ตอนที่ 8 สมองของคุณคิดเอาแต่ไม้ประดับอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินชื่อของหลินจือเซี๋ยวก็พลันรู้สึกลังเลขึ้นมาทันที
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “อันโหรว ใครใช้ให้เธอแต่งตัวแบบนี้มาสัมภาษณ์กัน?!”
เธอสับสนมาก แม้ว่าจะพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่เห็นแบบนี้แล้วคงไม่มีทางที่จะสอบสัมภาษณ์รอบแรกผ่านแน่ ๆ
“ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัว เธอจะกังวลใจไปทำไมกัน?” อันโหรวเผยสีหน้าที่มั่นใจ เพราะอย่างน้อยเมื่อก่อนเธอก็เคยทำให้ประธานคนนี้อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเธอมาแล้ว
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เธอจึงไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด
“เธอนี่จริง ๆ เลย ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรของเธอกันแน่!” หลินจือเซี๋ยวถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็พาอันโหรวไปที่ห้องสัมภาษณ์
เดินไปได้ครึ่งทาง ก็มีคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาข้างหน้า หลินจือเซี๋ยวมองเห็นว่านี่ชักจะไม่ดีแล้ว จึงรีบดึงอันโหรวหลบข้างหลังของเธอในทันที
พนักงานทุกคนต่างยืนต้อนรับด้วยสีหน้าแข็งขัน พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ต่างก็ก้มศีรษะทำความเคารพ พร้อมเอ่ยตะโกนเสียงดังว่า “ประธานจิ่งอรุณสวัสดิ์”
ภายในห้องโถงต่างเงียบสงบทันที มีเพียงแต่เสียงฝีเท้าที่เดินมาจากที่ไกล ๆ อันโหรวถูกหลินจือเซี๋ยวดึงมาหลบด้านหลังอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่อยู่บนฝ่ามือของหลินจือเซี๋ยว
ผ่านไปแล้วห้าปี จากคุณชายจิ่งเปลี่ยนเป็นประธานจิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ ดูมีความสุขุมขึ้นมากด้วย
ในขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้านั้นหยุดเดิน จากนั้นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาว่า “หลินจือเซี๋ยว เอาข้อมูลลูกค้ามาให้ผมที”
อันโหรวได้ยินเสียงสั่นเครือของเพื่อนสนิทของตนเอ่ยออกไปว่า “ได้ค่ะ ประธานจิ่ง ฉันจะรีบเอาไปให้ค่ะ”
“เดี๋ยวนี้เลย” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินจากไปโดยอธิบายเพียงแค่นั้น
อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองหลังของชายคนนั้น เขาทั้งสูงใหญ่ ทรวดทรงสรีระก็ดูดี ในขณะที่กำลังสังเกตชายคนนั้น เขาก็หันหลังกลับมา สายตาของเขาราวกับเหยี่ยวที่จับจ้องมายังเธอ
ไม่ใช่ว่าเขากับเธอไม่เคยเผชิญหน้ากันแบบนี้มาก่อน เพียงแต่ว่าเธออดไม่ได้ที่ต้องจับมือเพื่อนสนิทของตนเอาไว้
เขาที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำ ผูกเนกไทสีดำลายแถบทอง ร่างกายทรวดทรงงดงาม ใบหน้าที่คมชัดบ่งบอกถึงความเป็นชายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน มันกลายเป็นเสน่ห์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ทว่าความเย็นชาที่เผยออกมานั้นกลับทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจพอสมควร
“คนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่อาจเข้ามาในบริษัทจิ่งได้” ขณะที่พูด สายตาของเขาก็ไม่ได้ละจากการจ้องมองมาที่อันโหรวแต่อย่างใด เขาค่อย ๆ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
การที่เธอแต่งหน้าออกมาเหมือนกับคนแก่ชรา หนำซ้ำยังสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ เขาจำเธอไม่ได้แน่ ๆ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดเอาไว้
หลินจือเซี๋ยวกังวลใจมากขึ้น ก่อนจะรีบตอบกลับเขาในทันที “ประธานจิ่งคะ เธอไม่ใช่คนไม่เกี่ยวข้องหรอกค่ะ เธอมาที่นี่เพื่อสอบสัมภาษณ์แผนกวางแผนค่ะ”
เมื่อพูดจบ สายตาหลายคนต่างก็จับจ้องมาที่อันโหรว
ข้อกำหนดของการสอบสัมภาษณ์ของบริษัทจิ่งค่อนข้างตั้งไว้สูง ประการแรกคือการคัดกรองเรื่องเรซูเม่ ซึ่งก็มีหลายคนที่ตกรอบตั้งแต่ข้อนี้
ส่วนการสอบสัมภาษณ์ก็ค่อนข้างที่จะเข้มงวดมาก
“แค่บุคลิกท่าทางก็คงไม่ผ่านแล้ว” จิ่งเป่ยเฉินกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนจะตัดประโยคด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคน
หลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยิน พวกเขาก็รีบเข้ามาเพื่อจะพาคนออกไปทันที
ประธานเอ่ยออกมาแบบนี้แล้ว ต่อให้มีความสัมพันธ์กับเลขาหลินจือเซี๋ยวก็คงไม่มีประโยชน์
“ประธานจิ่ง คุณสมบัติที่คุณต้องการคืออะไรเหรอคะ แจกันดอกไม้สวย ๆ ที่ไม่มีสมองอย่างนั้นเหรอคะ?” อันโหรวเอ่ยออกมา ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากและเดินออกห่างหลินจือเซี๋ยวตรงไปหาเขา
เธอทำเสียงแหบ ๆ อย่างตั้งใจ ใบหน้าที่เปลี่ยนไป บวกกับชื่อของเธอนั้น เธอแทบไม่กังวลกับการกระทำของเธอเลยแม้แต่น้อย
แต่หลินจือเซี๋ยวนั้นรู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่รู้เพราะอะไรจู่ ๆ น้ำเสียงเพื่อนของตนถึงได้เปลี่ยนไปแบบนั้น
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินเลื่อนมองผ่าน เขามองไปยังดวงตาที่มั่นใจและเปล่งประกายของเธอ
ดวงตาคู่นี้…
“ถ้าหากคุณต้องการแค่ไม้ประดับ เช่นนั้นฉันก็จะออกจากการสัมภาษณ์นี้ไป แต่ด้วยความสามารถของฉัน ไม่ว่าจะเข้าบริษัทไหนก็ตาม บริษัทนั้นก็จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและแข็งแกร่งกว่าบริษัทจิ่งอย่างแน่นอน”