ตอนที่ 10 ความโหดเหี้ยมของพญายม
หากบนตัวเขายังมีกลิ่นจางๆ ของอำพันปลาวาฬที่หอมละมุน
เล่อเหยาเหยาสูดดมเบาๆ ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอำพันปลาวาฬที่อบอวลติดจมูก จนใจพลันสั่นไหว
ก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังถูกชายหนุ่มโอบกอดอยู่
เธอเกิดมาจนอายุสิบแปดปี ยังไม่เคยถูกชายหนุ่มคนใดโอบกอดเลย! วันนี้กลับถูกชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้โอบกอด เธอจึงไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายในใจนี้เช่นไรดี
แต่เมื่อครู่ชายหนุ่มหนุ่มยังมีทีท่าจะหักกระดูกลอกหนังเข้าท้องเธออยู่เลย? ทำไมตอนนี้กลับช่วยชีวิตเธอล่ะ!?
ช่างเป็นชายหนุ่มที่ยากจะคาดเดาจริงๆ…
ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังคิดในใจอยู่นั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง
“เหล่งจวิ้นอวี๋ วันนี้ข้าจะต้องแก้แค้นให้กับพี่น้องโจรภูเขาร้อยแปดสิบชีวิต! ข้าจะสังหารเจ้าซะ!”
หัวหน้าชายชุดดำร้องคำรามออกมา สายตาดุร้าย คันธนูและลูกธนูในมือถูกแทนที่ด้วยดาบเล่มยาว ซึ่งดาบยาวเล่มนั้นกำลังชี้ตรงมาที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋
ท่าทางนั้นเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังโมโหอย่างมาก จนทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกขลาดกลัว!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยินเช่นนั้น พลันแค่นเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วมองชายชุดดำด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
“ฮึ! อยากแก้แค้น!? คนเช่นเจ้า!?”
น้ำเสียงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นุ่มนวลน่าฟังอย่างมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ จนทำให้ผู้ที่ได้ยินเคลิบเคลิ้มดุจเสียงจากสวรรค์
แต่สีหน้าที่ดูถูกและหยิ่งยโสของเขา ในสายตาผู้อื่นกลับดูเย่อหยิ่งกำเริบเสิบสานจนสมควรตาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไฟแค้นของเหล่าชายชุดดำนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
เดิมทีพวกเขาคือโจรป่าแห่งเขาเหลียงซาน เมื่อก่อนก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง ออกปล้นสะดมชาวบ้าน กระทำผิดร้ายแรงเกินให้อภัย ทำให้ผู้คนที่อาศัยใกล้บริเวณเขาเหลียงซานและผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาล้วนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
เนื่องจากโจรภูเขากลุ่มนี้ล้วนมีวรยุทธสูงส่ง รูปร่างกำยำ ถึงแม้เจ้าเมืองอยากจะส่งคนมาทำลายเขาโจรแห่งนี้ให้ราบคาบ แต่กลับไร้ความสามารถหมดหนทางที่จะเอาชนะโจรพวกนี้ได้!
ต่อมาเรื่องนี้แพร่ไปถึงราชสำนักและหูของฮ่องเต้ จึงมีพระราชโองการให้รุ่ยอ๋องเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไปที่นั่น
อย่างไรก็ตามทั่วแคว้นต้าเซี่ยทุกคนต่างรู้กันดีว่ารุ่ยอ๋องเหลิ่งจวิ้นอวี๋บารมีสูงส่ง มีคุณงามความดีมากมาย ฝีมือเหี้ยมโหด หน้าตาหล่อเหลาไม่เป็นรองผู้ใดหาได้ยากบนโลกใบนี้ วรยุทธยังล้ำเลิศไม่เป็นรองผู้ใดในแคว้นนี้!
