“อาอวี่ เจ้าไม่เคยเรียนฝ่ามือบริสุทธิ์มาก่อนเลยหรือ” ฉู่เฟิงอดไม่ได้จึงเอ่ยถาม
หลินมู่อวี่ยืดแขน “เปล่าฮะ แต่ข้าเข้าใจโครงสร้างของสมุนไพรเป็นอย่างดี บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้มั้ง…”
เป็นคำอธิบายที่ไม่ช่วยอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็เป็นคำอธิบายล่ะน่า
ฉู่เฟิงมิอาจยับยั้งความปิติในใจ “งั้น…ในเมื่อเจ้าใช้ฝ่ามือบริสุทธิ์เป็นแล้ว…อาเหยา เจ้าก็เริ่มสอนอาอวี่เรื่องตำรายาเถอะ เริ่มสอนการปรุงโอสถระดับหนึ่งกับสองก่อน การประลองตำรับโอสถปีนี้ ร้านโอสถไป่หลิงของเราจะส่งโอสถของเจ้า อาอวี่และหวังหยิ่งเข้าร่วมด้วย”
“อะไรนะ?”
หวังหยิ่งตกใจ “ท่านอาจารย์ โอสถของท่านไม่เข้าร่วมการประลอง แต่กลับให้ศิษย์อย่างพวกเราสามคนเข้าร่วมงั้นหรือขอรับ”
ฉู่เฟิงยิ้มเล็กน้อย “อาจารย์แก่แล้ว ควรจะให้พวกเจ้าได้ฝึกมากหน่อย”
หวังหยิ่งเงียบไม่พูดจา หากแต่หลินมู่อวี่เข้าใจแจ่มแจ้ง ท่านปู่ฉู่เฟิง อยากให้เขาสู้ ดูว่าจะได้อะไรกลับมาให้ร้านโอสถไป่หลิงบ้าง
ไม่นาน ห้องเก็บยาก็เหลือเพียงหลินมู่อวี่และฉู่เหยาสองคนอีกครั้ง
“พี่ฉู่เหยา การประชุมตำรับโอสถสำคัญมากเหรอ” หลินมู่อวี่อดทนอยู่นาน แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวถามขึ้น
ฉู่เหยาพยักหน้า “ใช่แล้ว เมืองหยินซานมีห้างร้านโอสถรวมกันราวหนึ่งร้อยกว่าร้าน ทำหน้าที่จำหน่ายยาให้เมืองที่อยู่รายรอบสองสามเมือง ทว่าเงินสนับสนุนจากทางการกลับมีจำกัด ดังนั้นทางการจึงให้เงินสนับสนุนกับร้านโอสถที่ติดสิบอันดับแรกในการประลองตำรับโอสถเท่านั้น ครั้งที่แล้วร้านโอสถไป่หลิงของเราได้อันดับที่เจ็ดสิบเก้า คราวนี้เกรงว่าก็คงจะไม่มีโอกาสเหมือนเดิม มาเถอะ อาอวี่ ข้าจะสอนการปรุงโอสถให้เจ้าเอง!”
โดยมิได้ตั้งใจ ฉู่เหยาจับมือหลินมู่อวี่อย่างเป็นธรรมชาติ นางรู้สึกได้ว่าศิษย์น้องหน้าตาดีคนนี้ไม่เพียงแต่มีบุคลิกท่าทีเป็นกันเอง แต่ยังทำให้นางประหลาดใจได้หลายครั้งหลายหน!
