ตอนที่ 9 นี่คือกฎทางวิทยาศาสตร์

ลืมรักเลือนใจ

“พอเถอะไอ้ลูกหมา นายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันตาสว่างตั้งนานแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันกับหลินซูหย่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก” หลินเยียนยกเหล้าบนโต๊ะขึ้นซดหมดแก้วในทีเดียว 

 

 

หลังจากพ่อหย่าร้างกับแม่ ทิ้งพวกเธอสามแม่ลูกไป สุขภาพของแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงมาโดยตลอด จึงไม่สามารถทำงานได้ น้องสาวเองก็มีโรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์ อ่อนแอตั้งแต่เด็ก 

 

 

เธอในฐานะพี่สาว จึงต้องแบกรับภาระดูแลแม่และน้องสาว 

 

 

เธอสงสารน้องสาวที่อายุยังน้อยคนนี้ จึงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอ ปกป้องเธอเหมือนเจ้าหญิงในหอคอยงาช้าง 

 

 

สิ่งที่หลินซูหย่าตอบแทนเธอ คือวางยาโด๊ปเข้าไปในน้ำก่อนการแข่งรถรอบสำคัญที่สุดของเธอ ทำลายอาชีพของเธอ หลังจากนั้นก็วิ่งแจ้นไปหาพ่อที่ทิ้งพวกเธอไปเพื่อฐานะคุณหนูตระกูลหลิน… 

 

 

ส่วนเธอสิ่งเดียวที่มีตอนนี้ คือขาที่บาดเจ็บและหัวใจที่เฉยชาไปแล้ว 

 

 

หลินเยียนคอแข็งมาก ดื่มเหล้าเกือบหมดทั้งลังแล้ว เธอจึงรู้สึกเมาขึ้นมาบ้าง 

 

 

“น้องสาวเธอไม่ใช่คนดี หันอี้เซวียนยิ่งกากมาก หลินเยียน ฟังคำฉันนะ ต่อไปอย่าลุ่มหลงในความงามภายนอกอีก ในโลกของธรรมชาติ สิ่งที่สวยงามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพิษมากเท่านั้น นี่คือกฎ…” 

 

 

หลินเยียนเอามือเท้าคางพยุงศีรษะขึ้น ได้ยินเช่นนี้ก็หลุดขำ “นายหมายความว่า นายก็มีพิษงั้นสิ? นายเองก็หล่อมากนี่!” 

 

 

วังจิ่งหยางตัวแข็งทื่อ พวงแก้วทั้งสองข้างค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมา “…” 

 

 

หลินเยียนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเริ่มเมาแล้ว สติเริ่มพร่ามัว เสียงของวังจิ่งหยางที่ดังอยู่ข้างหูก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

นี่มันฤดูร้อนแท้ๆ หลินเยียนกลับรู้สึกหนาวเหน็บ ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนมีความเย็นยะเยือกอันเสียดกระดูกมุดเข้าไปในร่างกายของเธอ 

 

 

ทว่าความรู้สึกนี้หายไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ไม่นานความเย็นยะเยือกนั่นก็คล้ายจะกลายเป็นสายน้ำที่อบอุ่น หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเธอ” 

 

 

“คัก ฉันไม่ใช่แบบนั้น เราเป็นอะไรกัน ฉันจะทำร้ายอะไรเธอได้? หลินเยียน…ฉันว่าเธออย่ากลับไปที่บ้านป้าสะใภ้เธออีกเลย…คืนนี้…ไปพักกับฉันเถอะ…ยังไงก็มีห้องว่างอยู่…” วังจิ่งหยางเสนออย่างอ้ำๆ อึ้งๆ 

 

 

วังจิ่งหยางรอตั้งนาน หลินเยียนก็ไม่ตอบ 

 

 

หันมาอีกที กลับเห็นว่าหลินเยียนได้ฟุบนอนบนโต๊ะไปแล้ว 

 

 

วังจิ่งหยางเห็นเช่นนี้ ก็จ้องหญิงสาวไร้หัวใจตรงหน้า แล้วบ่นงึมงำเบาๆ อย่างหมดคำพูด “ทำตัวโง่แบบนี้ตลอดเลย…ช่างเถอะ ฉันไม่มีสิทธิ์ว่าเธอโง่ เพราะฉันโง่กว่าเธอ ที่ตกหลุมรักคนโง่คนหนึ่ง…” 

 

 

ภายใต้แสงไฟของตลาดในยามค่ำคืน หญิงสาวฟุบนอนเงียบๆ ในยามที่เงียบสงบเช่นนี้ ช่างราวกับนางฟ้า บนใบหน้าอันขาวผ่องยองใยนั่น แม้แต่รูขุมขนอันน่ารักยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน… 

 

 

วังจิ่งหยางจ้องเหม่อๆ หูเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ลมหายใจก็ถี่ขึ้น 

 

 

วังจิ่งหยางกำหมัดแน่น พลันขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของหญิงสาวทีละนิดอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่… 

 

 

ไม่นานทั้งสองก็ห่างกันเพียงคืบ 

 

 

ชั่ววินาทีที่ริมฝีปากของวังจิ่งหยางกำลังจะจรดบนใบหน้าของหลินเยียน… 

 

 

หลินเยียนพลันลืมตาขึ้น ความเย็นยะเยือกนัยน์ตาราวกับคมมีดอันเย็นเยียบที่จ่อมาทางเขา… 

 

 

หลังจากนั้นในปากของหญิงสาวก็มีเสียงแผ่วเบาที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจ แต่กลับเป็นเสียงที่เคร่งขรึมอย่างที่สุดดังขึ้น… 

 

 

“รนหาที่ตาย?” 

 

 

“เยส…เยสเข้!!!” วังจิ่งหยางตกใจจนอกสั่นขวัญหนี พลันกลิ้งตกเก้าอี้ล้มหน้าหงายไป 

 

 

ในขณะเดียวกันในรถที่อยู่ฝั่งตรงข้าม 

 

 

เผยหนานซวี่มองเผยอวี้เฉิงที่จู่ๆ ก็สูญเสียการรับรู้อย่างร้อนรน “พี่ชาย! พี่ชายตื่น…” 

 

 

……