แม้นอกจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแล้ว เขาคือผู้ที่มีความสามารถที่สุดที่จะนั่งอบู่บนบัลลังก์นั้น แต่ทว่าฮ่องเต้กลับทรงไว้พระทัยเขาอย่างมาก
ครั้งนั้นรุ่ยอ๋องเพียงนำทหารคนสนิทติดตามไปเพียงสิบกว่าคนบุกโจมตีเขาเหลียงชานที่ผู้คนต่างพากันหวาดผวา เวลาผ่านไปไม่นาน ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาราวไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์ดังไปทั่วเขาเหลียงชาน โจรภูเขาหนึ่งร้อยแปดสิบต่างศีรษะขาดกระเด็น
ลือกันว่าคืนนั้นช่างประจวบเหมาะที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก น้ำเลือดที่ไหลลงมาจากด้านบนเขา ทำให้เลือดแดงฉานทั่วเขาเหลียงซาน ก่อนที่จะไหลลงสู่ด้านล่างเขา จนผู้คนด้านล่างเขาเหลียงซานทั้งมีความสุขและหวาดกลัว
ความสุขคือ ในที่สุดกลุ่มโจรภูเขาแห่งเขาเหลียงซานที่ชั่วร้ายนี้ตายลงแล้ว ต่อไปชาวบ้านก็จะไม่ต้องถูกพวกเขาลงมือทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมอีกแล้ว
แต่ที่หวาดกลัวก็คือ รุ่ยอ๋องผู้นี้ฝีมือเหี้ยมโหด คืนนั้นสังหารผู้คนไปมากมาย แต่ชุดสีขาวที่ปลิวไสวของเขากลับไม่มีหยดเลือดสักหยด เห็นได้ชัดว่าวรยุทธเขานั้นช่างสูงส่ง…
ต่อมาเพราะเรื่องนั้น ภายในใจของประชาชนแคว้นเซี่ย รุ่ยอ๋องจึงเหมือนเทพและปีศาจที่มีชีวิต ที่ทำให้ผู้คนทั้งเลื่อมใสและหวาดกลัว…
แม้คืนนั้นรุ่ยอ๋องจะนำไพร่พลสังหารโจรป่าบนเขาเหลียงซานจนหมดสิ้นแล้ว แต่กลับยังมีโจรป่าที่หนีรอดไปได้
โจรป่าที่หนีรอดไปได้กลุ่มนี้คือ ตระกูลรองของเขาเหลียงซานและโจรป่าที่รอดชีวิตกว่าสิบคน
ดูแล้วคนพวกนี้ ในคืนนั้นคงลงจากเขาเหลียงซานมาหาความสุขที่หออวี๋หง จึงได้หนีรอดจากกาสังหารครั้งนั้น
ทว่าโจรป่ากลุ่มนี้หลิ่งจวิ้นอวี๋ได้สืบหาตัวมาโดยตลอด จนครึ่งเดือนแล้วก็ยังหาตัวไม่พบ ไม่คิดเลยว่าวันนี้คนพวกนี้กลับรนมาหาที่ตายถึงที่!
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 11 มีข้าอยู่ทั้งคน
สำหรับเรื่องเหล่านี้ เล่อเหยาเหยาที่เพิ่งข้ามเวลาย่อมไม่รู้โดยปริยาย
เธอรู้เพียงสถานการณ์ของตนตอนนี้ไม่ดีนัก จะพูดอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็ล้วนได้เปรียบด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ถ้าต่อสู้กันขึ้นมา ผู้หญิงที่อ่อนแอไม่มีแรงแม้เชือดไก่อย่างเธอ คงต้องถูกสังหารแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเธอก็หวาดกลัวอย่างมาก กลับคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มข้างกายเธอยังจะมาพูดจาโอหังเช่นนี้อีก
แม้เธอจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมของเขามามากมาย แต่เธอก็เคยได้ยินประโยคที่ว่าสองหมัดยากจะสู้สี่มือมาก่อนเช่นกัน
ตอนนี้สิบคนต่อพวกเธอสองคน แต่ละคนมีดาบในมือ เธอคงต้องกลายเป็นศพแน่
เมื่อนึกได้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นคาวเลือด เห็นภาพตัวเองถูกดาบเล่มใหญ่ฟันแยกร่างกายออกเป็นแปดชิ้น เล่อเหยาเหยาจึงสั่นเทาไปทั่วร่างกาย เหมือนกับใบไม้สีเหลืองบนยอดไม้ที่ถูกพายุพัดโหมกระหน่ำอย่างไร้ความปราณี
เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายสังเกตเห็นความหวาดกลัวของเล่อเหยาเหยา นัยน์ตาที่เย็นชาคู่นั้นจึงอดไม่ได้ที่จะระยิบระยับ ก่อนที่จะขยับริมฝีปากแดง แล้วเอ่ยโพลงออกมาอย่างไม่ทันยั้งคิด
“มีข้าอยู่ทั้งคน!”
