จินตนาการสวยเกิน

 

 

 

 

อวี๋หมิงหลางทำสีหน้าจริงจัง “สีชมพู…ผมหมายความว่าผมคิดหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องหลิวลี่ได้แล้ว” 

 

 

“นายน่ะเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนสงสัย ปัญหาที่สุดยอดจิตแพทย์อย่างเธอยังแก้ไม่ได้แต่อวี๋หมิงหลางคิดได้? 

 

 

“อย่าสงสัยในตัวผู้ชายของคุณบ่อยๆ ได้ไหม” อวี๋หมิงหลางหยิกจมูกเสี่ยวเชี่ยนเล่นอีก แล้วถึงบอกความคิดตัวเองให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง 

 

 

“ถ้าหลิวลี่เด็กคนนี้เติบโตขึ้นไม่ได้ เรื่องระหว่างน้าหลิวกับน้าเขยก็ไม่มีทางดีขึ้น น้าหลิวยังเดินออกมาจากวังวนแห่งการสูญเสียพี่ส่วงไม่ได้ ถ้าหลิวลี่เดินตามเส้นทางพี่ชายอีก น้าหลิวเวลานึกถึงก็จะหงุดหงิด อีกอย่างคุณก็ดูออกว่าอันที่จริงหลิวลี่ไม่ได้ชอบการเป็นทหารเท่าไรหรอก เขาก็แค่อยู่ในวัยต่อต้าน” 

 

 

เด็กอายุสิบกว่าจะมีสักกี่คนที่มีเป้าหมายชัดเจนรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร บางครั้งก็เป็นแค่การนึกสนุก คิดว่าตัวเองชอบ ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ 

 

 

“ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ถ้าหลิวลี่ยืนหยัดจะทำแบบนั้นพวกเราจะทำไงได้?” 

 

 

ปัญหามันอยู่ตรงนี้นี่แหละ อาจารย์ลืมลูกชายคนโตที่ตายไปไม่ได้ ลูกชายคนเล็กที่อยู่ในวัยต่อต้านยังคิดจะดำเนินรอยตามแบบพี่ชายกับพ่อตัวเองอีก แต่พออาจารย์เห็นหลิวลี่เป็นแบบนี้ก็ยิ่งเกลียดหัวหน้าใหญ่มากกว่าเดิม สองคนนี้ไม่มีทางจะคืนดีกันได้แล้ว 

 

 

ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน ยากจะแก้ไข 

 

 

“อยากจะมาเป็นทหารงั้นก็ให้เขาได้ลิ้มลอง วันมะรืนพวกเราจะมีการทดสอบ ผมจะให้เขามา” 

 

 

“การทดสอบของพวกนายเหรอ? เขายังเด็กอยู่จะบาดเจ็บหรือเปล่า?” เสี่ยวเชี่ยนถามด้วยความตกใจ 

 

 

อวี๋หมิงหลางหาคน เขาต้องทดสอบด้วยวิธีที่เอาให้เหนื่อยที่สุดแน่นอน ต่อให้เป็นทหารที่เคยผ่านการฝึกมาก็ยากจะรับได้ แล้วนับประสาอะไรกับเด็กอย่างหลิวลี่? 

 

 

“บาดเจ็บแผลภายนอกมันก็ต้องมีบ้าง แต่อาการบาดเจ็บหนักๆคงไม่มี มีผมคอยดูอยู่ไม่มีปัญหาหรอก ผมจะใช้วิธีการรักษาเขาแบบเอาให้เข็ด ครั้งเดียวก็พอ ต่อไปพอเห็นทหารชุดเขียวจะได้เดินหนี อีกอย่างเรื่องนี้จะทำให้เขารู้ว่าพี่ชายของเขาทำงานยังไง คำว่าฮีโร่ใช่ว่าจะพูดลอยๆออกมาได้” 

 

 

การรับมือกับเด็กวัยรุ่นแบบนี้ต้องโหดหน่อย เสี่ยวเชี่ยนคิดๆดู วิธีรักษาแบบเอาให้เข็ดแบบนี้มาใช้ตอนนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เธอก็เคยใช้วิธีแบบนี้รักษาเฉินจื่อหลง จนถึงตอนนี้เฉินจื่อหลงพอเห็นเกมอินเตอร์เน็ตถึงกับขยาดเลยทีเดียว 

 

 

“แต่ถ้าเขาสามารถทำการทดสอบของพวกนายได้สำเร็จอีกทั้งยังทำได้ดีด้วย กลายเป็นเขาชอบการเป็นทหารมาก แบบนั้นจะทำไง?” 

