ตอนที่ 8 คลื่นสมองเคลื่อนที่?

ลืมรักเลือนใจ

“หลินเยียน! หลินเยียน? มองอะไรอยู่?” 

 

 

จวบจนกระทั่งวังจิ่งหยางเรียก หลินเยียนจึงได้สติอย่างอึ้งๆ “อะไร…” 

 

 

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” 

 

 

“เปล่า แค่เหม่อ นายพูดว่าอะไรนะ?” 

 

 

ขณะนั้นเอง 

 

 

ภายในรถสีดำที่อยู่ใต้เงาไม้ 

 

 

บนเบาะหลัง ส่วนลึกของสายตาชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบางๆ พร้อมพึมพำเบาๆ “เห็นแล้วเหรอ?” 

 

 

ขณะนี้ระหว่างคิ้วของเผยหนานซวี่เต็มไปด้วยความกังวล “พี่ชายใหญ่ พี่เพิ่งฟื้น ร่างกายไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ย?” 

 

 

หลังจากเผยอวี้เฉิงรู้สึกตัว คุณหมอก็ให้เขาตรวจร่างกาย แม้ทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็ต้องดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองสามวัน 

 

 

แต่ทันทีที่ฟื้นขึ้นมา เผยอวี้เฉิงก็มาหาผู้หญิงที่ชื่อหลินเยียนคนนี้ทันที 

 

 

เผยหนานซวี่มองตามสายตาของเผยอวี้เฉิง คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าผู้หญิงคนนี้พิเศษตรงไหน ถึงสามารถทำให้เผยอวี้เฉิงสนใจขนาดนี้ 

 

 

เผยอวี้เฉิงไม่ได้พูดอะไร สายตาอันเย็นเยียบค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดที่วังจิ่งหยางที่อยู่ตรงหน้าหลินเยียน รอยยิ้มนัยน์ตาจางไปเล็กน้อยอย่างไม่เป็นที่สังเกต… 

 

 

นิ้วมือของชายหนุ่มเคาะบนหน้าผากอย่างเป็นจังหวะ “หนานซวี่ ฉันจำได้ว่า ตอนที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ เคยศึกษาเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพ” 

 

 

เผยหนานซวี่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เผยอวี้เฉิงถึงเปลี่ยนมาคุยเรื่องนี้ พลันพยักหน้าพูดว่า “ใช่ อาจารย์ของผมใช้เครื่องมือพิเศษในการวิเคราะห์คลื่นสมองของมนุษย์และพบว่ากระแสของคลื่นสมองสามารถสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เฉพาะเจาะจงได้ เขาเชื่อว่าทุกคนเป็นโลกใบเล็กที่มีสนามแม่เหล็กความถี่พิเศษของตัวเอง” 

 

 

เผยอวี้เฉิงสายตาลึกซึ้งเกินคาดเดา “ถ้าอย่างนั้น คลื่นสมองของคนหนึ่ง สามารถเคลื่อนที่ไปควบคุมคนอื่นได้มั้ย?” 

 

 

เผยหนานซวี่ยิ่งไม่เข้าใจ “พี่ ทำไมจู่ๆ พี่ถึงถามเรื่องพวกนี้?” 

 

 

เผยอวี้เฉิง “ไม่มีอะไร” 

 

 

บนแผงปิ้งย่าง 

 

 

ไม่นานเจ้าของร้านก็ทยอยยกเบียร์และเนื้อเสียบไม้มาเสิร์ฟ 

 

 

ประแจใช้งานยาก วังจิ่งหยางพยายามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ 

 

 

หลินเยียนมองเขาแวบหนึ่ง ใช้มือเล็กอันขาวเนียนรับขวดเบียร์ไปจากมือเขา ก่อนจะเอามาวางข้างปาก ใช้ฟันเปิดขวดดัง ‘แกรบ’ แล้วส่งคืนวังจิ่งหยาง 

 

 

วังจิ่งหยางมองเธอที่สวมชุดกระโปรงผู้หญิง กระทำสิ่งนี้อย่างคล่องแคล่วเงียบๆ “…” 

 

 

หลังจากอัดอั้นอยู่ครู่ใหญ่ วังจิ่งหยางก็พูดขึ้นอย่างหมดคำพูด “หลินเยียน อย่าหาว่าฉันสอนนะ ที่เธอกลายเป็นแบบนี้จะโทษน้องสาวเธอกับผู้ชายเฮงซวยคนนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความยอมคนของเธอทั้งนั้น! 

 

 

ตาสว่างหน่อยเถอะ หยุดหลงงมงายได้แล้ว เธอเห็นหลินซูหย่าเป็นคนใกล้ตัวและไว้ใจได้มากที่สุด หล่อนขูดรีดเธอจนหมดตัวยังไม่พอ ยังทำลายอาชีพของเธอ สุดท้ายแม้แต่ผู้ชายของเธอก็ยังแย่งไปด้วย หล่อนเห็นเธอเป็นแค่ตู้กดเงินและคนโง่ที่…” 

 

 

หลินเยียนเงยหน้าขึ้น 45 องศามองฟ้าพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ พลันยิ้มตัดบทเขา “ไอ้ลูกหมา ขืนนายพูดมากกว่านี้อีกคำเดียว เชื่อมั้ยว่าฉันจะตัดขานาย?” 

 

 

ท่าทางที่หลินเยียนยิ้มพูดประโยคนี้ น่ากลัวเสียยิ่งกว่าเมื่อครั้นตอนที่เธอเป็นอันธพาลเสียอีก 

 

 

วังจิ่งหยางเงียบไปชั่วขณะ พลันบ่นพึมพำและหดตัวทานปิ้งย่างเงียบๆ