ตอนที่ 7 แรงดึงดูดซึ่งไม่มีต้นสายปลายเหตุ

ลืมรักเลือนใจ

หลินเยียนออกจากบ้านท่ามกลางเสียงก่นด่าของป้าสะใภ้ 

 

 

ทุกครั้งที่เธอจะลุกขึ้นยืน ชีวิตก็มักจะให้บททดสอบอันหนักหน่วงกับเธอ 

 

 

ดวงซวยของเธอ เห็นทีจะตามติดเธอไปทั้งชีวิต… 

 

 

ช่วยไม่ได้สุดท้ายหลินเยียนทำได้เพียงโทรไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเพียงคนเดียวในประเทศของเธอ วังจิ่งหยาง 

 

 

“ฮัลโหล หลินเยียน? ลมอะไรพัดมาเนี่ย! ทำไมถึงมีเวลาโทรหาฉันก่อน?” 

 

 

“ไอ้ลูกหมา…เดือนหน้า ฉันไปอยู่ด้วยสักสองสามวันได้มั้ย?” 

 

 

อีกฝั่งสายเสียงของวังจิ่งหยางหายไปครู่ “มีอะไรหรือเปล่า? เธอพักอยู่ที่บ้านป้าสะใภ้เธอไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

“เดือนนี้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าแล้ว” หลินเยียนยิ้มเศร้า 

 

 

“อะไรนะ? บ้านป้าสะใภ้เธอ ก็เธอเป็นคนให้เงินไปซื้อไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ…” หลินเยียนจนปัญญา 

 

 

วังจิ่งหยางโกรธจนสับเท้าทันที “เยสเข้ ยัยป้าแก่ใจดำอำมหิตคนนี้! ฉันว่านะหลินเยียน ทำไมเธอถึงตาบอดขนาดนี้ ดูสิรอบข้างเธอมีแต่พวกหมาป่าตาขาว! [1]” 

 

 

หลินเยียนระบายยิ้ม “ใช่ซะที่ไหน ก็ยังมีนายไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

วังจิ่งหยางอึ้ง ก่อนจะแค่นเสียงขึ้นจมูก น้ำเสียงดูอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย “เธอรู้ก็ดีแล้ว! ฉันอยู่แถวเขตมหาวิทยาลัย เธอมาหาฉันสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเนื้อเสียบไม้ย่าง!” 

 

 

“ได้” หลินเยียนพูด 

 

 

หลินเยียนมองโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้ว ส่วนลึกของสายตาเผยความอุ่นใจ 

 

 

ในยามค่ำคืนช่วงฤดูร้อน 

 

 

หน้าประตูเขตมหาวิทยาลัย ในช่วงเวลาที่แผงขายปิ้งย่างคึกคักที่สุด 

 

 

หลินเยียนเห็นวังจิ่งหยางที่ใส่ตุ้มหูสีดำ ย้อมผมเป็นสีม่วงเข้มทั้งหัวนั่งดื่มเบียร์อยู่มาแต่ไกล 

 

 

คนหน้าตาดีเนี่ยจะทำอะไรก็ได้เลยจริงๆ … 

 

 

ถ้าเป็นคนอื่นย้อมผมสีนี้ ก็ทำคนตกใจตายได้ แต่เขากลับเอาอยู่ 

 

 

ใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาและแจ่มใส ระหว่างคิ้วแฝงความดื้อรั้น รูปร่างสูงสง่า ขาทั้งคู่เรียวยาว เสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ขาดๆ ธรรมดา เขาใส่แล้วกลับเหมือนนายแบบโฆษณา ราวกับพระเอกที่ออกมาจากการ์ตูนของพวกสาวๆ อย่างไรอย่างนั้น 

 

 

แม้จะไปอยู่ท่ามกลางพวกไอดอลวัยรุ่นในวงการบันเทิงปัจจุบันก็ไม่เป็นรอง 

 

 

ตรงแผงปิ้งย่าง มีนักศึกษาหญิงจำนวนไม่น้อยจากหลายโต๊ะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแอบถ่ายเขาอยู่ตลอดเวลา 

 

 

อาจจะเพราะเห็นเธอ วังจิ่งหยางพลันตาเป็นประกาย ส่ายขวดเหล้าในมือ “หลินเยียน ทางนี้!” 

 

 

หลินเยียนเองก็โบกมือ พลันเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าวังจิ่งหยาง 

 

 

วันนี้หลินเยียนใส่ชุดเดรสสีขาว ผมยาวตรงที่ไม่มีทางจัดทรงใดๆ ทิ้งดิ่งลงถึงหัวไหล่อย่างว่าง่าย 

 

 

วังจิ่งหยางกวาดสายตามองหลินเยียนหัวจรดเท้า แล้วกระตุกมุมปากเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารังเกียจมาก 

 

 

“เธออย่าแต่งตัวบ้าๆ แบบนี้ได้มั้ย? หลินซูหย่าใส่แบบนี้เรียกว่าแต่งอย่างเรียบง่ายสบายๆ แต่เธอใส่แบบนี้ เหมือนฉันไปลักพาตัวเธอออกมาจากป่า!” 

 

 

หลินเยียนถึงกับไปไม่เป็น “…” 

 

 

นี่มันคำเปรียบเทียบบ้าอะไรกัน? 

 

 

เอาเถอะ เธอก็แต่งตัวไม่เป็นจริงๆ 

 

 

เมื่อก่อนตอนที่เป็นนักแข่งรถก็ไม่ต้องแต่งตัวอะไร 

 

 

ปกติตอนที่อยู่กับหันอี้เซวียน เธอก็แค่แต่งตามรูปแบบที่เขาชอบ 

 

 

จากนั้นพอเข้าวงการบันเทิง หลินซูหย่าให้เธอแต่งอย่างไร เธอก็แต่งตาม 

 

 

ส่วนตัวเธอเองก็ไม่ได้มีข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ คลุมถุงพลาสติกสักใบก็พอแล้ว 

 

 

หลินเยียนกำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ ความรู้สึกอันแปลกประหลาดก็พรวดพราดขึ้นในร่างกาย พลันหันมองรอบๆ ตามสัญชาตญาณ 

 

 

สายตาของเธอค่อยๆ กวาดมองรอบๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่บนถนนใต้ร่มเงาที่อยู่ตรงข้าม 

 

 

ตรงนั้นมีรถสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างถนน 

 

 

หลินเยียนจ้องหน้าต่างรถสีดำ แล้วไม่สามารถละสายตาได้อย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เหมือนว่ามีพลังบางอย่างกำลังดึงดูดตน… 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] 白眼狼 หมาป่าตาขาว เปรียบเทียบพวกไม่รู้บุญคุณคน