 

 

ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้จะน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี 

 

 

“ถ้าเขาสามารถผ่านการทดสอบอันหนักหน่วงได้ถ้างั้น…ปล่อยไปตามธรรมชาติก็ดีนะ เป็นทหารหน่วยรบพิเศษได้ ไปอยู่หน่วยงานไหนก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” 

 

 

อวี๋หมิงหลางเองก็ผ่านการคิดอย่างรอบคอบแล้วถึงได้คิดวิธีนี้ออกมา 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นด้วย ก็จริงนะ เรื่องนี้ก็มีวิธีจัดการแบบนี้ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้นะ 

 

 

ปัญหายิ่งซับซ้อน วิธีแก้ไขก็มักจะง่ายๆ 

 

 

“วิธีการทดลองโดยใช้สถานการณ์จริงแบบนี้พวกเราก็ใช้กันอยู่บ่อยๆ แต่ฉันกลับนึกไม่ถึง ต้นตอของปัญหาอยู่ที่กองทัพ ก็ต้องให้กองทัพจัดการ แล้วนายก็เป็นคนคุมสอบด้วยพูดนิดหน่อยก็ให้หลิวลี่เข้าไปร่วมทดสอบได้แล้ว” 

 

 

“ก็ไม่ใช่ผมเป็นคนตัดสินใจหรอก เรื่องนี้ผู้นำเป็นคนเคาะคำสั่งลงมา ยังไงหลิวลี่ก็เป็นน้องชายคนเดียวของโลนวูล์ฟ เบื้องบนให้ความสำคัญกับครอบครัวของทหารมาตลอด” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าอวี๋หมิงหลางอย่างอารมณ์ดี “น้องชาย เรื่องนี้ทำได้ดีเลยนะ” 

 

 

“ทำเป็นพูด รอผมว่างก่อนเถอะจะมาจัดการคุณ ช่วงนี้เอาใหญ่แล้วนะ” 

 

 

“กลัวเหรอ? ทำอย่างกับไม่เคยให้โอกาส ใครใช้ให้นายธุระเยอะล่ะ? ขอคิดก่อนนะ คนแถวนี้กว่าจะว่างครั้งหน้า ทำไมฉันรู้สึกว่าก็อีกตั้งเดือนสองเดือนล่ะ? คัดเลือกคนใหม่เสร็จก็ต้องพากลับไปฝึกแบบปิดหนึ่งเดือน เสี่ยวเฉียงน้อยที่น่าสงสาร” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า อวี๋หมิงหลางมองตามสายตาเธอ เสี่ยวเฉียง…น้อย? 

 

 

ก็ได้ เข้าใจแล้ว 

 

 

ยัยตัวแสบ 

 

 

“งั้นพรุ่งนี้ ผมจะบอกหลิวลี่ เรื่องนี้พวกเราร่วมมือกันได้ดี ตอนแรกน้าเขยไม่อนุญาตหรอก ไม่อยากให้หลิวลี่เข้าร่วมทดสอบอะไรแบบนี้ แต่คุณโทรเข้ามาพูดให้น้าเขยใจอ่อนได้พอดี” 

 

 

“นายคงไม่คิด…ให้หัวหน้าใหญ่เป็นคนพาหลิวลี่ทำภารกิจทดสอบหรอกนะ?” เสี่ยวเชี่ยนเบิกตาโพลง อวี๋เสี่ยวเฉียงนายนี่ใช้ได้เลยนะ แม้แต่หัวหน้าตัวเองก็ไม่เว้น 

 

 

“อืม ผมคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งหลายปี การไปอยู่ในภูเขาสามวันสองคืนสองพ่อลูกน่าจะเข้าใจกันมากขึ้น ถือเป็นการพาลูกก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ด้วย” 

 

 

เพียงแค่เบื้องหลังอาจจะมีทหารติดอาวุธไล่ตามก็เท่านั้น เป็นการ ‘ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่’ ที่พิเศษมาก 

 

 

อวี๋หมิงหลางลองจินตนาการภาพแล้วก็หัวเราะออกมา “เสียวเหม่ย ต่อไปถ้าพวกเรามีลูกเดี๋ยวผมพาเขาก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่สักครั้งดีไหม? ให้เขานั่งบนไหล่ผม ผมเป็นคุณพ่อเขาไท่ซาน พาเขาบินไปในภูเขา~” 