ฉู่เหยาเปิดตำราเล่มหนา ชี้ไปบนนั้น พร้อมเอ่ยเสียงนุ่ม “เรา…มาลองปรุงโอสถระดับหนึ่งกันก่อน อืม…เป็นโอสถสมานแผลก็แล้วกัน! เจ้าดูส่วนผสม ใช้หญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาลในอัตราส่วนแปดต่อสอง หลังจากผสมเข้ากันแล้ว ให้สกัดด้วยความร้อนสูง นี่คือตราชั่ง เจ้ามาลองเองเถอะ”
“อือ”
ฉู่เหยาจุดตะเกียงน้ำมัน หลินมู่อวี่ใช้ฝ่ามือพิสุทธ์ของเขาสกัดแก่นโอสถของหญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาลให้ได้ออกมาจำนวนมากพอ ทว่าเขาไม่ได้ใช้อัตราส่วนแปดต่อสอง แต่เป็นเจ็ดจุดเจ็ดต่อสองจุดสามแทน เพราะนี่คืออัตราส่วนที่ดีที่สุดจากการทดลองของหลินมู่อวี่เอง จากนั้นเขาเติมผงดอกสาลี่เหล็กลงไปเล็กน้อย ไม่มีเหตุผลอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะดอกสาลี่เหล็กช่วยเพิ่มความเร็วในการสมานแผล ดูเหมือนผู้คนบนโลกนี้จะยังไม่รู้สูตรเฉพาะนี้กัน! แม้แต่ในตำราโอสถก็ยังไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการสมานแผลของดอกสาลี่เหล็กเลย!
หลังจากผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกันแล้ว เขาก็นำไปเผาบนจานที่อยู่เหนือตะเกียงน้ำมัน ขณะเดียวกัน หลินมู่อวี่แบมือข้างขวาออก ฝ่ามือพิสุทธิ์ม้วนอากาศกลายเป็นเกลียวคลื่น หมุนวนเร่งการผสมรวมกันของสมุนไพรทั้งสามชนิด ขั้นตอนนี้ทำให้ฉู่เหยาตกตะลึงเป็นยิ่งนัก นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฝ่ามือบริสุทธิ์ก็ใช้แบบนี้ได้ด้วย
“เรียบร้อย!”
หลังจากหลอมรวมแก่นโอสถเสร็จก็เติมน้ำอุ่นปริมาณเล็กน้อย เพื่อให้โอสถสมานแผลมีลักษณะเป็นครีมเหนียวข้น ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้แก่นโอสถผสมกันได้มากขึ้นด้วย
ฉู่เหยาหยิบจานใบเล็กนั้นมา สูดหายใจเข้าลึกๆ และยิ้ม “กลิ่นหอมจัง อาอวี่ ข้าไม่เคยได้กลิ่นโอสถสมานแผลที่หอมแบบนี้มาก่อนเลย!”
หลินมู่อวี่ยิ้มบาง “เมื่อผสมหญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาลเข้าด้วยกัน จะมีกลิ่นหอมออกมา กลิ่นของมันช่างหอมยิ่งนัก”
ฉู่เหยาหัวเราะและเอ่ยว่า “อาอวี่ เจ้าปรุงโอสถสมานแผลเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย พรุ่งนี้เรานำไปขายที่ตลาดกัน น่าจะได้ราคาดี! เอาล่ะ ศิษย์พี่คนนี้จะช่วยเจ้าปรุงโอสถเอง”
“อืม ได้!”
ทั้งสองปรุงยาสมานต่อจวบจนรุ่งเช้า ในที่สุด ความง่วงนอนก็เข้าจู่โจม หลินมู่อวี่ใช้ปราณในร่างมากเกินไป เขาฟุบหลับสนิทอยู่บนโต๊ะปรุงโอสถ
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าข้างกายยังมีสาวงามนางหนึ่งพิงเขาอยู่ด้วย นั่นก็คือฉู่เหยานั่นเอง
แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาทางช่องประตู ฉู่เหยายืดแขนบิดขี้เกียจ แล้วมองหลินมู่อวี่ที่อยู่ด้านข้าง และอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความขวยเขิน “อาอวี่ พวกเราผล็อยหลับไปได้ยังไงเนี่ย”
หลินมู่อวี่ขยี้ตา “น่าจะสกัดแก่นโอสถจนเพลีย พี่ฉู่เหยา พวกเราปรุงโอสถสมานแผลไปได้เท่าไหร่หรือ”
“ห้าสิบเอ็ดขวด ใช้วัตถุไปทั้งหมดประมาณยี่สิบเหรียญเงิน!”
