ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 5 คนละชั้น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนมองไม่เห็นสายตาตกตะลึงของทุกคน

“หลักๆ ก็เพื่อให้พวกเจ้าใช้ปกป้องตัวเอง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นอาวุธป้องกันตัวไม่ใช่อาวุธสำหรับต่อสู้ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าวางใจประมาท เพราะการฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์นี้ เป้าหมายหลักในการฝึกฝนก็คือตัวพวกเจ้าเอง”

“มะ…ไม่ใช่…ช้าก่อน ศิษย์หลานเยี่ยน” ผู้อาวุโสชุยพูดตะกุกตะกัก พักหนึ่งถึงกลับมาเป็นปกติ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหลอมอาวุธวิเศษชุดถัดไปอย่างนั้นหรือ”

เขามองอาวุธวิเศษกองหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “ความหมายของเจ้าคือ อาวุธเหล่านี้ไม่ใช่ของที่เจ้าเก็บสะสม หากแต่เจ้าหลอมสร้างขึ้นมาเองกับมือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ข้าหลอมเองกับมือ ข้าไม่มีความสนใจและความอดทนมากพอที่จะเก็บสะสมอาวุธวิเศษระดับล่างหรอก”

คำพูดนี้ทำเอาทุกคนกลืนน้ำลายไปตามๆ กัน ทว่ากลับไม่อาจหาคำพูดใดมาโต้แย้งได้

สำหรับพวกเขาแล้ว อาวุธวิเศษระดับล่างเป็นดังสิ่งล้ำค่า แต่ด้วยฐานะครอบครัวอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

แต่ว่า…

ทุกคนมีสีหน้าอัศจรรย์ใจขึ้นเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกเหมือนว่าโลกที่ตนเองอาศัยอยู่กลับไม่ใช่ความจริง

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตรงกันข้ามกับความรู้และสามัญสำนึกที่พวกเขามีอยู่

ระดับความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ สามารถหลอมอาวุธวิเศษได้ เรื่องนี้ไม่มีใครคัดค้าน

แม้จะไม่เคยได้ยินมาก่อน ทว่าการที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้วิชาหลอมอาวุธก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนึกภาพไม่ออก

ทว่าการหลอมอาวุธวิเศษสักชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทั้งกำลังและเวลามหาศาล

ผู้อาวุโสชุยสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง “เจ้า…ใช้เวลาหลอมอาวุธวิเศษพวกนี้ไปนานเท่าไร”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบสั้นๆ ว่า “เพียงเจียดเวลาจากช่วงที่ว่างจากการฝึกซ้อมในเวลาปกติสักเล็กน้อย ก็สามารถหลอมได้สำเร็จแล้วขอรับ ถ้าเป็นสิบหกชิ้นนี้ล่ะก็ ไม่น่าจะถึงหนึ่งเดือน”

“เป็นไปไม่ได้” ผู้อาวุโสชุยพูดตัดบทอย่างมั่นใจว่า “ถ้าเป็นท่านผู้อาวุโสเยี่ยนล่ะก็ ข้าเชื่อ แต่เป็นศิษย์หลานเยี่ยนเจ้า…”

เขาส่ายหัวไปมา เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ

ยิ่งไปกว่านั้น จริงอยู่ที่การหลอมอาวุธวิเศษสำหรับท่านพ่อหรือยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ค่อนข้างสูงในสำนัก จะไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่ใครจะมีเวลาว่างมาทำอะไรเช่นนี้กัน

ถ้ามีกำลังและเวลาขนาดนี้ พวกเขาควรหันไปสนใจอาวุธวิญญาณที่อยู่ในระดับสูงกว่า

สายตาที่ทุกคนมองเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย ทุกคนต่างรู้สึกว่าศิษย์พี่เยี่ยนคงไม่ได้ทำอะไรที่เกินกำลังของตน เพราะร้อนรนอยากได้หน้าหรอกกระมัง

เยี่ยนจ้าวเกอเผลอหัวเราะออกมา “คงจะเป็นไปไม่ได้หากใช้เตาผลึกหินชั้นนอก แต่ใครบอกว่าใช้เตาผลึกหินชั้นในไม่ได้เล่าขอรับ”

คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินต่างงุนงงไม่เข้าใจ มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ตกตะลึงอีกครั้ง

เสียงของผู้อาวุโสชุยตะกุกตะกักอีกครั้ง “เจ้า…เตาผลึกหินชั้นในที่เจ้าว่า หรือจะ หรือจะหมายถึง…เตาก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ในตำนาน…”

“แต่เตาผลึกหินชั้นในสูญสิ้นไปตั้งนานแล้ว! อย่าว่าแต่ของจริงหรือวิธีการสร้างเลย แค่คำอธิบายโครงสร้างที่ง่ายที่สุดก็ยังไม่มีเหลือแม้แต่เศษเสี้ยว! ทุกวันนี้ทั้งมหาอำนาจแปดแผ่นดินเหลือเพียงตำนานเล่าขานของมันเท่านั้น!”

ในตำนานเล่าว่า ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่นั้น อารยธรรมวิทยายุทธ์รุ่งเรืองถึงขีดสุด นอกจากวรยุทธ์การต่อสู้แล้ว วิชาหลอมอาวุธก็เจริญก้าวหน้ามากเช่นกัน

ในยุคนั้น อาวุธธรรมดาทั่วไปไม่มีคุณค่าใดในโลกของจอมยุทธ์เลยสักนิด ส่วนอาวุธสงคราม อาวุธวิเศษ อาวุธวิญญาณ รวมทั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็หาได้ง่ายยิ่งนัก

เพียงแต่เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ขึ้น ทั่วทั้งแผ่นดินเหมือนกับรังที่ถูกรุกล้ำทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างสูญสลายไปไม่เหลือร่องรอย เหลือเพียงตำนานเล่าขานที่ให้คนรุ่นหลังได้ศรัทธาและฝันใฝ่เท่านั้น

แต่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วกลับไม่ใช่ความลับอะไร ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ สำนักพระราชวังเทพได้เก็บรวบรวมตำราคัมภีร์ไว้มากมาย ซึ่งไม่ได้มีเพียงคัมภีร์วรยุทธ์การต่อสู้เท่านั้น

“บังเอิญตอนที่ข้าออกไปฝึกฝน ข้าได้พบกับโบราณสถานแห่งหนึ่ง ในนั้นมีบันทึกวิธีการสร้างเตาผลึกหินชั้นในที่ไม่สมบูรณ์ไว้ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงค้นคว้าและปรับแก้จนมันครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้เตาผลึกหินชั้นในได้กลับมาสู่โลกอีกครั้ง อาวุธวิเศษระดับล่างพวกนี้ เป็นผลงานของข้าที่สร้างขึ้นระหว่างการทดลอง”

“เบื้องต้นยังหลอมได้เพียงอาวุธวิเศษระดับล่างเท่านั้น อาวุธคุณภาพชั้นโทเหล่านี้เป็นอาวุธที่ดีที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีอาวุธคุณภาพชั้นเอกอยู่หลายชิ้นที่ใกล้เคียงอาวุธวิเศษระดับกลางแล้ว ทว่ายังห่างชั้นอยู่เล็กน้อย ขณะเดียวกันมันก็ยังไม่เสถียรพอ ฉะนั้นข้าจึงเก็บไว้ดูแลเอง เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้สำหรับการเตรียมเปิดเตาครั้งต่อไป”

เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “เมื่อได้ปรับแก้ให้สมบูรณ์ต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนี้การหลอมอาวุธวิเศษระดับกลาง และระดับสูงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้ายังสามารถค้นคว้าวิชาปลุกเสกเตาผลึกหินชั้นในโบราณได้ด้วยล่ะก็ เช่นนั้นข้าก็มีหวังที่จะหลอมอาวุธวิญญาณได้เช่นกัน”

อาหู่ผู้รู้ใจคุณชายของตนดี ก่อนหน้านี้เขาออกจากประตูไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับมายังข้างวิหารอย่างรวดเร็ว พร้อมกับนำเตาหลอมหนาหนัก สูงเท่ากับคนหนึ่งคน พร้อมทั้งอิ่มเอิบไปด้วยปราณวิญญาณใบหนึ่งกลับมาด้วย