 

 

“…นายปล่อยลูกไปเถอะนะ” 

 

 

พอเสี่ยวเชี่ยนนึกภาพเขาเอาเสี่ยวเหวยวางบนไหล่เหมือนลิง วิ่งวุ่นไปทั่ว ข้างหลังมีรถถังไล่ตาม เสี่ยวเหวยนั่งหัวเราะคิกคักอยู่บนไหล่ของเขา เป็นภาพที่ชวนหวาดเสียวมาก ต่อให้เป็นภาพที่สวยงามแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าคิด… 

 

 

“หัวหน้าใหญ่จะยอมไปโดยดีเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนดูยังไงหัวหน้าใหญ่ก็ไม่เหมือนคนแบบอวี๋หมิงหลางที่เอาเรื่องการฝึกโหดๆมองเป็นเรื่องกิจกรรมสันทนาการของพ่อลูก 

 

 

“ผมเลียนแบบคุณ ปั่นหัวน้าเขย ผมเอาเรื่องสุขภาพของหลิวลี่ขู่เขา เขาก็เลยยอม เสียวเหม่ย ผมได้ข้อสรุปแล้วนะว่า คุณเป็นจิตแพทย์รักษาคนคุณต้องจับจุดสำคัญให้ได้นั่นก็คือร่ำรวย รวมถึงแม่กับพี่สะใภ้ใหญ่ของผมเวลารักษาคนไข้ด้วย หลักการเดียวกัน” 

 

 

“หืม?” 

 

 

“ข่มขู่คนไข้ คุณก็ข่มขู่ให้เต็มที่เลย รวมถึงญาติคนไข้ด้วย ถ้าเห็นว่าแต่งตัวเหมือนพวกเศรษฐีใหม่นะคุณก็บอกไปเลยว่ารักษาไม่ได้ ยกเว้นแต่บลาๆๆ ยังไงเขาก็ฟังคุณ จะเอาเท่าไรก็ให้…แน่นอนว่าพวกเราเป็นคนทำงานสุจริต ทำแบบนั้นไม่ได้” 

 

 

เขาก็แค่พูดให้ฟัง 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองบน “ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณน้า แล้วคุณน้าก็จะเอาสว่านเจาะกระดูกมาฆ่านาย” 

 

 

ดูถูกอาชีพหมอขนาดนี้หาเรื่องเจ็บตัวชัดๆ ในบ้านมีหมอตั้งสามคน ยังกล้าเสนอความคิดแบบนี้…ถ้านับต้าอีรวมด้วยก็จะเป็นมีหมอสี่คน หมอเยอะแยะแบบนี้ยังคิดจะหาเรื่อง? 

 

 

“ฮี่ๆ ผมเห็นเสียวเหม่ยของผมหน้าโหดดูแล้วเหมือนคนหน้าเลือด เสียวเหม่ย พวกเรากำหนดราคาได้โดยไม่ต้องสนกรมการค้าเลยเหรอ กำหนดตามใจได้เลย?” 

 

 

“ไม่เกี่ยวกับกรมการค้าแต่ก็ใช่ว่าจะกำหนดยังไงก็ได้ แต่มาให้ฉันรักษามันก็ราคาประมาณนึง…แต่เดี๋ยวนะเสี่ยวเฉียง ฉันค้นพบว่านับตั้งแต่ฉันเจอนายฉันก็ไม่ได้เก็บเงินใครเลย” 

 

 

ชาติที่แล้วเสี่ยวเชี่ยนฆ่าแกะตัวอ้วนๆไปเยอะ พอเห็นก็จะรีดเอาเต็มที่ แต่คนที่เธอเก็บเงินแบบขูดรีดล้วนเป็นคนระดับเจิ้งซวี่ บางครั้งมีบ้างที่คิดค่ารักษาถูกๆให้กับมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ถือว่าทำการกุศล 

 

 

ไม่พูดถึงก็ไม่ได้สนใจเลย นับตั้งแต่เธอกลับชาติมาเกิดก็รักษาคนไปมากแล้วทั้งโรคเล็กโรคใหญ่ ทำไมถึงไม่ได้กำไรเลยล่ะ? เจ็บใจนัก