หลินมู่อวี่ยืนนิ่งไม่พูดอยู่ที่เดิม เพ่งสายตาไปที่หญ้าด้ายเงิน เพ่งสมาธิไปได้ราวครึ่งนาที เนื้อเยื่อของหญ้าด้ายเงินก็ค่อยๆ ลอกออกต่อหน้าต่อตา สสารขนาดเล็กปรากฏขึ้นกลางใบและราก นั่นมันแก่นโอสถ!
หลินมู่อวี่ทำเสียงประหลาดใจ ค่อยๆ กางฝ่ามือออก เตรียมใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์จากวิชาปรุงโอสถกับหญ้าด้ายเงิน
แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขาจึงอดวิตกขึ้นมาไม่ได้
ฉู่เหยาเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล “อาอวี่ ไม่ต้องรีบร้อน มนุษย์ทุกคนมีพลังปราณติดตัว เพราะว่าปราณเป็นพลังมหัศจรรย์ที่จักรวาลประทานมาให้”
หลินมู่อวี่ไม่พูดอะไร ยังคงขับดันพลังภายในร่างต่อ ในที่สุดก็เกิดคลื่นความอบอุ่นขึ้นในร่างกาย คลื่นพลังนั้นค่อยๆ ไหลมาที่นิ้วมือ จากนั้นแสงสีเขียวอ่อนแผ่ออกมาจากร่างกาย ความรู้สึกแบบนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน นั่นคือวิชาฝ่ามือพิสุทธิ์นั่นเอง!
“ซ่าๆ …”
หญ้าด้ายเงินเริ่มสั่นน้อยๆ ภายใต้การชักนำของฝ่ามือพิสุทธิ์ จากนั้นส่วนประกอบต่างๆ ก็เริ่มปริออก แก่นโอสถเม็ดเล็กๆ ค่อยๆ ลอยมาหาฝ่ามือของหลินมู่อวี่ หลังจากนั้นสองนาที แก่นโอสถเม็ดจิ๋วก็นอนนิ่งอยู่บนฝ่ามือของหลินมู่อวี่!
“หา?”
ฉู่เหยาอ้าปากค้าง ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ นักปรุงโอสถสามารถใช้วิชาฝ่ามือบริสุทธิ์เป็นทุกคน ทว่านางยังไม่เคยเจอใครที่ใช้ฝ่ามือบริสุทธิ์สำเร็จในครั้งแรก แม้แต่ตัวนางเองก็ใช้เวลาฝึกอยู่เกือบหนึ่งเดือน ล้มเหลวนับหมื่นนับพันครั้งก่อนจะสำเร็จวิชานี้ในที่สุด!
“อาอวี่…” ฉู่เหยาเขย่าแขนหลินมู่อวี่ ดวงตากลมโตกะพริบ “จะ…เจ้าหัดปรุงยาครั้งแรกจริงๆ หรือ”
หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าควรจะตอบนางยังไง เพราะเป็นครั้งแรกบนโลกใบนี้ แต่ว่าในเกมนั้นทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แม้แต่สมุนไพรระดับสิบเขาก็เคยปรุงมาแล้ว นับประสาอะไรกับสมุนไพรระดับหนึ่งนี้ เขาจึงตอบไปว่า “เป็นครั้งแรกของข้าที่นี่จริงๆ…”
ฉู่เหยาตื่นเต้นดีใจ รีบตะโกนขึ้น “ท่านปู่! ท่านปู่! รีบมาดูนี่เร็วเข้า!”
ฉู่เฟิงนึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จึงรีบพุ่งเข้ามาในห้อง และพบเพียงหลินมู่อวี่ และฉู่เหยายืนอยู่ในห้องนั้น รีบร้อนถาม “เกิดอะไรขึ้นรึอาเหยา”
ฉู่เหยาชี้ไปที่แก่นโอสถเม็ดจิ๋วบนจาน “ท่านปู่ดูสิ! อาอวี่ ใช้ฝ่ามือบริสุทธิ์เป็นแล้ว ลองแค่ครั้งเดียวเองด้วย!”