แม้ว่าผู้อาวุโสชุยจะไม่เคยเห็นเตาผนึกหินชั้นในมาก่อนว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร ทว่าอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเตาหลอมตรงหน้าไม่ใช่เตาผลึกหินชั้นนอกที่ทุกคนใช้กันอยู่ทั่วไปอย่างแน่นอน

ขณะนี้คนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ได้สติคืนมาบ้างแล้ว ทว่าในแววตายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกทึ่ง

แม้แต่ผู้ที่สงบเยือกเย็นอยู่เสมอเช่นซือคงจิง ในตอนนี้ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน

เป็นเพราะยิ่งรับรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้น นางก็ยิ่งเข้าใจถึงความสำคัญของเตาหลอมตรงหน้า

ถึงตอนนี้มันอาจจะยังเป็นเหมือนต้นกล้าเล็กๆ แต่เมื่อมันเติบโตขึ้น มันจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่านขนาดไหน

“นอกจากภารกิจของสำนักแล้ว ข้าไปปราการมังกรครั้งนี้ เพราะยังมีเรื่องส่วนตัวที่ข้าต้องจัดการเช่นกัน นั่นก็คือปรับแก้เตาผลึกหินชั้นในให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยสภาพแวดล้อมพิเศษของปราการมังกรและเชื้อไฟสัจจะอัคคีที่จะปรากฏอยู่ในนั้น”

น้ำเสียงเยี่ยนจ้าวเกอราบเรียบ ทว่ากลับทำให้เยี่ยจิ่งและซือคงจิงต้องมองหน้ากันไปมา

มีคนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นขึ้นว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน หากสร้างได้ทั้งอาวุธวิเศษระดับกลาง อาวุธวิเศษระดับสูง เช่นนั้นอาวุธวิญญาณ หรือแม้กระทั่ง…”

ในยุคปัจจุบัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่พบได้ยาก เขาไม่กล้าจะคิดจริงๆ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน “หากสำนักเราสามารถสร้างอาวุธวิญญาณจำนวนมากได้ เช่นนั้น… เช่นนั้น… ”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า พร้อมทั้งฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวๆ “ถูกต้อง ถ้าหากสำเร็จ ต่อไปเมื่อพวกเจ้าออกไปข้างนอก ต่อให้ต้องเจอกับลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นที่อยู่ในระดับเดียวกับสำนักของเรา พวกเขาถืออาวุธสงคราม พวกเจ้าถืออาวุธวิเศษ พวกเขาถืออาวุธวิเศษ พวกเจ้าถืออาวุธวิญญาณ เพียงแค่ใช้อาวุธผลักพวกเขา พวกเขาก็คงตายแล้วล่ะ”

ทันใดนั้นศิษย์ทุกคนต่างก็ร้องเฮยินดีอย่างพร้อมเพรียงกัน

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ ทุกคนพลันเงียบเสียงในทันที “จงตั้งใจฝึกฝนให้ดี พวกเจ้าล้วนเป็นอนาคตของเขากว่างเฉิง!”

ทุกคนต่างขานรับอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งสอน ตั้งใจฝึกฝน สร้างชื่อให้แก่สำนักเขากว่างเฉิง!”

ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะมีชื่อเสียงลือเลื่องตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าจริงๆ แล้ว อายุของเขามากกว่าเยี่ยจิ่งและซือคงจิงเพียงไม่กี่ปี การเรียกอีกฝ่ายว่า ‘อนาคตของเขากว่างเฉิง’ ก็ดูจะวางมาดราวกับไม่ใช่คนรุ่นราวคราวเดียวกันไปสักหน่อย

แต่คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครที่รู้สึกแปลกเลย มีเพียงคนส่วนน้อยที่รู้สึกเช่นนั้น

และพวกเขาก็ลืมเรื่องการประลองระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยจิ่งไปเสียสนิท

