ตอนที่ 6 ฝานซิง มันไม่ควรจะกลายเป็นแบบนี้เลย!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ชายหนุ่มเหม่อมองเจ้าของร่างที่ทั้งผอมบางและดื้อรั้นเดินหายไปจนลับตา 

 

 

ป๋อจิ่งชวนยืนนิ่ง 

 

 

ผลสุดท้ายคือเขาถูกคุณย่าฟาดป้าบเข้าให้ที่ก้น! 

 

 

ร่างสูงแข็งทื่อไปทั้งตัว เมฆมืดครึ้มพลันก่อตัวขึ้นในดวงตานิ่งสงบและเฉยเมยของเขา 

 

 

ป๋อจิ่งชวนไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าคนที่ไม่เคยถูกใครใช้กำลังด้วยมาตลอดยี่สิบแปดปีอย่างเขา ต้องมาโดนฟาดก้นเพราะเรื่องแบบนี้! 

 

 

ไหลหรงที่อยู่ข้างหลังหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ 

 

 

“เร็วเข้าสิ! แกจะให้ฉันคลั่งตายให้ได้เลยใช่ไหม” 

 

 

คุณย่าไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเร่งเขาอีก 

 

 

นิ้วยาวยกขึ้นกดลงตรงหว่างคิ้วที่มีอาการปวดตึ๊บอย่างพูดไม่ออก 

 

 

“ครับ คุณย่า!” 

 

 

– 

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วยเพียงลำพัง ซูเหิงได้มารอเธออยู่ก่อนแล้ว 

 

 

เขายืนอยู่ริมหน้าต่าง หันหลังให้กับประตู ชุดสูทสีเทาดูมีราคา ตอนนี้เสื้อสูทตัวนอกได้หายไปแล้ว เหลือแค่เสื้อเชิ้ตตัวสีขาวเท่านั้น 

 

 

ท่าทีผ่อนคลายแบบนั้นทำให้เฉินฝานซิงหวนนึกถึงช่วงเวลาในมหาวิทยาลัย ผู้ชายที่สวมเชิ้ตสีขาวและแสนสุภาพอ่อนโยนคนนั้น 

 

 

แต่น่าเสียดาย เมื่อคืนวันได้ผันเปลี่ยน เด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว 

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้เข้าไปหาเขา ได้แต่เดินเข้าห้องพักมาเงียบๆ โดยที่เธอเองก็แอบนึกหวั่นอยู่ในใจ 

 

 

เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินเข้าห้องมา ซูเหิงจึงหมุนตัวกลับไป 

 

 

“เธอไปไหนมา?” 

 

 

เฉินฝานซิงไม่ตอบ เธอตรงไปนั่งบนเตียงคนไข้ 

 

 

ซูเหิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เมื่อกี้ที่เผลอผลักเธอไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบน่ะ ขอโทษนะ” 

 

 

น้ำเสียงของเขาช่างอบอุ่นราวกับว่าผู้ชายที่เพิ่งถลึงตาใส่เธออย่างเดือดดาลเป็นเพียงแค่เรื่องที่เธอฝันไปเท่านั้น 

 

 

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม่ใช่ความผิดของฉัน” 

 

 

ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง 

 

 

ซูเหิงก้มลงต่ำ สายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดและความพยายามก่อนหน้า บัดนี้ได้เต็มด้วยการถากถาง 

 

 

“นายรู้ไหมว่าเชียนโหรวพูดว่าไงบ้าง” 

 

 

ดวงตาแข็งกร้าวมองลงมาจากเหนือศีรษะ เมื่อเฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เธอได้รับคือแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของซูเหิง 

 

 

“เธอบอกว่า เธอจับแก้วไว้ไม่แน่นเองทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ เชียนโหรวแก้ต่างให้เธอทุกอย่าง แล้วเธอล่ะ? เอาแต่โยนความผิดให้คนอื่น ฝานซิงมันไม่ควรจะกลายเป็นแบบนี้เลย ” 

 

 

ฝานซิงมองเขานาน จากแววตาตกตะลึง แปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง และกลายเป็นว่างเปล่าในที่สุด 

 

 

เธอเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง แล้วกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก 

 

 

ยิ้มจางๆ ดุจสายหมอกที่อัดแน่นด้วยความเย้ยหยัน 

 

 

“ซูเหิง เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว” 

 

 

ซูเหิงชะงักไป แต่ก็ยอมตอบออกมา “แปดปี” 

 

 

“เหอะ…”ฝานซิงแค่นหัวเราะออกมา 

 

 

แปดปีแล้ว! 

 

 

แปดปี เธอไม่เคยคิดมาก่อน! 

 

 

ว่าความเชื่อใจที่ซูเหิงมีต่อเธอจะเปราะบางขนาดที่สะกิดเบาๆ ก็พังทลายได้ง่ายๆ  

 

 

ผู้ชายแบบนี้ หาที่ไหนก็เจอ! 

 

 

เฉินฝานซิงหยัดกายขึ้นมองตรงไปยังเขาอย่างเย็นชา 

 

 

“ซูเหิง เราถอนหมั้นกัน” 

 

 

เสียงเย็นกระแทกด้วยความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวไม่ว่าใครก็ไม่อาจคัดค้านได้ 

 

 

ซูเหิงมองด้วยแววตาตื่นตะลึง 

 

 

“ทำไม่ทำหน้าอย่างนั้นล่ะ? ตั้งแต่วันที่นายช่วยเชียนโหรว หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ นั่นหมายความนายได้เลือกดีแล้วไม่ใช่เหรอ” 

 

 

ซูเหอนิ่งอึ้ง มองเข้าไปนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนของเฉินฝานซิง ก่อนมันถูกจะสลัดออกในชั่วอึดใจ 

 

 

“ฝานซิง ขอโทษจริงๆ ไม่แน่บางทีการที่เราแยกทางกันอาจเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้วก็ได้ ขืนยังไปกันต่อ ฉันกลัวว่าสักวันฉันจะอยากปกป้องเชียนโหรวจนเผลอพลั้งมือทำร้ายเธอให้เจ็บหนักกว่าเดิม ” 

 

 

คนฟังถึงกับกำมือเข้าหากัน แล้วเชิดหน้าขึ้นมองอย่างเยือกเย็น 

 

 

“ปกป้องเชียนโหรว? ซูเหิง หมายความว่าที่ผ่านมานายไม่เคยเชื่อฉันแม้แต่ครั้งเดียวเลยงั้นเหรอ!” 

 

 

แววตาของเขาสั่นคลอน “เชียนโหรวบอบบางและไร้เดียงสาเกินไป ฝานซิงเธอ…ทั้งเย็นชาและเข้มแข็งเกินไป”