“งั้นรึ”
ฉู่เฟิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครใช้ฝ่ามือบริสุทธิ์สำเร็จในครั้งแรก ในจักรวรรดินี้ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน แม้แต่คนที่ได้เป็นเทพโอสถก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสามวันถึงจะฝึกสำเร็จ ฉู่เหยาเองกว่าจะช่ำชองได้ก็ยังต้องฝึกอยู่ถึงหนึ่งเดือน ขณะที่ศิษย์ฝึกหัดที่พื้นฐานร่างกายอ่อนหน่อยต้องใช้เวลาถึงสามถึงหกเดือนด้วยกัน ส่วนพวกที่พื้นฐานร่างกายแย่กว่า ฝึกชั่วชีวิตก็ไม่มีทางสำเร็จ
แต่แก่นโอสถวางอยู่ในจานนั่น ความจริงมากองอยู่ตรงหน้า สิ่งที่ทำให้ตื่นตะลึงยิ่งกว่าก็คือแก่นโอสถที่หลินมู่อวี่ สกัดออกมาเล็กกว่าของฉู่เหยาเสียอีก
ฉู่เฟิงเองก็เป็นผู้ช่ำชองในด้านการปรุงโอสถเช่นกัน แน่นอนว่าเขาเข้าใจดี แก่นโอสถมีขนาดเล็กเพราะว่าสิ่งปนเปื้อนถูกสกัดออกไปได้หมดจดมากกว่า หญ้าด้ายเงินที่หลินมู่อวี่ใช้น้ำหนักพอกันกับที่ฉู่เหยาใช้ แต่ขนาดของแก่นโอสถกลับมีขนาดแค่หนึ่งในสามของฉู่เหยา นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
จากท่าทางของหลินมู่อวี่แล้ว หน้าตาดูไม่น่าหลอกใครได้ อายุแค่ยี่สิบกว่าๆ แต่ฝ่ามือบริสุทธิ์กลับมีระดับขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับปราญช์โอสถ!
“ปราชญ์โอสถที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิก็มีอายุห้าสิบสองปีแล้ว…” ฉู่เฟิงมิอาจเข้าใจสิ่งนี้ได้เลย หรือว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผู้นี้จะเป็นคุณชายจากตระกูลชั้นสูงที่มาตกระกำลำบากในเมืองหยินปินนี้กัน
“ท่านปู่ อาอวี่เก่งจริงๆ ท่านว่าไหม” ฉู่เหยายิ้มถามด้วยความดีใจ
ฉู่เฟิงยิ้มและพยักหน้า ฉู่เหยาไร้เดียงสาจะตามเรื่องแบบนี้ทันที่ไหน ฉู่เฟิงมองหลินมู่อวี่อีกครั้งแล้วเอ่ยถาม “อาอวี่ เจ้าลองสกัดสมุนไพรตัวอื่นดูได้หรือไม่ อย่าง…ดอกสาลี่เหล็กนี่เป็นไง”
ดอกสาลี่เหล็ก เป็นสมุนไพรระดับสองแต่มีฤทธิ์แรง เปลือกนอกของมันแข็งเหมือนเหล็ก เวลาเก็บสมุนไพรนี้ ต้องขุดขึ้นมาทั้งราก เพราะพลั่วที่ใช้ในการเก็บสมุนไพรธรรมดานั้นไม่สามารถตัดลำต้นของมันให้ขาดได้ แถมสมุนไพรชนิดนี้ยังทำให้นักปรุงโอสถจำนวนมากรู้สึกอยากตาย การใช้ฝ่ามือบริสุทธิ์เพื่อลอกเปลือกมันออกเป็นฝันร้ายชัดๆ !
ดังนั้นในโลกแห่งการปรุงโอสถจึงมีภาษิตว่า “เปลื้องผ้าสาวนั้นง่าย เปลื้องดอกสาลี่เหล็กนั้นยากเข็ญ” เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าการสกัดแก่นโอสถจากดอกสาลี่เหล็กยากเย็นเพียงใด แม้แต่ปรมาจารย์โอสถเองยังก็ไม่อยากจะไปท้าทายเจ้าดอกสาลี่เหล็กที่เป็นแค่สมุนไพรระดับสองนี่เลย!