คำพูดที่เอ่ยยังเย็นชาเช่นเดิม ทว่ากลับรับรู้ถึงความห่วงใยที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาได้
หลังที่เอ่ยจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยาต่างตะลึงเพริดอย่างมาก
เพียงเห็นด้านข้างใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็ยิ่งตกตะลึง
คำพูดเมื่อครู่นั้น คล้ายไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่ว่ากับผู้ใด เขาล้วนมีท่าทีเย็นชา ทว่าคำพูดที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อครู่นั้น คล้ายกับเป็นคำมั่นสัญญา คำพูดนี้ออกมาจากปากเขาจริงๆ หรือ!?
ขณะเดียวกันเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ตะลึงงัน
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเล่อเหยาเหยา!
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันวิงเวียนครู่หนึ่ง หลังได้สติกลับมาจึงอดไม่ได้ที่จะกระพริบนัยน์ตากลมโตไปมา พร้อมคิดว่าตนเองฟังผิดไป
มีข้าอยู่ทั้งคน!
ประโยคนี้ของเขา แม้จะกระชับได้ใจความ น้ำเสียงเยือกเย็นและเมินเฉย แต่เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นช่าง…อบอุ่น
จิตใจที่กระวนกระวายและหวาดหวั่นของเธอ ขณะนี้กลับสงบลงอย่างน่าประหลาด
เพราะถึงแม้ในข่าวลือชายหนุ่มน่ากลัวหวาดผวาอย่างมาก แต่เวลานี้เขาเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่คอยปกป้องลมแรงฝนสาดให้กับเธอ ไม่ว่าฟ้าจะถล่มลงมา เขาล้วนค้ำยันเอาไว้เพื่อปกป้องเธอ…
จิตใจที่กระวนกระวายจึงค่อยๆ หายไป เล่อเหยาเหยาจึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้างดงามดูผ่อนคลาย ก่อนที่จะยกมุมปากขึ้น แล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสว่างไสว
“ได้ขอรับ บ่าวเชื่อท่านอ๋อง”
“…”
เพียงประโยคเดียวของเล่อเหยาเหยา ทำให้ภายในจิตใจที่สงบมากว่ายี่สิบปีของเหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายถูกโยนหินก้อนเล็กๆ เข้าไป เกิดเป็นระลอกคลื่นสั่นกระเพื่อมขึ้นมา…
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่เอ่ยอะไร สีหน้ายังเย็นชาเย็นยะเยือกเช่นเดิม ทว่าหากมองอย่างละเอียดจะเห็นถึงรอยยิ้มเล็กๆ บริเวณมุมปากของเขา…
และขณะเดียวกันชายชุดดำที่แอบลักลอบเข้ามาสังหาร ก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาระหว่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยา พวกเขาล้วนไม่ใช่คนโง่ โดยเฉพาะหัวหน้าชายชุดดำผู้นั้น
เขาเป็นถึงตระกูลรองปาหู่แห่งเขาเหลียงซาน
แม้ปาหู่จะอยู่ในเขาเหลียงซาน ทว่าไม่ใช่ไม่รับรู้เรื่องราวของภายนอกเลย
โดยเฉพาะเกี่ยวกับรุ่ยอ๋องผู้นี้ เกรงว่าทั่วแคว้นเซี่ยคงไม่มีผู้ใดไม่รู้
ข่าวลือของรุ่ยอ๋องผู้นี้ก็มีมากมาย เล่าลือกันว่าลุ่ยอ๋องผู้นี้ไม่สนอิสตรี นิสัยเย็นชา จึงขนานนามกันว่าพญายม ตอนนี้เมื่อมองเห็นพญายมผู้นี้ดูห่วงใยขันทีน้อยในอ้อมกอดอีกครั้ง ปาหู่จึงพลันหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่าๆ เป็นจริงอย่างที่ลือกันจริงๆ พญายมไม่สนสตรี ความจริงคือรักขันที ฮ่าๆ น่าขันยิ่งนัก ขันทีที่ไม่ใช่ทั้งบุรุษและสตรีผู้นี้ ช่างเหมาะกับเจ้าเสียจริง!”
………………………………………………………………