มุมมอง แนวคิด และวิสัยทัศน์ในการมองปัญหาของทั้งสองฝ่ายอยู่กันคนละชั้นจริงๆ

เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เยี่ยนจ้าวเกอทำให้เตาผลึกหินชั้นในกลับสู่โลกอีกครั้ง นั่นอาจทำให้อำนาจและตำแหน่งของทั้งเขากว่างเฉิงได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น การอุทิศตนเช่นนี้ จะมีศิษย์เยาว์วัยคนใดเทียบเทียมได้

ต่อให้ความสามารถของเยี่ยจิ่งจะน่าทึ่งแค่ไหน แต่มีเพียงอัจฉริยะที่เติบโตขึ้นจริงๆ เท่านั้น จึงจะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ซึ่งก่อนจะถึงจุดนี้นั้น ก็มีความเป็นไปได้มากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย

ในขณะที่พวกเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองเป็นจุดเด่นในสำนัก เยี่ยนจ้าวเกอกลับกำลังคิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ทั้งสำนักก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก

ผู้อาวุโสชุยกลับมายิ้มตาหยีอีกครั้ง “สมกับที่ศิษย์หลานเยี่ยนเป็นความหวังหลัก และยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเขากว่างเฉิงของเราจริงๆ!”

“แต่ว่า เรื่องนี้ควรจะรีบรายงานให้กับเหล่าหัวหน้าสำนัก…”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดแทรกเขาขึ้นมา “เรื่องนี้ไม่รบกวนให้ท่านผู้อาวุโสชุยเป็นกังวลดีกว่าขอรับ เมื่อวานข้าได้รายงานไปเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์ปู่และท่านพ่อต่างก็ทราบแล้ว และที่จริงท่านพ่อก็รับช่วงต่อการค้นคว้าเตาผลึกหินชั้นในต่อแล้วด้วย”

“เตาผลึกหินชั้นในที่อยู่ตรงนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ของทำเลียนแบบ ยังมีอันที่ดีกว่านี้ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือท่านพ่อของข้า ที่ข้าเก็บเตานี้ไว้กับตัวก็แค่เอาไว้ให้ตัวเองลองผิดลองถูกก็เท่านั้น”

หนวดสีขาวของผู้อาวุโสชุยขยับไปมา ฝืนยิ้มพูดว่า “แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากก็ตาม ทว่าต้องปิดเป็นความลับถึงจะถูก มิเช่นนั้นหากข่าวแพร่กระจายออกไป ทำให้สำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นรู้เข้า ก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่เป็นภัยต่อเขากว่างเฉิงของเรา ศิษย์หลายเยี่ยน เจ้ายังขาดความรอบคอบนัก…”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ “คงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการขึ้นในไม่ช้า ด้วยตำแหน่งของท่านผู้อาวุโสคิดว่าพรุ่งนี้ก็คงจะได้รับประกาศแล้วกระมัง”

“ส่วนเหตุผลที่ว่าเหตุใดท่านอาจารย์ปู่ถึงตัดสินใจทำเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจพูดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้เช่นกัน และทางที่ดีท่านผู้อาวุโสชุยเองก็อย่าเอาไปพูดเลยจะดีกว่าขอรับ”

สีหน้าท่านอาวุโสชุยเจื่อนลงเล็กน้อย แต่กลับพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเดินมาตรงหน้าของเขาโดยไม่บอกกล่าว

ขณะนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเป็นความเย็นชา “ท่านผู้อาวุโสปฏิบัติกิจหรือ ตำแหน่งสูงไม่ใช่เล่นเลย แต่สำหรับศิษย์รุ่นหลังแล้ว เพียงไม่นานก็จะลืมสิ่งต่างๆ ที่ท่านเคยทำไปทั้งหมด เพื่อที่หลังจากนี้ท่านจะยังเป็นท่านผู้เฒ่าที่ใจดีมีเมตตาต่อไปได้”

“ท่านคิดว่า ท่านทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าคนมากมาย ข้าจะแค้นใจเจ้าศิษย์น้องเยี่ยคนนั้น โดยที่ไม่คิดจะทำอะไรท่านเลยหรือ?”

……………