“โอ้ งั้นโอสถสมานแผลขายได้ขวดเท่าไหร่เหรอ”
“ปกติโอสถสมานแผลราคาขวดละหนึ่งเหรียญเงิน พวกนายพรานและทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์บางคนรู้จักโอสถนี้ดี โอสถสมานแผลที่คุณภาพสูง ราคาก็จะสูงตามไปด้วย เพราะการต่อสู้กับสัตว์ร้าย โอสถคุณภาพดีจะช่วยรักษาชีวิตได้ ร้านโอสถไป่หลิงของเราร้านเล็กทุนน้อย ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อสมุนไพรระดับสูงที่มากกว่าระดับสี่ สินค้าหลักของเราก็คือโอสถสมานแผลนี่แหละ”
“แบบนี้นี่เอง เช่นนั้นพวกเรารีบกินข้าวเถอะ เสร็จแล้วจะได้ไปขายโอสถที่ตลาดกัน”
“อือ”
แสงแดดสดใส เหล่าศิษย์ทั้งสี่คนของร้านโอสถไป่หลิงประกอบด้วย หวังหยิ่ง ฉู่เหยา หลินมู่อวี่และหลัวไค ช่วยกันแบกกล่องใส่โอสถไปที่ตลาด ตลาดตั้งอยู่บริเวณสี่แยกในเมืองหยินซาน ซึ่งใกล้กับจวนเจ้าเมือง ผู้คนสัญจรไปมาจะต้องผ่านที่นี่แน่นอน
ที่ตั้งของร้านโอสถไป่หลิงนั้นไม่ค่อยดี ถ้าเอาแต่นั่งรอลูกค้ามาซื้อฝ่ายเดียว คงอดตายก่อน ดังนั้นการนำโอสถมาขายที่ตลาดของเหล่าศิษย์ จึงเป็นหนึ่งในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
นั่งลงแล้ว หลินมู่อวี่จึงนำโอสถสมานแผลทั้งห้าสิบเอ็ดขวดมาวางเรียง ส่วนด้านข้าง หวังหยิ่งกำลังจัดวางโอสถจิตสันต์และโอสถเพิ่มพลัง ซึ่งเป็นโอสถระดับสองที่ตนเองปรุง โอสถจิตสันต์ช่วยบรรเทาอาการหน้ามืดหลังได้รับบาดเจ็บ เพิ่มกำลังวังชา ให้กับคนผู้นั้น ส่วนโอสถเพิ่มพลังนั้นสกัดจากเลือดพยัคฆ์ ซึ่งสามารถกระตุ้นศักยภาพและเพิ่มพลังของผู้ใช้
ปกติแล้ว ผู้คนที่มาซื้อหาโอสถล้วนอยู่ในอาชีพที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตรายอย่างผู้ฝึกตน พวกทหารรับจ้าง ทหารในกองทัพหรือนายพราน โดยเฉพาะทหารรับจ้างบางคน เพื่อที่จะสังหารสัตว์ร้ายหรือศัตรูจอมพลัง จึงต้องการโอสถที่ใช้ระหว่างการต่อสู้เช่น โอสถเพิ่มพลัง โอสถจิตสันต์ เป็นต้น แบบนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการชนะและมีชีวิตรอด
หวังหยิ่งก็เริ่มตะโกนเสียงดัง “โอสถเพิ่มพลัง โอสถจิตสันต์ ยาสมานแผลคุณภาพดี! เชิญเข้ามาดู มาซื้อหากันได้เลย! ผลิตโดยร้านโอสถไป่หลิง! รับประกันคุณภาพ!”