ตอนที่ 6 ทำความเข้าใจกับเรื่องหนึ่ง

ลืมรักเลือนใจ

เห็นได้ชัดว่า เผยหนานซวี่คิดไม่ถึงว่าเผยอวี้เฉิงจะตอบแบบนี้ 

 

 

“ความสัมพันธ์ที่…สนิทที่สุดในโลกงั้นเหรอ?” 

 

 

จู่ๆ พี่ชายใหญ่พัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งมาถึงขั้นนี้และ ในขณะที่เขายังไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ? 

 

 

เผยหนานซวี่อดถามไม่ได้ “พี่ชายใหญ่ เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไม่ไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง!” 

 

 

“อื้ม ฉันเองก็เพิ่งรู้” เผยอวี้เฉิงพูด 

 

 

เผยหนานซวี่: “……” 

 

 

ทำไมคำพูดที่พี่ชายใหญ่พูดหลังจากฟื้นขึ้นมา เขาถึงฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่คำเดียว? 

 

 

เขาเองก็เพิ่งรู้ หมายความว่าอย่างไร? 

 

 

เผยหนานซวี่พูดขึ้นอย่างลังเล “พี่ชาย พี่รู้ฐานะและประวัติของผู้หญิงคนนี้มั้ย? ให้ผมไปสืบให้ละเอียดก่อนมั้ย?” 

 

 

นิ้วอันเรียวยาวของเผยอวี้เฉิงกำกลีบดอกกุหลาบสีขาวที่หล่นอยู่ข้างมือขึ้น “ไม่จำเป็น” 

 

 

บนโลกนี้คงไม่มีใครรู้จักหลินเยียนดีกว่าเขาแล้ว 

 

 

“หนานซวี่ เตรียมรถให้ฉัน พาฉันไปที่ที่หนึ่ง” 

 

 

ได้ยินคำพูดนี้ เผยหนานซวี่ก็ตะลึง “พี่ชายใหญ่ ร่างกายพี่เพิ่งฟื้นตัว พี่จะไปไหน?” 

 

 

“ไป” เผยอวี้เฉิงพูด “ไปทำความเข้าใจกับ…เรื่องบางเรื่อง” 

 

 

…… 

 

 

อพาร์ทเมนต์อันหรูหราแห่งหนึ่งในเมืองหลวง 

 

 

หลังจากหลินเยียนออกจากโรงแรม ก็นั่งรถโดยสารกลับไปหาป้าสะใภ้ 

 

 

หลังจากกลับไปถึงบ้าน เธอก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที 

 

 

ได้อาบน้ำอุ่น หลินเยียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก แม้แต่อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย 

 

 

ไม่รู้ทำไม เธอถึงมีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนได้ระบายความคับแค้นบางอย่างไป ความกลัดกลุ้มใจที่อัดอั้นอยู่ในใจมาโดยตลอดจางหายไปไม่น้อย 

 

 

ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะเสียใจเพราะเห็นหลินซูหย่ากับหันอี้เซวียนแสดงความรักต่อกันอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกอารมณ์ดีไม่น้อย? 

 

 

ช่วงนี้จิตใจของเธอว้าวุ่นจริงๆ … 

 

 

ไม่ว่าอย่างไร อารมณ์ดีขึ้น ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี 

 

 

หลินเยียนทำตัวเองให้สดชื่น ตัดสินใจจะสอบถามข่าวการรับสมัครของกองละครในช่วงนี้ 

 

 

ไม่ว่าหลินซูหย่าและหันอี้เซวียนจะมีอิทธิพลในวงการบันเทิงมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางจะควบคุมทุกอย่างได้ อย่างไรก็ต้องมีที่ที่พวกเขาเอื้อมไม่ถึง 

 

 

ในขณะที่กำลังเปิดคอมพิวเตอร์สอบถามข่าวนั่นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังแว่วขึ้น 

 

 

หลินเยียนลุกขึ้นไปเปิดประตู “ป้าสะใภ้!” 

 

 

ป้าสะใภ้ชะโงกหัวเข้ามามองในห้องเธอแวบหนึ่ง แล้วไม่พอใจนัก “ทำไมถึงใช้คอมพิวเตอร์อีกแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ค่าไฟแพงมาก?” 

 

 

พูดจบ ก็พูดกับหลินเยียนอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันขอพูดหน่อยเถอะเสี่ยวเยียน เดือนนี้ก็จะสิ้นเดือนอยู่แล้ว เธอจะจ่ายค่าเช่าห้องเมื่อไหร่?” 

 

 

ซานซานเข้ามหาลัยรายจ่ายเยอะมาก แล้วยังต้องมาเลี้ยงคนว่างงานอย่างเธออีกคน เราสองแม่ลูกจะอยู่ยังไง!” 

 

 

หลินเยียนมุ่นคิ้ว “ขอโทษด้วยนะป้าสะใภ้ ขออยู่ตั้งหลักอีกสักสองวันได้มั้ย ป้าสะใภ้ก็รู้ว่าตอนนี้รายได้ของฉันไม่เท่าเมื่อก่อนแล้ว…” 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยปรับเสียงให้สูงขึ้นทันที “แต่ก็จะมางอมืองอเท้าพึ่งพาบ้านเรา ให้แม่ม่ายเด็กกำพร้าพ่ออย่างเราเลี้ยงไม่ได้นะ! ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่าเธอเลย! แม่เธอสอนเธอมายังไงเนี่ย?” 

 

 

สีหน้าของหลินเยียนเย็นเยียบขึ้นมาเล็กน้อย “ป้าสะใภ้ ป้าอย่าลืมสิว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่ฉันซื้อให้ลุง และเงินที่ซื้อบ้านหลังนี้ก็เป็นเงินที่ฉันให้แม่เอาไปช่วยลุง! ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันอยู่บ้านหลังนี้ ก็ให้เงินป้าสะใภ้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านอยู่บ่อยครั้ง!” 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยราวกับถูกเหยียบหาง พลันปะทุอารมณ์จนเอามือเท้าเอว “หน็อย! หลินเยียน! เธอหมายความว่าไง! บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่เธอให้เรามาเองนะ! ให้เรามาแล้ว ก็ต้องเป็นของเรา ฉันไม่สนหรอกว่าใครให้เงินมา! อีกอย่างเธอจะออกค่าใช้จ่ายในบ้านบ้างก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว! 

 

 

ลุงเธอเพิ่งตายได้ไม่นาน เธอก็มารังแกแม่ม่ายและเด็กกำพร้าพ่ออย่างเราแบบนี้ หนำซ้ำยังจะแย่งบ้านหลังนี้กับเรา! ทำไมเธอถึงได้จิตใจอำมหิตขนาดนี้? 

 

 

เธอฟังให้ดีนะ ถ้าขืนเธอยังไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าอีก เดือนหน้าก็เก็บข้าวของไสหัวออกไปได้เลย!”