมา
“นี่คือความลับที่ซ่อนอยู่ในลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายอย่างนั้นหรือ ? สามารถซ่อมแซมลายเส้นชีวิตได้ แม้กระทั่งอาการบาดเจ็บบนร่างกายก็สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ ? นี่มันช่างมหัศจรรย์เกินไปแล้ว……”
หลัวซิวเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาทั้งหมดกลับหายเป็นปลิดทิ้งแล้วจริง ๆ
“ถึงแม้จะใช้ปราณในไปจนหมดสิ้น แต่ผลการฝึกตนของข้าอยู่เพียงการกลั่นร่างขั้น2 จึงมีการสะสมปราณในอยู่ภายในร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว”
หลัวซิวรู้สึกดีใจราวกับคนเสียสติ เขานั่งไขว่ห้างอีกครั้ง และรวบรวมปราณในของเขา !
“พรึ่บ !”
จู่ ๆ ผังลายเส้นชีวิตในสมองก็พังทลายลง
“เป็นไปได้ไหมว่าวรยุทธ์ของข้านั้นอยู่ในขั้นที่ต่ำเกินไป เป็นผลให้ผังลายเส้นชีวิตพังทลายลง ?”
หลัวซิวแอบพึมพำกับตนเอง เขาขมวดคิ้วและลูบคาง พลางพูดกับตนเองว่า : “วรยุทธ์ที่ข้าฝึกฝนเป็นเพียงแค่วรยุทธ์ขั้นหนึ่ง จึงมีจุดเริ่มต้นที่ต่ำอย่างยิ่ง แต่หากอาศัยการนำทางของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ดูเหมือนจะสามารถปรับปรุงวรยุทธ์นี้ให้ดีขึ้นได้ ! ต้องลองดูเสียหน่อยแล้ว !”
หลังจากพูดจบ หลัวซิวก็นั่งลงอีกครั้ง และเริ่มรวบรวมลมปราณ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
“การเลื่อนขั้นวรยุทธ์สำเร็จแล้ว !”
หลัวซิวทั้งแปลกใจทั้งยินดี
ปราณในเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย แฝงไปด้วยพลังที่น่าเกรงขาม และในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยรัศมีของความเป็นความตายและการทำลายล้าง
“ปราณเป็นตาย2ระดับ ?”
นี่เป็นผลจากการหลอมรวมเข้าด้วยกันระหว่างร่างกายของตนเองและลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย หลัวซิวรู้ดีว่า หลังจากนี้ชีวิตของตนเองจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป !
เช้าวันรุ่งขึ้น หลัวซิวที่ผ่านการฝึกฝนมาตลอดทั้งคืนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
ไม่แน่ว่าการฝึกฝนตลอดสามปีที่ผ่านมาอาจช้าเกินไป จนกระทั่งร่างกายของเขารู้สึกเหือดกระหาย และแทบจะดูดกลืนพลังงานทั้งหมดของปฐพีเข้าไป ผลการฝึกตนในชั่วข้ามคืนปรากฏให้เห็นเด่นชัด ไม่ช้าเขาก็ก้าวเข้าสู่การกลั่นร่างขั้น3
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ร่างกายของเขาหลอมรวมเข้ากับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายโดยบังเอิญ หลัวซิวก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเอง ได้รับผลกระทบจากปราณเป็นตาย2ระดับ ในระหว่างกระบวนการฝึกตน จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างสมบูรณ์
หลังจากเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง หลัวซิวก็เดินตรงไปยังลานฝึกยุทธ์ของสำนักยุทธ์
ลูกศิษย์ของสำนักยุทธ์จำนวนมากตื่นแต่เช้าเพื่อเข้ามาฝึกฝนวิชาในลานฝึกยุทธ์ เมื่อเห็นหลัวซิวปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่แสดงทีท่าแปลกใจออกมา
“เมื่อวานเขาถูกลูกสมุนของจางเจี๋ยทำร้ายจนสลบไปไม่ใช่หรือ ?”
“ฮ่าฮ่า ได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี่หลงรักหลิวหยู่ซิน พอเห็นจางเจี๋ยกำลังลวนลามนาง จึงรีบพุ่งตรงเข้าไปช่วย ทำตัวเป็นผู้กล้าช่วยสาวงาม”
“เขาเองหรือ ? ก็แค่เจ้าสวะยากไร้คนหนึ่งเท่านั้น ไม่รู้จักส่งกระจกชะโงกดูเงาตัวเองเสียเลย เป็นหมาวัดเสียเปล่า แต่ริอาจจะเด็ดดอกฟ้า !”
“หลิวหยู่ซินเป็นถึงคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลหลิว แล้วนางจะตกหลุมรักคนชั้นต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง ๆ”
ตลอดทางที่เดินมา หลัวซิวได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามมากมาย หากจะบอกว่าไม่รู้สึกโกรธเคืองก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องเลวร้ายเมื่อคืนมา ทำให้เขารู้ดีว่า หากไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ ก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น
“ในเมื่อวรยุทธ์ยังสามารถยกระดับได้ ทักษะยุทธ์เอง ก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวปราณในลักษณะหนึ่ง จึงไม่แน่ใจว่าจะสามารถยกระดับได้หรือไม่”
ในมุมที่ลับตาคนมุมหนึ่งของลานฝึกยุทธ์ หลัวซิวสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง และทำจิตใจของตนเองให้สงบ
“ตุบ !”
ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวในทันที เข้าใช้ท่าออกหมัดหนึ่งกระบวนท่า ทุกท่วงท่าเป็นไปอย่างอ่อนช้อย หมัดทั้งสองข้างของเขากวัดแกว่งจนเกิดแรงลม
ทักษะยุทธ์วิชาหมัดกระบวนท่านี้มีชื่อว่าหมัดกระทิงบิ่น เป็นทักษะยุทธ์ระดับหนึ่ง และเป็นทักษะยุทธ์ทักษะเดียวที่เขาฝึกตน
เพราะสำนักยุทธ์แห่งเมืองชิงไม่ได้เผยแพร่วิชายุทธ์ให้ใครโดยเปล่าประโยชน์ หากต้องการได้รับการถ่ายทอดวิชายุทธ์ ก็มีเพียงแค่สองวิธีเท่านั้น วิธีที่หนึ่งคือแลกเปลี่ยนด้วยเงิน ยิ่งวิชายุทธ์ระดับสูงขึ้น ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้น ระดับวิชายุทธ์ที่อยู่ในระดับต่ำสุด ยังต้องใช้เงินถึงหนึ่งร้อยตำลึง
ยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือ ผลการฝึกยุทธ์ของตนเองไปได้ถึงระดับที่บรรลุถึง ก็จะสามารถเข้าไปในหอเก็บหนังสือของสำนักยุทธ์ เพื่อเลือกวิชายุทธ์ในระดับที่สูงขึ้นได้
การฝึกตนของหลัวซิวในทักษะยุทธ์ระดับวรยุทธ์ขั้น1 ถูกแลกเปลี่ยนมาด้วยเงิน สำหรับครอบครัวของสามัญชนธรรมดา ๆ การซื้อทักษะยุทธ์ ถือเป็นการใช้จ่ายเงินออมแทบจะทั้งหมดที่มีอยู่ของครอบครัว
บนโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฝึกยุทธ์ได้ ผู้คนมากว่าครึ่งที่ไร้ซึ่งพรสวรรค์ในการยุทธ์ สำหรับสามัญชนแล้ว การฝึกยุทธ์ถือเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้มีอนาคต ดังนั้นตั้งแต่วันที่เขาก้าวเข้ามาในสำนักยุทธ์ด้วยวัยเพียงแค่สิบกว่าปี หลัวซิวก็กลายเป็นความหวังของคนทั้งบ้าน
ขณะที่กำลังฝึกฝนหมัดกระทิงบิ่น ผังลายเส้นชีวิตปรากฏขึ้นในสมองของหลัวซิวอย่างชัดเจน เส้นของการเคลื่อนไหวปราณในของวิชาหมัดทั้งกระบวนท่า ปรากฏขึ้นอย่างสวยงาม
“ทักษะยุทธ์สามารถยกระดับได้จากการพัฒนาของผังลายเส้นชีวิตได้จริง ๆ !”
หลังจากผ่านการทดลอง หลัวซิวก็รู้สึกประหลาดใจว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องที่ถูก ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ย่า !”
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า จากนั้นจึงปล่อยหมัดที่ทรงพลังราวกับเท้าของวัวกระทิงออกไปในอากาศ พุ่งตรงไปยังหุ่นไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าเขาในทันที
“ตุบ !”
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นหลังจากนั้น หน้าอกของหุ่นไม้ถูกเขาชกจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และลอยกระจัดกระจายออกไป
หุ่นไม้ของลานฝึกยุทธ์ในสำนักยุทธ์ทำจากไม้ประดู่ดำ หากไม่ใช่คนที่มีความสามารถอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น3หรือสูงกว่า ไม่มีทางที่จะสร้างความเสียหายให้กับหุ่นไม้ตัวนี้ได้เลย
แต่ผลการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ กลับอยู่เพียงแค่การกลั่นร่างขั้น2เท่านั้น
“ถึงแม้การกลั่นร่างขั้น3จะสามารถทำลายหุ่นไม้ได้ แต่ก็ไม่มีทางปรากฏผลลัพธ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ อย่างน้อยต้องเป็นการกลั่นร่างขั้น4จึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้”
หลังจากมองดูผลงานของตนเองด้วยความชื่นชม แววตาของหลัวซิวก็เป็นประกาย นี่ไม่เท่ากับว่าเขาสามารถท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้น4ได้อย่างนั้นหรือ ?”
“หลังจากยกระดับวรยุทธ์และทักษะยุทธ์เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนความสามารถของข้าจะเพิ่มขึ้นมากจริง ๆ !” หลัวซิวรู้สึกมั่นใจกับการฝึกตนในอนาคตอย่างยิ่ง
“หลีกไปให้พ้น พวกเจ้าแต่ละคนตาบอดกันหรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าคุณชายจางมาแล้ว ?”
มีเสียงที่เย่อหยิ่งและดุดันดังขึ้นในลานฝึกยุทธ์ หลัวซิวเหลือบตามอง ก็มองเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์เดินเข้ามาด้วยท่าทีโอ้อวด ตลอดทางคนที่อยู่รอบข้างต่างรู้สึกเกรงกลัวและไม่ส่งเสียง
ท่ามกลางเหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ มีชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดแพรถูกยืนห้อมล้อมอยู่ตรงกลาง เมื่อเห็นชายคนนี้ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
“เอ๊ะ นี่มันเจ้าสวะแซ่หลัวคนนั้นไม่ใช่หรือ ยังจะกล้ามาปรากฏตัวที่นี่อีกหรือ ? เมื่อวานยังโดนดีไม่พออีกหรืออย่างไร ?”