ฉู่เฟิงให้หลินมู่อวี่ลองสกัดดอกสาลี่เหล็ก เห็นชัดว่าทำเกินไปหน่อย แม้แต่ฉู่เหยาเองยังรู้ว่ามีเพียงระดับปรมาจารย์โอสถเท่านั้นที่จะสกัดแก่นโอสถจากดอกสาลี่เหล็กนี่ได้
“ท่านปู่ นี่…” นางย่นปากน้อยๆ ของนาง
น้ำเสียงของฉู่เฟิงเข้มงวดขึ้นเล็กน้อย “อาเหยาเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ดูอาอวี่ว่าเขาทำยังไง”
แน่นอนว่าคนฉลาดอย่างหลินมู่อวี่เข้าใจความคิดของฉู่เฟิง ความจริงเขายังรู้อีกด้วยว่า ถ้าอยากจะอยู่อย่างสงบ ก็อย่าทำตัวเด่นมาก เพราะต้องซ่อนพลังของตนเองไว้ถึงจะทำให้เป็นหนทางที่จะหลีกพ้นหายนะ แต่ว่านิสัยของหลินมู่อวี่บ้าระห่ำ เขาไม่ชินและไม่ชอบกับการซ่อนเร้น!
เขาเดินเข้าไปใกล้ดอกสาลี่เหล็ก ทำสมาธิรวบรวมปราณมาไว้ที่กลางฝ่ามือจนเป็นฝ่ามือบริสุทธิ์ ฝ่ามือหนึ่งข้างแบออก ปราณกลายเป็นเส้นสายบางๆ ไหลเข้าสู่ดอกสาลี่เหล็กทันที หลินมู่อวี่จดจ่อที่ลำต้นของสมุนไพรนี้ได้โดยสมบูรณ์ ใช้พลังดวงจิตเพื่อคลี่โครงสร้างเนื้อเยื่อดอกสาลี่เหล็กออก ที่จริงแล้ว เขารู้ว่าดอกสาลี่เหล็กมีเปลือกหุ้มสามชั้น ชั้นแรกเป็นเหล็ก ชั้นที่สองเป็นหิน และชั้นที่สามเป็นไม้ ตรงกลางถึงจะเป็นแก่นที่แท้จริง ทว่าห้ามใช้มีดหรือขวานหั่น มิเช่นนั้นแล้วทันทีที่เปลือกชั้นนอกถูกทำลาย แก่นโอสถด้านในก็จะสลายหายไปทันที
เกือบหนึ่งนาทีเต็ม ด้วยฝ่ามือพิสุทธิ์ เปลือกชั้นนอกสุดของดอกสาลี่เหล็กเริ่มปริร้าวและร่วงลงพื้น จากนั้นจึงเริ่มกระเทาะเปลือกชั้นที่สอง ด้วยการมองหารอยร้าวเล็กๆ บนชั้นหินแล้วค่อยๆ กระเทาะมันออก ครั้งนี้เขาใช้เวลาไปเกือบสองนาที จนมาถึงชั้นสุดท้ายที่เป็นชั้นไม้ ใช้เวลาถึงสามนาที ในที่สุดไม้ก็ค่อยๆ ร่วงลงพื้น ดอกสาลี่เหล็กสีดำกลายเป็นรากสีเขียว แก่นโอสถค่อยๆ มารวมตัวกันบนฝ่ามือของหลินมู่อวี่ หลังจากผ่านไปทั้งหมดสิบนาที จากดอกสาลี่เหล็กขนาดใหญ่เหลือเพียงแก่นโอสถก้อนกลม ขนาดเท่าไข่นกบนฝ่ามือของหลินมู่อวี่
“ท่านปู่ นี่ใช่ไหม” หลินมู่อวี่ประคองแก่นโอสถของดอกสาลี่เหล็กขึ้นและยิ้ม
“……”
ฉู่เฟิงตะลึงงันนิ่งกับที่ เขาไม่พูดอะไร เขารู้ว่าตนเองเก็บของล้ำค่ามาได้เสียแล้ว!